มิตรแท้ในเรือน
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
มิตรแท้ในเรือน
เพียงลำพังตัวเราคนเดียว บางครั้งก็ยังขัดแย้งและทะเลาะกับตัวเองอยู่บ่อยๆ บางเรื่องทำลงไปแล้วก็ยังรู้สึกว่าผิดและนึกเสียใจว่าเราไม่น่าทำเลยในเรื่องนั้น ใจของเราแท้ๆบางคราวก็ยังออกนอกลู่นอกทางอย่างไม่ตั้งใจ นับประสาอะไรกับผู้คนที่เราพบปะเจอะเจอจะไม่มีเรื่องราวขัดแย้งหรือผิดใจเรา
คู่สามีภรรยาหรือคู่รักทั้งหลายก็หลีกไม่พ้นกฎธรรมดาในข้อนี้ จำต้องมีเรื่องผิดใจกัน ขัดใจกัน พบกับความหมองมัวหรือบางคราวก็หมางเมินต่อกัน เป็นธรรมดาของการมีชีวิตคู่ การไม่ทะเลาะกันเลยเสียอีกยังจะเป็นเรื่องแปลกและน่ากลัวอยู่ในที เพราะแสดงว่าทั้งสองฝ่ายต้องเก็บกดความไม่พอใจอะไรบางอย่างไว้ แต่ยังไม่ยอมเปิดเผยความในใจออกมา
เมื่ออยากทะเลาะกันก็จงทะเลาะไปเถิด เพียงแต่มีสติกำกับไปด้วยแม้จะกำลังด่าว่าเสียงดังหน้าตาเหมือนยักษ์หรือตาเขียวจะได้หายจากความอัดอั้น แต่เมื่อทะเลาะกันแล้วก็อย่าไปผูกใจเจ็บหรืออาฆาตมาดร้ายต่อกัน พออีกฝ่ายง้อเอ่ยปากเรียกกินข้าวหรือถามหาสิ่งของ ก็จงรีบผลุนผลันรีบเปิดประตูออกมาจากห้อง แล้วนั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นแล้วลืมอดีตไปทันที
สามีภรรยาคู่ใดทำได้อย่างนี้ พลังแห่งความรักที่มีต่อกันจะแน่นแฟ้นและสูงส่งขึ้น เป็นการได้ปฏิบัติตามหลักธรรมคือ มีความจริงใจต่อกัน มีความอดทน มีความอดกลั้น และมีเมตตา เสียสละ ให้อภัยต่อกัน อันเป็นหมวดหมู่ของธรรมะที่ชื่อว่า “ฆราวาสธรรม”โดยที่ไม่ต้องท่องหรือรู้บาลีแม้แต่น้อย แต่เขาและเธอก็ชื่อได้ปฏิบัติตาม ๑. สัจจะ ๒. ทมะ ๓. ขันติ และ๔. จาคะ ไปโดยธรรมชาติและเป็นไปโดยอัตโนมัติแล้วอยู่ในตัว
หลักสำคัญอย่าไปคิดว่าตัวเราถูกไปทุกอย่าง ต้องยอมรับความจริงว่า ตัวเรานี้ก็มีส่วนผิดอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ชีวิตสมรสมีความหมายอันลึกซึ้งและยิ่งใหญ่อยู่ในตัว คนเรานั้นต้องสร้างบุญกรรมร่วมกันมาไม่น้อย จึงมาได้เสียเป็นเมียผัวหรือได้แต่งงานครองคู่กัน ทั้งๆที่ผู้คนในโลกทั้งหญิงชายมีอยู่มากมาย แต่เราสองคนกลับต้องมาใช้ชีวิตและมีสุขมีทุกข์ร่วมกัน
จงมองกันประหนึ่งเหมือนเพื่อนชีวิต อย่าพยายามบงการให้อีกฝ่ายอยู่ในอำนาจ จะทำให้หัวใจของเราจะเกิดความหวาดหวั่นและเคร่งเครียดอยู่บ่อยๆ จงเชื่อมั่นในบุญกรรมที่ทำกันมาโดยไม่ต้องหวาดระแวงจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายเหลิงมากเกินไปจนเดินผิดทาง อันแสดงว่าเป็นความหลงใหลมากกว่าความรักที่มอบให้แก่เขาอย่างแท้จริง
มีพุทธสุภาษิตบทหนึ่งทรงตรัสไว้ว่า “ภริยาผู้เชื่อฟัง คือภริยาประเสริฐที่สุด” เรื่องนี้ได้ยินแล้วหลายคนคงตกใจ สมัยสอบนักธรรมตอนบวชใหม่ๆก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ในที
แต่พอวัยล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้ ก็เห็นชัดขึ้นทุกทีจากการเฝ้าดูชีวิตของผู้คนทั้งหลายในโลก ผู้ชายทั้งหลายนั้นตอนแรกอาจจะชอบความสาว ความสวย ความรวยการศึกษา หรือความมีเกียรติ มีฐานะทางสังคมของสตรี แต่สุดท้ายบั้นปลายผู้ชายที่ครองเรือนผ่านไปถึงระดับที่สรุปอะไรได้บ้างแล้ว จะยอมรับในพระพุทธภาษิตนี้อย่างซึ้งใจว่าแท้ที่จริงแล้วผู้ชายหรือสามีทุกคนปรารถนาอย่างที่สุดก็คือการได้รับความเคารพเชื่อฟังจากภรรยาของตน
ยังมีพระพุทธสุภาษิตอีกบทหนึ่งที่ผู้ชายคนไทยนึกไม่ถึงหรือไม่ค่อยใส่ใจ แต่ชาวตะวันตกผู้ฉลาดได้นำไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จในครอบครัวอย่างงดงาม จนคนไทยพากันนึกอิจฉา นั่นคือพระพุทธสุภาษิตที่ทรงตรัสว่า “ภริยาคือมิตรแท้ในเรือน”
ผู้ชายคนใดที่ได้ภรรยาที่ประเสริฐ ย่อมได้ชื่อว่าเขามีเพื่อนแท้อยู่เรือน จะสร้างเนื้อสร้างตัวหรือมุ่งหวังสิ่งใดก็สำเร็จได้โดยง่าย เพราะเฮนรี่ ฟอร์ด ตระหนักถึงความสำคัญของภรรยาคู่ชีวิตตามพระพุทธสุภาษิตข้อนี้ เขาจึงประดิษฐ์รถยนต์สำเร็จและกลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างที่กล่าวไว้ในหนังสือ "มีโคลนตม จึงมีดอกบัว” ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองไม่เห็นความสำคัญในข้อนี้ จึงแสวงหาเพื่อนในวงเหล้า แต่ยิ่งแสวงหาเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เจอ
จึงขอให้สตรีทั้งหลายจงตระหนักความสำคัญของตัวเองในข้อนี้ จงเข้าใจพวกผู้ชายว่าแม้เขาจะชื่นชมผู้หญิงสวย ผู้หญิงรวย ผู้หญิงเก่งหรือผู้หญิงที่มั่นใจตัวเองสักเพียงใด แต่ในชีวิตจริงของการครองเรือนแล้ว ผู้หญิงที่จะชนะใจผู้ชายที่แท้จริง ก็คือผู้หญิงที่รู้จักยืดหยุ่นโอนอ่อนผ่อนตามและเคารพเชื่อฟังเขาต่างหาก
เกิดเป็นหญิงไม่ควรคิดว่าความสวยความเก่งหรือวุฒิการศึกษาจะสยบผู้ชายได้ หากไปเจอผู้ชายจอมมายาที่ทำตัวเซื่องๆเหมือนจะสั่งได้ทุกอย่างเพื่อเอาใจ สุดท้ายเขาจะใช้ความรุนแรงก้าวร้าวเมื่อถึงวันหนึ่งที่เขาซ่อนหรือเก็บกดไว้ไม่ไหวแล้วระเบิดออกมา
ด้วยเหตุนี้ “คุรุอตีศะ”จึงไม่ค่อยสอนให้ทุกคนจงพยายามเป็นคนดี แต่มักพร่ำสอนให้ทั้งหญิงและชายหมั่นเจริญสติดูกาย ดูใจตัวเองตามความเป็นจริง แล้วความเป็นสามีที่ดี หรือภรรยาที่ประเสริฐจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีการพยายามหรือควบคุมตัวเองให้อึดอัดขัดเคืองหรือต้องฝืนเป็นคนดีเพื่อเอาใจใคร ทั้งๆที่ตัวเองที่แท้จริงไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย
ความรักหรือการใช้ชีวิตคู่ คือการที่เราตัดสินใจที่จะมอบความไว้วางใจและความสนิทใจให้แก่ใครคนหนึ่งอย่างไร้เงื่อนไข คือโอกาสของการได้สร้างความไว้วางใจและความบริสุทธิ์ใจที่หญิงชายจะมีต่อกันตามที่เราได้เลือกเส้นทางชีวิตสายนี้แล้ว
ภรรยาย่อมคือมิตรแท้ในเรือน ที่ไม่มีมิตรแท้ที่ไหนจะยิ่งใหญ่เท่ากับสตรีผู้ฝากชีวิตไว้กับเราที่นอนเคียงข้างอยู่ทุกคืน ฝ่ายสตรีเล่าก็ย่อมไม่ไปเชื่อฟังคนอื่นยิ่งไปกว่าสามีที่เขาคือผู้นำและเป็นกัปตันชีวิตของเรา นั่นแหละคือภริยาผู้ประเสริฐที่แท้จริง
การเป็นสามีภรรยา อย่าไปตั้งโปรแกรมไว้ว่าจะไม่ทะเลาะกัน แต่จงถือคติแบบคนโบราณที่ท่านสอนอย่างเรียบง่ายว่า “สามีภรรยาย่อมเหมือนลิ้นกับฟัน” คือย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน เพราะอยู่ใกล้กัน แต่ก็ยังต้องอยู่ด้วยกัน และช่วยกันเคี้ยวข้าวจนกลืนลงลำคอลงไปบำรุงร่างกายด้วยความสวัสดี ความมีเสน่ห์และความงดงามของชีวิตคู่ก็อยู่ตรงนี้
เมื่อสามีหึงหวงหรือห้ามไม่ให้คบกับใคร ต้องเชื่อฟังเขาไว้ก่อนอย่าเพิ่งแสดงเหตุผลและสาธยายด้วยคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด เพราะเวลาผู้ชายหึงหวงนั้น เขาจะขาดเหตุผลในขั้นที่สูงสุดและไม่ฟังอะไรทั้งนั้น การที่เขาหึงนั้นก็แสดงว่าเขายังรักและหวงเรา ก็จงเป็นคนว่าง่ายและเชื่อฟังเขาไว้ก่อน ในภายหลังเขาจะเกิดความเมตตาและไว้วางใจเราไปเอง
เป็นสตรีจงภูมิใจในความเป็นมิตรแท้ในเรือนไว้เสมอเถิด แล้วจะเกิดสิริมงคลและทรัพย์สินไหลหลั่งมาไม่ขาดสาย เก่งอย่างอื่นหมื่นแสนหรือจะเท่าการเป็นมิตรในเรือนเป็นเพื่อนตาย นี้คือการเอาชนะผู้ชายได้อย่างเด็ดขาดตามอย่างนางวิสาขา มหาอุบาสิกา
คุรุอตีศะ
๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘