จงรักษาศรัทธาไว้

 จงรักษาศรัทธาไว้

 

 

                ขอให้ท่านทั้งหลายจงพากันหมั่นทำบุญทำทานไว้เถิด  อย่าปล่อยชีวิตให้ล่องลอยเตลิดหรือหมกจมอยู่กับสิ่งที่พาชีวิตให้เศร้าหมอง  ในประเทศไทยของเรานี้ยังมีพระผู้ปฏิบัติดีอีกมากมาย   เพียงแต่เราอย่ามองศาสนาในแง่ลบหรือมองพระภิกษุสงฆ์ในแง่ร้ายจนบั่นทอนจิตใจ   ชีวิตของเราจะพ้นจากหุบเหวปัญหาและความลำบาก  แล้วจะได้พบชีวิตใหม่ดังต้องการ


                 เมื่อพบพระภิกษุสงฆ์ผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์  ขอจงอัญชลีประณมหัตถ์และกราบไหว้   อย่าเลือกแต่จะกราบพระอริยสงฆ์  แม้ท่านเป็นพระผู้ยังเป็นปุถุชนยังขาดการสำรวมบ้าง ก็จงไหว้จงกราบเพื่อลดทิฐิมานะลดความมีอัตตาของเราลงไป


                  จงสละวัตถุทาน หัดบริจาคไว้บ่อยๆจนเป็นนิสัย  เพื่อกำจัด “มัจฉริยะ”คือความตระหนี่ถี่เหนียวหรือความหวงแหนที่คอยเผาลนอย่างเงียบๆอยู่ในใจ  แล้วความสุขความสบายใจจะเกิดขึ้นภายในครอบครัวมากกว่าเดิม


                  เป็นฆราวาสจงหัดสละวัตถุทานเพื่อกำจัดความตระหนี่ และขจัดความคับแคบของจิตใจไว้บ่อยๆ  อันเป็น “โสตาปัตติยังคะ” คือองค์ประกอบที่จะทำให้บรรลุโสดาบันประการหนึ่ง แม้ผู้นั้นจะใช้ชีวิตท่ามกลางบุตรธิดาภรรยาสามี  ไม่เคยนั่งสมาธิได้ถึงขั้นอัปปนาสมาธิเหมือนอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าไว้  ทานบารมีที่กระทำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความชุ่มชื่นใจ แม้สติจะไม่ค่อยเกิดสักเท่าไหร่  ปัญญาก็ยังน้อย  แต่ความสุขใจจะเกิดมีขึ้นเพราะพลังแห่งศรัทธา


                    เห็นพระเดินตากแดดฝ่าไอร้อนและฝุ่นผงอยู่ริมทาง  หากขับรถผ่านไปเจอท่านก็จงถวายน้ำให้ท่านดื่มคลายร้อนเถิด  แม้บางรูปท่านอาจเป็นเพียงพระบ้านที่ท่านใส่จีวรสีกรักแบบพระธุดงค์และไม่มีครูบาอาจารย์ฝึกหัดพระวินัยและวิธีแห่งธุดงควัตรที่แท้จริงมาก่อน


                    แต่ถ้าหากเรารีบไปธุระจำต้องขับผ่านเลยไป ก็ไม่ต้องเสียใจหรือนึกสาละวนให้ต้องวุ่นวายทั้งคันรถแต่อย่างใด  แม้ท่านอาจไม่ใช่พระธุดงค์ที่แท้จริงตามมาตรฐาน  แต่ท่านก็ยังแบกกลดท่ามกลางแดดร้อนบำเพ็ญตบะขันติบารมี  ซึ่งก็ดีกว่า ประเสริฐกว่า น่าเลื่อมใสกว่าพระที่ดูวิดีโออยู่ในห้องแอร์ในวัดหลายเท่านัก (แม้ท่านที่อยู่ตามวัด ก็ยังได้ดูแลวัดวาอาราม)


                        หากท่านเป็นพระที่ใส่สีกรักแบบพระธุดงค์และแบกกลดสะพายบาตร  แต่ยังขาดครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณอบรมพระวินัยที่ถูกต้อง  เมื่อเราถวายน้ำดื่มท่านแล้ว  เกิดท่านมาขอปัจจัย ขอจีวร ขอสิ่งนั้นสิ่งนี้กับเรา  เพราะเห็นว่าเราขับรถคันโก้ดูโหงวเฮ้งแล้วช่างมีสง่าราศีน่าจะเป็นผู้มีอันจะกินเป็นแน่แท้

 

                        หากเราไม่สะดวกหรือไม่มีศรัทธา เราก็ปฏิเสธท่านไปได้ทันทีไม่ต้องไปอึดอัดหรือลังเลแต่อย่างใด  เพราะตามวินัยพุทธบัญญัตินั้น  พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระภิกษุเอ่ยปากขออาหารหรือปัจจัยสี่ได้จาก “ญาติและผู้ปวารณาหรือโยมอุปัฏฐาก”เท่านั้น  นอกนั้นทรงห้ามมิให้พระภิกษุผู้เป็นสาวกพูดเลียบเคียง ประจบคฤหัสถ์ หรือเอ่ยปากขอผู้ใด การขอโดยมิต้องเอ่ยปากก็คือสิ่งที่เราทั้งหลายพบเห็นและเข้าใจกันเป็นอันดี  สิ่งนั้นก็คือ "การบิณฑบาต" ที่เราทั้งหลายในเมืองพุทธต่างพบเห็นกันอยู่จนชินตา


                          แม้แต่ “คุรุอตีศะ”ในสมัยที่ยังชอบจาริกไปในสถานที่ต่างๆ  ก็ยังเคยเดินไปตามถนนรูปเดียวแล้วหิวน้ำแทบเดินต่อไปไม่ไหว  เพราะน้ำในกระติกที่เตรียมไว้หมดไปแล้ว  หิวน้ำตั้งแต่สองโมงเช้าจนเลยเพลไปแล้วก็ยังไม่ได้ฉันข้าว ไม่ได้ดื่มน้ำแต่อย่างใด  เดินผ่านร้านค้าข้างทางมองเห็นน้ำดื่มในตู้แช่แล้วหิวน้ำแทบขาดใจ แต่ก็ไม่แวะเข้าไปเนื่องจากไม่มีใครนิมนต์


                          แข็งใจเดินต่อไปผ่านร้านค้าออกสู่ถนนที่เป็นทุ่งกว้าง  ปลงใจแล้วว่าหากต้องเป็นลมอยู่ข้างทางก็จะยอมให้เป็นไปแล้วแต่อะไรจะเกิด  ก็พอดีมีรถเก๋งยี่ห้อดีคันหนึ่งมาจอดที่ด้านหลังแล้วมีเสียงเปิดประตูรถ ได้ยินเสียงผู้หญิงกึ่งเรียกกึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “นิมนต์เจ้าค่ะท่านอาจารย์” พอหันหลังกลับไปมองจึงได้เห็นคู่สามีภรรยาลักษณะมีบุญทั้งคู่ขอถวายอาหารและถวายน้ำ ทำให้วันนั้นได้ฉันข้าวและรอดตาย  พอตกเย็นวันนั้นจิตก็หยั่งสู่ความสงบและเกิดปีติอย่างมากมายอย่างน่าอัศจรรย์


                           พออายุเลย ๔๕ ปี ก็ไม่ค่อยได้ไปตามลำพังอย่างนั้นอีก  เนื่องจากมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ไม่อาจทำแบบนั้นได้อีกแล้ว  แต่เมื่อไปกับญาติโยมที่ขับรถ  บางทีพบพระที่ท่านสะพายกลดสะพายบาตรเดินข้างทาง ก็มักจะให้เขาจอดรถลงไปถวายน้ำเองบ้าง บางทีก็ให้โยมเอาอาหารไปใส่บาตรแล้วประณมมืออยู่ในรถ นึกน้อมเหมือนได้ใส่บาตรพระอรหันต์และผู้ที่ท่านมุ่งกำจัดกิเลสกำลังเดินตามรอยพระอริยเจ้า  ทำแล้วก็สบายใจดีและเป็นบุญกุศลซึ่งไม่ทราบจะอธิบายอย่างไร  การเดินทางที่ไกลแสนไกลก็รู้สึกปลอดโปร่งตลอดเส้นทาง


                            มีอยู่ครั้งหนึ่ง  กำลังเดินทางด้วยรถจากจังหวัดตาก ระหว่างที่กำลังสู่เขตจังหวัดกำแพงเพชร   มองเห็นพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งแต่ไกล กำลังเดินสะพายถุงบาตรและในมือกำลังอุ้มบาตรเมื่อตะวันเริ่มสายแล้ว

 

                           จึงเอาอาหารที่โยมซื้อเตรียมไว้ถวายตัวเองในมื้อนั้น  บอกให้เขาจอดรถแล้วเปิดประตูเดินลงไปขอใส่บาตรท่าน  ตอนแรกท่านมองเห็นหน้าแล้วทำท่าเหมือนตกใจ  จึงใส่บาตรแล้วพูดกับท่านว่า “ขอให้ท่านบวชสืบอายุพระศาสนาไปเรื่อยๆ  อย่าสึกออกมาเลยนะ” ท่านตะลึงไปพักหนึ่งแล้วทำตาแดงๆเรื่อๆเหมือนไปพูดอะไรโดนใจ แล้วท่านก็รับคำว่า “ครับผม” เมื่อรถค่อยๆเคลื่อนผ่านหน้าท่านไป  พระหนุ่มรูปนั้นก็ยังยืนมองตะลึงอยู่อย่างนั้นจนลับสายตา


                     ไม่ว่าสังคมและบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร  ขอให้ท่านทั้งหลายจงรักษาศรัทธาของเราไว้  เพราะบางครั้งบางช่วงการเจริญสติหรือการทำกรรมฐาน ในความเป็นจริงนั้นก็ไม่ใช่จะคืบหน้าหรือสติก็ใช่จะเกิดขึ้นแววไวทุกครั้งหรือทุกวันเสมอไป  ในบางช่วงที่ชีวิตกำลังเสวยวิบากกรรมบางอย่าง  การเจริญสติก็อาจจะทำไม่ค่อยได้  ส่วนปัญญาก็อับจนทั้งที่แต่ก่อนก็ฉับไว   จำต้องอาศัยพลังแห่งศรัทธาประคองใจไว้จนกว่าจะพ้นวิบากกรรม  แล้วสิ่งใหม่ๆหรือสิ่งที่ดีๆจะตามมา


                      ประเทศไทยของเรานี้  ยังมีพระอริยเจ้าอีกจำนวนมาก  ท่านเหล่านั้นอาจยังไม่ปรากฏชื่อเสียงหรือยังไม่ได้แสดงความสามารถ  ท่านก็ดำรงอยู่ตามฐานะจนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านจะรับหน้าที่เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย  บางรูปบางองค์ท่านก็ช่วยโลก ช่วยประเทศชาติบ้านเมืองในทางมิติที่เร้นลับที่คนทั่วไปไม่อาจรู้ได้  การที่โหรทั้งหลายทำนายเรื่องภัยพิบัติคลาดเคลื่อนนั้น  บางกรณีก็เป็นเพราะท่านผู้ทรงอภิญญาพยายามประคองสถานการณ์อย่างถึงที่สุดอยู่ก็มี


                       ขอให้เราทั้งหลายอย่าเอาความเป็นวิทยาศาสตร์ ไปวินิจฉัยเรื่องลี้ลับจนเกินไปนัก  จงเคารพต่อมิติที่เร้นลับที่ตอนนี้วิทยาศาสตร์ยังเอื้อมไม่ถึงให้มาก    ในยามที่ผู้คนขาดที่พึ่ง ขาดขวัญกำลังใจ  จงให้เขาได้อาศัยสิ่งต่างๆในการช่วยพยุงจิตใจ  บางกรณีนั้นธรรมะหรือหลักแห่งสติปัญญาตรงๆจะช่วยผู้คนที่กำลังใจอ่อนแอไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่   ต้องให้เขาได้มีศรัทธาในวัตถุหรือสิ่งของบางอย่างไว้แม้บางครั้งอาจดูงมงาย เมื่อสติเข้มแข็งขึ้นมาแล้วในระดับหนึ่ง  เขาจึงจะสามารถฟังธรรมอย่างได้ผลแล้วเกิดปัญญาเข้าใจในชีวิตต่อไป


                       การใช้เหตุผลหรือการตัดสินผิดถูกมากเกินไป  ย่อมทำให้หัวใจกระด้างเย็นชาและรุนแรงก้าวร้าว   จงหันมาใช้ความรักความเมตตาและความมีศรัทธา  จะทำให้ชีวิตมีความสุขและอ่อนโยนนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น


                    ไม่มีอะไรที่ทำให้โลกใบนี้ดูงดงามและน่าอยู่ เท่ากับพลังแห่งความรักความเมตตา  ทั้งคนถูก คนผิด  คนดี  คนชั่ว ก็ล้วนต่างมีคราบน้ำตา  จงรู้จักให้อภัยและเลิกเคียดแค้นกัน


                  อะไรจะสูญเสียไปบ้าง ก็สูญเสียไปเถิด  แต่อย่าให้ศรัทธาของเราต้องเสื่อมถอยหรือสูญเสียไป   ผู้ที่มีศรัทธานั้นคือผู้มีอริยทรัพย์อันยิ่งใหญ่  ที่จะไม่ใช่ผู้ยากจนอีกเลยตลอดชีวิต

 

 

                                                                       คุรุอตีศะ
                                                              ๑๑  พฤษภาคม  ๒๕๕๘