ผู้ใจบุญที่แท้จริง

ผู้ใจบุญที่แท้จริง

 

 


                   พึงเข้าใจว่า คนเรานั้นช่วงที่ใจเป็นกุศล ได้ปฏิบัติครูบาอาจารย์ ได้บริจาคทรัพย์ ได้นั่งสมาธิภาวนาก็เป็นจิตส่วนหนึ่ง   ชีวิตส่วนตัวที่ลุ่มหลงและหึงหวงอันเป็นจิตฝ่ายอกุศล ก็เป็นจิตอีกส่วนหนึ่ง อันเป็นคนละช่วงคนละตอนไปแล้ว

 

                   ในช่วงเวลาที่จิตเกิดอกุศลนั้น  หัวใจย่อมเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย ไม่ใช่คนเดิมที่ใจดีและใจบุญเหมือนตอนไปวัดทำบุญหรือบริจาคทรัพย์ที่วัด จิตใจตอนนั้นย่อมมีสภาพต่างกันเป็นคนละคน  ท่านจึงให้ชายหญิงทุกคนพยายามหมั่นสร้างกุศลประคองใจและหมั่นเจริญสติไว้เสมอ  ก็เพราะจะได้มีสติเกิดขึ้นบ่อยๆ คอยเป็นเกราะป้องกันภัยให้แก่หัวใจของเรา


                   ยิ่งคนเราเมื่อถึงคราวที่วิบัติจะเกิดขึ้นในชีวิต  ก็จะมีแต่สิ่งทำให้หลงผิด ขาดสติ มักมีแต่ความโกรธและเข้าใจผิดตลอดเวลา  ดังนั้น ยิ่งเป็นคนที่สร้างบุญคุณมีอิทธิพลที่ใครๆก็ให้ความเกรงใจและใครๆก็ต่างยกย่องว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมอยู่ด้วยแล้ว  เพียงอารมณ์ชั่ววูบเดียวที่เอ่ยออกมาทางวาจา  ผู้คนทั้งหลายก็สามารถสนองนโยบายเพื่อเอาอกเอาใจได้ทันที


                   “ธรรมะระบบสุญญตา”   ท่านจึงเน้นนักเน้นหนาว่า  เพียงทำบุญอย่างเดียวยังไม่ปลอดภัย เพราะคนที่ทำบุญมากๆแต่ไม่รู้จักการเจริญสติ  ก็มักจะหลงผิดได้ง่าย


                    การทำบุญจึงมีหลายระดับ  ทำบุญแบบหลงบุญ ทำบุญแบบแลกเปลี่ยน ทำบุญแบบปุถุชน  ทำบุญเพื่อการสละออก  ทำบุญค้ำจุนพระศาสนา  ทำบุญที่ยังมุ่งความร่ำรวยความเจริญในทางโลก ทำบุญแบบมีอัตตา  แต่มีน้อยคนนักที่จะมีสติปัญญารู้จักการทำบุญเพื่อความไปสู่ “ความไร้อัตตา” อันเป็นบุญอันสูงสุดและเยี่ยมยอดยิ่งกว่าการทำบุญในโลกทั้งปวง


                    การที่จะวัดคุณค่าอานิสงส์แห่งการทำบุญได้อย่างแท้จริง  ต้องวัดจากการที่บุคคลนั้นสามารถที่จะเกิดศรัทธาในขณะที่ครูบาอาจารย์รูปนั้นยังไม่ปรากฏชื่อเสียงได้หรือไม่


                   หากคอยไปทำบุญตามกระแสหรือกระแสสถานที่แห่งนั้นต้องดีเสียก่อน หรือนึกอยากไปทำบุญตอนที่ท่านมีชื่อเสียงแล้ว อานิสงส์แห่งบุญที่แท้จริงมักจะเกิดน้อย  ส่วนใหญ่แล้วมักจะแฝงด้วยความอยากมีหน้ามีตา  อยากให้คนในวัดเห็นความสำคัญให้ความเกรงอกเกรงใจ  อยากให้ผู้คนที่ไปวัดแห่งนั้นรู้จักตนเอง  แฝงด้วยความภาคภูมิใจที่คนได้รู้จักและยกย่องว่าตนเป็นคนใจบุญ


                      การทำบุญแบบนี้ยังมีเจตนที่ไม่บริสุทธิ์เท่าใดนัก  สู้ชาวบ้านแต่งตัวมอมแมมแอบมาทำบุญเงียบๆ หยิบเอาธนบัตรยับยู่ยี่ออกชายพกออกมาถวายอย่างเอียงอาย พร้อมทั้งเจียมตัวว่าหลวงพ่อหรือท่านอาจารย์ จะรังเกียจเงินจำนวนเล็กน้อยและยับยู่ยี่ของเราไหมหนอ ในยามที่เจ้าใหญ่นายโตและผู้มีเกียรติที่มากด้วยผู้ติดตามและบริวาร บึ่งรถฝุ่นตลบวัดกลับไปหมดแล้ว  ชาวบ้านผู้นั้นจะได้อานิสงส์มากกว่าหลายเท่า  เพราะเจตนาของเขาบริสุทธิ์กว่า


                       จงอย่าตัดสินความใจบุญของคนเพียงดูจากจากจำนวนเงินบริจาค  ต้องดูด้วยว่าความใจบุญของเขานั้น  ส่วนใหญ่แล้วชอบบริจาคตอนไหน  หากบริจาคด้วยศรัทธาอย่างไร้ข้อแม้ บุคคลนั้นจะไม่เลือกว่าต้องมีคนมาเยอะๆ หรือว่าขณะนั้นท่านอยู่อย่างโดดเดี่ยวองค์เดียวไม่มีใคร  บุคคลที่บริจาคอย่างนี้ได้แสดงว่ามีศรัทธาในศาสนามั่นคงจริง  รับรองว่าเขาจะทำร้ายคนไม่ลง


                    การไปวัดทำบุญ  ต้องทำบุญเพื่อการสละกิเลสหรือลดละอัตตาเป็นหลัก  ยิ่งใครที่ชอบไปทำบุญวัดดังๆ จงพยายามรู้ทันจิตของตนในข้อนี้  ผลบุญจึงจะเกิดเต็มเปี่ยมสมดังเจตนา

 
                    หากไปทำบุญเพื่อหวังชื่อเสียง  หวังความร่ำรวย  หวังความเจริญก้าวหน้า  การ “ทำบุญเพื่อเอาเข้ามา”เช่นนั้น  ยังไม่เป็นการปลอดภัย  หากมีเรื่องบีบคั้นจิตใจหรือหึงหวงอย่างมืดมิดจนขาดสติในวันใด  ย่อมเป็นธรรมดาของปุถุชนที่จะกลายเป็นฆาตกรหรือทำผิดทำชั่วร้ายใดๆก็ได้ ไม่ว่าเขาหรือเรา

 

                   เราท่านทั้งหลายไม่ว่าใครจึงไม่ควรประมาทในชีวิต  เพราะไม่รู้วันไหนเราจะพลาดพลั้งขาดสติเหมือนผู้ที่เขาผิดพลาดไปแล้ว  การเจริญสติปัฏฐานจึงเป็นการงานที่ต้องทำไปตลอดชีวิต  แม้พระอรหันต์ท่านก็ยังเจริญสติปัฏฐานเป็นวิหารธรรมประจำชีวิต ไม่เคยปล่อยดวงจิตให้ประมาทแต่อย่างใดเลย


                    วัดใดก็ตามที่สอนคนให้ทำบุญแบบไร้อัตตาเช่นนี้  ก็ต้องใจเด็ดยอมรับสภาพที่อาจจะต้องอยู่กุฏิผุๆเก่าๆและอาจฉันข้าวกับน้ำปลาในบางครั้ง    คนเขาย่อมไม่อยากทำบุญกับวัดแบบนี้เพราะทำไปแล้วคนอื่นเขาก็ไม่รู้ว่าทำบุญ ไม่อาจอวดใครต่อใคร  คนที่เข้าไม่ถึงศรัทธาแท้จริงแล้ว  จะรู้สึกไม่ปลื้มอกปลื้มใจเพราะไม่มีคนคอยชื่นชมยกย่องอนุโมทนา


                      การทำบุญที่ต้องประกาศ ก็เมื่อถึงตอนที่คนส่วนใหญ่ทำบุญเพื่อเอาหน้าเอาตาหรือต้องการชื่อเสียงแล้ว  ถึงเวลานั้นก็ต้องประกาศให้รู้กันเพื่อป้องกันกรรมการยักยอกเงินของเขา เพราะเมื่อท่านโด่งดังแล้ว วัดมีชื่อเสียงแล้วเจ้าภาพจะได้ปลื้มใจ  กรรมการในตอนนั้นก็มีแต่อยากจะแย่งกันเข้ามาดูแล  เมื่อชื่อเสียงของวัดแผ่กระจายออกไป คนก็จะชอบแข่งขันกันบริจาคให้ได้เงินเข้าวัดมากๆ  เพราะไม่ไว้ใจเจ้าอาวาสหรือคณะกรรมการ  เขาจึงต้องประกาศให้ผู้คนส่วนใหญ่รู้เห็นเป็นพยานไว้    นี้คือเบื้องหลังการทำบุญแล้วต้องประกาศ อันเป็นหลักใหญ่ใจความ ทั้งๆที่การทำบุญที่จะได้เต็มเปี่ยมแท้จริงนั้น ยิ่งไม่ประกาศ  อานิสงส์ยิ่งแรงและติดอยู่ในหัวใจไปสู่ภพหน้าอย่างศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

 

                       การฝึกจิตเพื่อไม่ติดในบุญในบาป อันเป็นการทำบุญแบบพระอริยบุคคล คือบุญกุศลอันสูงสุด  จงพยายามทำบุญพร้อมกับการไร้อัตตา ทำไปอย่างไม่ต้องหวังผล  จิตยิ่งว่าง ยิ่งบริสุทธิ์ ผลแห่งบุญกลับยิ่งได้เกินกว่าความปรารถนาและหวังผลแบบปุถุชน  บุญอย่างนี้แหละคือการทำบุญเพื่อไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคล  ที่ทำเพื่อค้ำจุนพระศาสนา เพื่อไปสู่ความไร้อัตตา  เป็นบุญที่นำสู่มรรคผลและพระนิพพาน


                      ขอย้ำในประเด็นตอนต้นว่า  การทำบุญที่เต็มไปด้วยอัตตา  ย่อมเป็นธรรมดาที่บุคคลนั้นยังสามารถที่จะกลายเป็นคนทำชั่วทำบาปได้  สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  สิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์จึงต้องเจริญสติไว้เสมอ  ไม่ใช่การนั่งสมาธิข่มความรู้สึก ข่มราคะ ข่มโทสะ อันจะทำให้สติสัมปชัญญะไม่แจ่มใสแววไว  การภาวนาที่จะไม่ทำให้บุคคลนั้นตกลงไปสู่โลกที่ชั่วตามบทสวดทำวัตรเช้าอีกต่อไป จึงได้แก่การมีสติรู้ตัวอยู่เสมอนั่นเอง


                     ผู้มีสติรู้เท่าทันจิตใจ  มีสติที่เพิ่มพูนอย่างเป็นธรรมชาติ มีสมาธิแห่งพุทธะคุ้มครองใจ  คือผู้มีบุญอันยิ่งใหญ่  คนที่มีสติอันแจ่มใสเช่นนี้แหละ คือบุคคลที่ได้ชื่อว่า “ผู้ใจบุญ” ที่แท้จริง

 


                                                                             คุรุอตีศะ
                                                                     ๒๘  มีนาคม  ๒๕๕๘