หงส์ในฝูงกา
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
หงส์ในฝูงกา
การสั่งสอนอบรมผู้คนชาวโลกนั้น แท้จริงแล้วมิใช่ทำได้โดยง่าย แม้จะสูงส่งเป็นพญาหงส์แต่หากไปอยู่ท่ามกลางฝูงกา ก็ใช่ว่าจะมีใครมองเห็นความสำคัญหรือมองเห็นคุณค่าแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้พระอริยบุคคลผู้บรรลุแล้วส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่เงียบๆตามป่าดงพงไพร หรือถิ่นที่ความเจริญแบบในเมืองยังไปไม่ถึงมากกว่า
ด้วยเหตุที่การสอนชาวโลกเป็นเรื่องยาก หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของสายธุดงค์กรรมฐานแห่งยุคนี้ แม้ท่านจะบรรลุพระอนาคามีที่ถ้ำสาลิกา จังหวัดนครนายกตั้งแต่อายุ ๔๘ ปี และบรรลุพระอรหันต์ที่ถ้ำดอกคำ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่ออายุได้ ๖๖ ปี ท่านก็ยังต้องรอโอกาสในการที่จะสอนพระภิกษุผู้ตั้งใจจริงที่พากเพียรด้นดั้นมาให้สอน โดยท่านไม่สนใจที่จะสั่งสอนญาติโยมอะไรมากนัก เพราะท่านรู้ว่าชีวิตของฆราวาสย่อมสนใจเรื่องทำมาหากินและความสุขในครอบครัวเป็นหลัก ท่านจึงสอนให้ทำทาน รักษาศีล ส่วนการภาวนาท่านจะเน้นแก่ผู้ที่ออกบวชแล้วมากกว่า
แม้จะเป็นผู้บรรลุแล้ว หากไม่มีลูกศิษย์ที่เข้าใจรองรับ ท่านเหล่านั้นก็จะเก็บตัวเงียบๆ เหมือนพญาหงส์ที่มีอยู่ตัวเดียวไม่มีบริวาร หากไปอยู่ท่ามกลางฝูงกาซึ่งมีจำนวนมากกว่า แม้จะนำสิ่งที่ดีไปมอบให้ ก็จะเป็นการทำคุณบูชาโทษไม่เกิดผลอะไร สู้ปล่อยให้เขาลักขโมยจิกตีอยู่กันไปตามประสากาดีกว่า ผู้บรรลุแล้วที่ท่านไม่ตั้งสำนักให้เป็นภาระจึงมีมาก
พญาหงส์ผู้สูงศักดิ์ที่ชาวโลกไม่ล่วงรู้ แต่ต้องมาอยู่ท่ามกลางปุถุชน ด้วยจิตอนุเคราะห์เกื้อกูลชาวโลกโดยที่พวกเขาไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่กับเขา เพราะผู้คนไปคิดว่าท่านก็คือพระปฏิบัติรูปหนึ่งที่บิณฑบาตทรงข้อวัตรไปวันๆ หากพวกเขารู้ว่าท่านคือผู้หนึ่งที่บรรลุธรรม ไฉนเล่าจะกล้าลบหลู่ดูหมิ่นและมืดมัวหึงหวงจนกระทั่งมุ่งหมายเอาชีวิตกันถึงขั้นนั้น
ได้ทราบข่าวคราวเรื่องของ “ท่าน” ก็อดคิดย้อนกลับมาดูชีวิตตัวเองไม่ได้ กว่าจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์จนกระทั่งมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ ก็ผ่านเหตุการณ์ในทำนองนั้นอยู่หลายครั้ง
ท่านล่วงลับไปแล้วไม่มีโอกาสจะพูดอธิบาย แม้ว่าผู้คนจะพูดกันหรือวิจารณ์ในทำนองใด แต่ในฐานะที่เคยผ่านเหตุการณ์ที่น่ากลัวเหล่านั้นมาได้ ก็อยากใช้โอกาสที่เขียนหนังสือพอเป็นนี้ สะท้อนและถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างไว้ เพื่อพระภิกษุรุ่นหลังที่จะมีบารมีแก่กล้าเป็นครูบาอาจารย์คนในวันข้างจะได้อาศัยเป็นอุทาหรณ์ในการประกาศธรรม
ชีวิตของพระภิกษุผู้ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ หากออกบวชด้วยศรัทธาอย่างแท้จริง เมื่อบวชนานไปจิตใจก็ยิ่งห่างเหินจากความเป็นชาวโลกเพียงนั้น คือนับวันจิตใจจะยิ่งเกิดช่องว่างทางความนึกคิด ยิ่งได้ปฏิบัติสมาธิภาวนจนมีที่พึ่งภายในในระดับหนึ่งได้แล้ว จิตใจจะยิ่งห่างจากชาวโลก ยิ่งจะตัดขาดญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงเหมือนคนตายแล้วเกิดใหม่
พลังแห่งเมตตาอันสูงส่งลึกซึ้ง ทำให้ผู้คนทั้งชายและหญิงมีความสุขเมื่อได้เข้าใกล้ กลายเป็นความเลื่อมใสศรัทธา สำหรับบุรุษแล้วความศรัทธานี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะยิ่งส่งเสริมชีวิตของเขาให้เจริญยิ่งขึ้นไป แต่สำหรับสตรีเพศนั้นความศรัทธาในตอนต้นนี้บางทีจะยังกลายกลับสร้างพิษภัย หากสตรีผู้นั้นขาดความรักในทางโลกมาก่อนหรือเป็นอนุภรรยา
สตรีที่ยังเป็นสาวครองตัวได้ตามปกติ จิตใจจะยังไม่ขาดแคลนความรักจึงสดใสร่าเริงมองโลกในแง่บวก สตรีที่แต่งงานไปตามประเพณีก็จะขาดแคลนความรักในภายหลังหากรู้สึกว่าคู่ครองไปด้วยกันไม่ได้
สตรีที่ต้องกลายเป็นภรรยาหลวงในภายหลัง ก็จะขาดแคลนความรักอย่างน้อยครึ่งหนึ่งตามมา แต่สำหรับสตรีที่อยู่ในฐานะลับหรืออนุภรรยา หัวใจของเธอจะเคว้งคว้าง หดหู่ ขาดความภูมิใจในตัวเอง หัวใจจะขาดความรักมากกว่าสตรีผู้อยู่ในฐานะภรรยาหลวงถึงสามเท่าเลยทีเดียว
จิตใจของสตรีผู้ตกเป็นภรรยาลับหรืออนุภรรยานั้น จะโหยหาความรักตลอดเวลา จิตใจจะเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและเต็มไปด้วยความแก่งแย่งเอาชนะ ยากจะหาความสงบใจเหมือนตอนเป็นสาวโสดอีกได้
จิตใจที่พยายามจะเอาชนะ จะยิ่งทำให้ชีวิตของเธอตกต่ำลงไป ชีวิตและหัวใจจะเต็มไปด้วยความทุกข์และความหม่นไหม้อยู่ภายในลึกๆตลอดเวลา ท่านจึงห้ามไม่ให้ทำในสิ่งนี้หรือให้เว้นเสีย
ด้วยเหตุนี้คนโบราณท่านจึงพยายามสอนลูกหลานว่า จงพยายามครองตนอย่าไปเป็นอนุภรรยาของใคร เพราะจะเป็นการทำลายหัวใจที่เคยใฝ่ดีของตนให้กลายเป็นคนหยาบคายหรือเจ้าโทสะโมโหร้าย ทั้งที่หลายคนนั้นตอนเป็นสาวก็มีอุปนิสัยแสนน่ารักเรียบร้อยและเป็นคนใจบุญมาก่อน
สังคมในสมัยปัจจุบัน จะมีบุคคลที่ชีวิตตกอยู่ในมุมมืดเช่นนี้จำนวนมาก เมื่อจะไปคบหาชายอื่นก็ไม่ได้ เขาจะระแวงไม่ไว้ใจ ต้องเป็นฝ่ายรอให้เขามาหาอยู่อย่างเงียบเหงาคนเดียว สถานที่พอจะไปแล้วรู้สึกสบายใจและปลอดภัยก็คือไปวัด เมื่อได้นั่งสมาธิ ฟังธรรม ก็มัก “ติดวัด” ไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากกลับไปทำงาน เพราะตลอดมาเพิ่งรู้สึกว่าหัวใจมีที่พึ่งและได้พบกับความสบายใจ
แต่สตรีเหล่านี้ส่วนใหญ่ ไม่เคยทราบหัวใจของผู้ชายว่า ผู้ชายที่มีภรรยาหลายคนนั้น เขาจะหวงแหนและหึงหวงผู้หญิงที่เป็นอนุภรรยามากกว่าภรรยาเดิมอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว จนกว่าเราจะเจ็บป่วย พิการ หรือเขาจะเบื่อเราแล้วนั่นแหละ เขาจึงจะปล่อยให้เราไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มใจ
ผู้ชายที่มีอนุภรรยา ย่อมเป็นธรรมดาที่ส่วนใหญ่จะมีอคติกับพระ เพราะเป็นวิถีชีวิตที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันโดยตรง เขามักจะเต็มไปด้วยความหวาดระแวงผู้ชายด้วยกัน จะหึงหวงได้แม้กระทั่งพระที่มีความเมตตาต่อครอบครัวของเขาและหาความสงบใจได้ยาก
ส่วนมากจะเคยเป็นคนดีมีความรับผิดชอบในครอบครัวมาก่อน จึงสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นปึกแผ่นได้สำเร็จ แต่ก็มักจะทะนงตนว่าเป็นคนดีและมีทิฐิมานะ เมื่อความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตเข้ามา กิเลสในทางโลกก็ลากออกนอกทางไปตามวิสัยของปุถุชน
เพราะเหตุนี้นั่นแหละครูบาอาจารย์ที่ท่านมองเห็นทุกข์โทษการมีครอบครัว ท่านจึงตัดสินใจออกบวช เพราะอยู่ทางโลกแม้จะเป็นคนดีเพียงใด ก็ยากนักจะพ้นจากการทำบาป ขี้เหล้าหรือเจ้าชู้ มีเมียหลายคนให้เมียคู่ทุกข์คู่ยากต้องช้ำใจในวันใดวันหนึ่งหากไมใช่พระโสดาบันบุคคล และปกติของคนที่ดิ้นรนเพื่อความสำเร็จในทางโลก ก็ย่อมเดินคนละทางกับความเป็นพระโสดาบันอยู่ในตัว
ยกเว้นแต่จะเป็นผู้เข้าใจในการเจริญสติภาวนา ตามที่พยายามถ่ายทอดเป็นลำดับมา หรือเข้าใจรหัสนัยตามที่สื่อความหมายในหนังสือ "มีโคลนตม จึงมีดอกบัว" อย่างนั้นจิตจึงจะไม่หลงทาง แม้จะอยู่ท่ามกลางทางโลกหรือใช้ชีวิตครองเรือนตามปกติ
ครูบาอาจารย์บางท่านแม้จะมีภูมิธรรมอยู่ภายในแล้ว ก็ใช่ว่าบารมีในด้านลาภสักการะหรือบริวารจะมากมายในภายนอกไปเสียทุกองค์ก็หาไม่ ดูอย่างหลวงปู่บุดดา ถาวโร แห่งวัดกลางชูศรีเจริญธรรม จังหวัดสิงห์บุรี บรรลุเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่อายุ ๓๐ ปี ระลึกชาติได้ตั้ง ๕๐๐ ชาติ ท่านก็ยังต้องเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ ต้องอดข้าว อดน้ำ ไม่มีคนทำบุญหรือมีคนอุปัฏฐากแต่อย่างใด กว่าบารมีของท่านจะปรากฏก็เมื่อมาจำพรรษาที่วัดอาวุธวิกสิตาราม กรุงเทพฯ มีผู้คนประจักษ์ในอิทธิปาฏิหาริย์ คนจึงมองเห็นความสำคัญเมื่อหลวงปู่เข้าสู่วัยชรา
ครูบาอาจารย์บางท่านเมื่อบรรลุธรรมแล้ว แต่ต้องมีอุปัจเฉทกกกรรมมาตัดรอนชีวิตินทรีย์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ดวงจิตของท่านสะอาดบริสุทธิ์ปราศจากความเศร้าหมองไม่มีอะไรมาแผ้วพานได้ พร้อมทั้งได้ชดใช้หนี้กรรมให้แก่ศัตรูคู่เวรแต่ปางก่อน ปล่อยวางเสียทุกสิ่ง
อานิสงส์แห่งการออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่วัยหนุ่ม ทำให้ท่านยึดเอาพระอรหัตผลไว้ได้เป็นที่เรียบร้อย ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดสร้างเวรสร้างกรรม ต้องทนทุกข์กับชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหา ต้องร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดชาติแล้วชาติเล่า ปล่อยให้คนผู้ยังลุ่มหลงและมืดมัวในทางโลกดิ้นรนอยู่ในทะเลทุกข์กันต่อไป ท่านพ้นไปแล้วอย่างไม่มีเยื่อใยต่อสิ่งใด นี้คือมหาบุรุษดุจพญาหงส์ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ ผู้เป็นอมตะให้คนบูชาตลอดกาล
สมจริงดังคำนักปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้เลอเลิศด้วยอิทธิฤทธิ์สักเพียงไหน ก็ย่อมต้องแพ้พ่ายแก่ผู้มีบุญฤทธิ์ ส่วนผู้มีบุญฤทธิ์แม้จะได้ชื่อว่ามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่สักเพียงใด สุดท้ายก็ต้องแพ้พ่ายต่อ “กรรมฤทธิ์” เสมอหน้ากัน ไม่ว่าจะผู้นั้นจะมีภูมิจิตสูงส่งเป็นพระอรหันต์หรือเป็นปุถุชน
นี้คือานุภาพที่ยิ่งใหญ่ของ "กฏแห่งกรรม" อันเป็นกฏแห่งธรรมชาติตลอดกาล
คุรุอตีศะ
๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘