ศีลจักช่วยคุ้มครอง

ศีลจักช่วยคุ้มครอง

 

 

 

                หากชีวิตในแต่ละวันมักมีแต่เรื่องร้อนใจ  จงหันมาสร้างกำลังใจด้วยการสมาทานศีลแล้วบำเพ็ญให้เคร่งครัดและบริสุทธิ์กว่าที่เป็นอยู่  ศีลจักทำให้มีความเย็นใจมากขึ้น  ศีลจักช่วยคุ้มครองรักษาให้ผ่านพ้นเคราะห์ร้ายไปได้  ศีลบารมีจะทำให้กำลังสติของเรากล้าแข็งขึ้น  ศีลจะมีอานุภาพประคองชีวิตให้พบทางออกได้อย่างอัศจรรย์


                 จงอย่าปฏิบัติธรรมข้ามขั้น  โดยมุ่งแต่เรื่องสติปัฏฐานหรือการทำสมาธิเดินจงกรม  โดยลืมข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐานคือความเป็นผู้มีศีล  หากจิตใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดฟุ้งซ่าน เต็มไปด้วยอุปกิเลสหรือนิวรณ์  จงหันกลับมาทบทวนศีล ๕ ของเราดูก่อนว่ายังมีความบกพร่องในเรื่องใด


                   ตื่นนอนตอนเช้าขึ้นมาวันใด  รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ หัวใจรู้สึกหดหู่ซึมเซาหรือมีลางสังหรณ์แปลกๆขึ้นมา  ก่อนออกจากบ้านจงหันหน้าเข้าหิ้งพระแล้วสมาทานศีล ๕ โดยเริ่มเปล่งวาจาเอาเอง  ตั้งนะโม  ๓  จบ  แล้ว พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ  ไปจนจบไตรสรณคมณ์ แล้วก็ว่าศีล ๕  เป็นบาลีไปทีละข้อจนจบ  แล้วตั้งใจรักษาศีลสำรวมระวังไปจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดินหรือกลับเข้าบ้าน  หากวันนั้นตามดวงชะตาจะมีเคราะห์ตามโหราศาสตร์  ก็จะผ่านอุบัติเหตุหรือเภทภัยไปได้  ด้วยอานุภาพแห่งศีลบารมี  ศีลที่สำรวมระวังรักษาไว้ดีแล้วจะทำให้เหนือดวง


                    จงรักษาศีลด้วยความเคารพในศีลที่ตนเองรักษา  อย่ารักษาศีลเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ว่าเราเป็นคนดีหรือเพื่อหวังสร้างเครดิตเพื่อให้คนเชื่อถือ  อย่าคิดรักษาศีลเพื่อจะได้มีเพื่อนแก้เหงาเพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว  ถ้าเช่นนั้นการรักษาศีลจะไม่เกิดอานุภาพ เพราะเป็น “สีลัพพตปรามาส” คือการลูบคลำศีลเล่น  ตามสังโยชน์ข้อที่ ๓


                   ต้องรักษาศีลด้วยความเคารพในศีล  รักษาศีลเพราะเห็นคุณค่าว่า “ศีลย่อมนำมาซึ่งความเย็นใจ”  หากรักษาศีลได้อย่างถูกต้องเช่นนี้แล้ว  ต่อไปจะใช่แค่ตัวเราที่รักษาศีล  แต่ศีลนั่นเองจะปกป้องคุ้มรักษาเรา  เสมือนหนึ่งมีเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลประจำตัว


                    ขอให้ทุกคนจงหันมารักษาศีล ๕  กันให้มากขึ้น   อย่าปล่อยใจไปตามกระแสหรือส่งเสริมนิยมความรุนแรงให้มากกว่าที่สังคมและทั่วโลกกำลังเป็นอยู่


                    โลกใบนี้ร้อนแรงด้วยโลภ โกรธ หลง  ลุกไหม้ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า  จงพยายามอดทน อดกลั้น มีสติ  อย่าไปเติมเชื้อไฟลงไป  จงเอาอย่างพระพุทธองค์ที่ถูกนางมาคันทิยาจ้างคนมาใส่ร้ายและด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายอยู่ตั้ง ๗ วัน  แต่พระองค์ก็ทรงใช้อธิวาสนขันติ อดทนอดกลั้นในการดับไฟกิเลสของคน จนชนะใจของทุกฝ่ายได้อย่างขาวสะอาดเพราะทรงใช้หลักขันติธรรม


                     ตามวิสัยของคนพาล  ย่อมมองว่าคนที่รักษาศีลเป็นคนโง่   แต่โลกนี้ล้วนผ่านอันตรายและอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมาได้  ก็เพราะคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนโง่ทั้งนั้น

 
                     คนพาลอาจคึกคะนองในขณะที่ทำเขาได้ในตอนแรก  แต่สุดท้ายก็ล้วนตกต่ำและดับจมลงสักวัน  แม้แต่อดอล์ฟ  ฮิตเลอร์  ผู้ยิ่งใหญ่เหนือใคร  ก็ยังต้องหลบลงใต้ดินแล้วกินยาตาย  เพื่อหนีความอัปยศในวาระสุดท้ายของชีวิต


                     คนมีศีลหากต้องพ่ายแพ้ในเล่ห์กลของคนอื่น  เขาจะพ่ายแพ้แต่ภายนอก  แต่หัวใจของเขาหาได้แพ้ต่อสิ่งใดไม่  เขาจะยังรักษาใจของตัวเองไว้ได้และมีสติอยู่เสมออย่างองอาจ  แม้ศัตรูก็ยังเกิดความหวั่นใจ  เหมือนหัวหน้าเผ่าชาวอินเดียแดงผู้เกรียงไกร  เมื่อถูกชาวอเมริกันรุ่นบุกเบิกใช้เล่ห์เหลี่ยมจับตัวไปอย่างไร้ศักดิ์ศรี เพราะรบเท่าไหร่ก็เอาชนะกองทัพอินเดียแดงไม่ได้สักที  ได้ทิ้งอมตะวาจาไว้มาจนถึงทุกวันนี้ว่า


                      “เมื่อโลหิตไหลหลั่งกลับสู่ท้องนที  กองอัฐิกลับคืนสู่พื้นปฐพี  บางทีท่านจะสำนึกได้ว่า แท้จริงแล้วผืนแผ่นดินนี้ไม่ใช่ของท่าน  แต่ท่านต่างหากที่เป็นของผืนแผ่นดินนี้”


                       นับแต่นี้ไป  สถานการณ์จะบีบบังคับให้ผู้คนหันมารักษาศีลกันมากขึ้น  หากใครไม่ตระหนักถึงคุณค่าของศีลธรรม  บุคคลนั้นจะไปไม่รอด  จะไม่เหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมาที่ใครจะฉกฉวยฉ้อโกงหลอกลวงอย่างไรก็จะไม่ค่อยเป็นอะไร  เพราะเป็นธรรมดาของ “ยุคถิ่นกาขาว” ที่คนมองเห็นนกตัวสีขาวๆก็เข้าใจว่าเป็นนกหงส์แต่แท้จริงนั้นคืออีกา  แต่หลังจากนี้จะเป็นยุคที่หงส์ก็คือหงส์  กาก็คือกา  ที่จะมีความชัดเจนไม่อาจมีอะไรมาบิดเบือน


                         ต่อไปการทำบุญในศาสนา ก็จะเข้าใจตามความจริงว่าแท้จริงแล้วท่านให้ทำบุญเพื่อลดละอัตตาตัวตนและเพื่อความเบาบางของแห่งกิเลส  ไม่ใช่ทำบุญเพียงเพื่ออยากไปสวรรค์หรือได้ความสบายเหมือนเด็กอยากทำอะไรเพื่อหวังได้ตุ๊กตาหรือของเล่นเพียงแค่นั้น


                        การไปวัด  ก็คือการไปทำนุบำรุงพระศาสนาและศึกษาพระธรรม  ไม่ใช่ไปเพื่อแสดงความมีหน้ามีตา แสดงความเป็นผู้มีบริวารพวกพ้อง หรือพากันไปเพียงเพื่ออาศัยวัดทำกิจกรรม  พระเณรก็บวชเพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม  ไม่ใช่มีหน้าที่นั่งรอรับแขกทุกวันหรือรอรับถวายสังฆทานเพื่อเอาใจคนมีเกียรติ คนมีอำนาจหรือคนร่ำรวย


                        การปฏิบัติขั้นแรก  ต้องพยายามรักษาศีล ๕  ในชีวิตประจำวันให้ได้เสียก่อน  หากรักษาครบทุกข้อไม่ได้  ก็หมั่นสำรวมระวังและสมาทานขึ้นมาใหม่เพื่อเริ่มต้นเป็นคนมีศีลอีกครั้ง  หากไม่มีศีล ๕ เป็นพื้นฐานแล้ว  สมาธิภาวนาก็ยากจะเกิดขึ้นแม้จะนั่งสมาธิกี่ชั่วโมงหรือเดินจงกรมจนหมดแรงตาลาย  เปรียบเหมือนการจะสร้างตึกแล้วไม่มีการเทคานหล่อเสาปูนไว้  จะก่ออิฐสักเท่าไหร่  ไม่นานอิฐที่ก่อไว้ก็พังลงมา


                     ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นของพิสูจน์ได้  หากใครไม่เชื่อก็ลองตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้ได้สักสามวันดูก่อน  ไปงานเลี้ยงก็ไม่ยอมดื่มเหล้าแม้เพื่อนจะไม่เข้าใจ แต่อย่าไปบอกว่ารักษาศีลให้พวกเขาพูดค่อนแคะหรือนึกหมั่นไส้  พอพ้นสามวันเท่านั้นเราจะพบกับความเย็นใจและมั่นใจในตัวเองกว่าแต่ก่อน  เนื่องจากสติของเรามั่นคงยิ่งขึ้นเพราะอำนาจศีลบารมี


                      คนที่เคยยากจนต่ำต้อยมาเพียงใด  หากพยายามรักษาศีล ๕  ต่อไปก็จะตั้งตัวได้และมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองผิดจากแต่ก่อนมาก  คนเคยขี้เหล้าเมายาหากหันมาบวชหรือรักษาศีล ก็จะเกิดบุญบารมีและพบกับชีวิตที่สูงส่งอย่างไม่น่าเชื่อ  แม้หญิงโสเภณีเมื่อหันมารักษาศีล  จะทำให้เธอพ้นจากกรรมชนิดนั้น หรือพบกับผู้ชายที่รักและยอมรับเธอเป็นภรรยาได้อย่างอัศจรรย์


                      คนที่รักษาศีล ๕ ไว้เป็นนิสัย  อาจไม่บริสุทธิ์ทุกข้อไปเสียทั้งหมด  เมื่อมีความเลื่อมใสมั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริงในวันใด  สติที่เป็นไปในศีลอย่างสม่ำเสมอ  จะทำให้เกิดองค์ประกอบให้บรรลุโสดาปัตติผล  ท่านเรียกว่า “โสตาปัตติยังคะ” กลายเป็นพระโสดาบันผู้มีอริยกันตศีล   ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ศีล ๕ โสดาบัน”


                        ในยามที่บ้านเมืองเริ่มประสบทุพภิขภัย  ความอดอยากยากแค้นกำลังจะมาเยือนผู้คนส่วนใหญ่  ขอให้เหล่าผู้มีที่มีบุญบารมีและมีพื้นจิตใจที่ดีงามอยู่แล้วจงหันมาตระหนักต่อการบำเพ็ญศีล   ความทุกข์ยากเดือดร้อนจะเกิดอยู่ไม่นานจนเกินไป

 

                      เราจงประคองตนอย่าให้ต้องตกและจมลงในกระแสอันเชี่ยวกรากที่ถาโถมเข้ามา  แม้จะมีน้ำตานองหน้าก็จงปล่อยให้มันไหลออกมา  แม้จะโดดเดี่ยวเพียงใด  แต่หัวใจดวงนี้ก็จะไม่ทิ้งธรรม


                        ในยามที่หัวใจไร้พึ่งหรือหาหลักยึดตรงไหนก็ไม่ค่อยได้  จงหันมาใส่ใจในการบำเพ็ญศีลบารมีให้บริสุทธิ์และเคร่งครัดมากขึ้น


                       ศีลจะทำให้จิตใจมั่นคงหนักแน่น   ศีลจะทำให้เราไม่ไขว้เขวเดินออกนอกทางอริยมรรค  ศีลจะเป็นเทพเจ้าคุ้มครองรักษาตัวเราทั้งในยามหลับและยามตื่น  ศีลจักนำความร่มเย็นมาสู่ชีวิตและมอบความเย็นใจให้แก่เราในทุกฤดูกาล

 

                                                                          คุรุอตีศะ
                                                                  ๑๙  มีนาคม  ๒๕๕๘