ศีลจักช่วยคุ้มครอง
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ศีลจักช่วยคุ้มครอง
หากชีวิตในแต่ละวันมักมีแต่เรื่องร้อนใจ จงหันมาสร้างกำลังใจด้วยการสมาทานศีลแล้วบำเพ็ญให้เคร่งครัดและบริสุทธิ์กว่าที่เป็นอยู่ ศีลจักทำให้มีความเย็นใจมากขึ้น ศีลจักช่วยคุ้มครองรักษาให้ผ่านพ้นเคราะห์ร้ายไปได้ ศีลบารมีจะทำให้กำลังสติของเรากล้าแข็งขึ้น ศีลจะมีอานุภาพประคองชีวิตให้พบทางออกได้อย่างอัศจรรย์
จงอย่าปฏิบัติธรรมข้ามขั้น โดยมุ่งแต่เรื่องสติปัฏฐานหรือการทำสมาธิเดินจงกรม โดยลืมข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐานคือความเป็นผู้มีศีล หากจิตใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดฟุ้งซ่าน เต็มไปด้วยอุปกิเลสหรือนิวรณ์ จงหันกลับมาทบทวนศีล ๕ ของเราดูก่อนว่ายังมีความบกพร่องในเรื่องใด
ตื่นนอนตอนเช้าขึ้นมาวันใด รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ หัวใจรู้สึกหดหู่ซึมเซาหรือมีลางสังหรณ์แปลกๆขึ้นมา ก่อนออกจากบ้านจงหันหน้าเข้าหิ้งพระแล้วสมาทานศีล ๕ โดยเริ่มเปล่งวาจาเอาเอง ตั้งนะโม ๓ จบ แล้ว พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ไปจนจบไตรสรณคมณ์ แล้วก็ว่าศีล ๕ เป็นบาลีไปทีละข้อจนจบ แล้วตั้งใจรักษาศีลสำรวมระวังไปจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดินหรือกลับเข้าบ้าน หากวันนั้นตามดวงชะตาจะมีเคราะห์ตามโหราศาสตร์ ก็จะผ่านอุบัติเหตุหรือเภทภัยไปได้ ด้วยอานุภาพแห่งศีลบารมี ศีลที่สำรวมระวังรักษาไว้ดีแล้วจะทำให้เหนือดวง
จงรักษาศีลด้วยความเคารพในศีลที่ตนเองรักษา อย่ารักษาศีลเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ว่าเราเป็นคนดีหรือเพื่อหวังสร้างเครดิตเพื่อให้คนเชื่อถือ อย่าคิดรักษาศีลเพื่อจะได้มีเพื่อนแก้เหงาเพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว ถ้าเช่นนั้นการรักษาศีลจะไม่เกิดอานุภาพ เพราะเป็น “สีลัพพตปรามาส” คือการลูบคลำศีลเล่น ตามสังโยชน์ข้อที่ ๓
ต้องรักษาศีลด้วยความเคารพในศีล รักษาศีลเพราะเห็นคุณค่าว่า “ศีลย่อมนำมาซึ่งความเย็นใจ” หากรักษาศีลได้อย่างถูกต้องเช่นนี้แล้ว ต่อไปจะใช่แค่ตัวเราที่รักษาศีล แต่ศีลนั่นเองจะปกป้องคุ้มรักษาเรา เสมือนหนึ่งมีเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลประจำตัว
ขอให้ทุกคนจงหันมารักษาศีล ๕ กันให้มากขึ้น อย่าปล่อยใจไปตามกระแสหรือส่งเสริมนิยมความรุนแรงให้มากกว่าที่สังคมและทั่วโลกกำลังเป็นอยู่
โลกใบนี้ร้อนแรงด้วยโลภ โกรธ หลง ลุกไหม้ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จงพยายามอดทน อดกลั้น มีสติ อย่าไปเติมเชื้อไฟลงไป จงเอาอย่างพระพุทธองค์ที่ถูกนางมาคันทิยาจ้างคนมาใส่ร้ายและด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายอยู่ตั้ง ๗ วัน แต่พระองค์ก็ทรงใช้อธิวาสนขันติ อดทนอดกลั้นในการดับไฟกิเลสของคน จนชนะใจของทุกฝ่ายได้อย่างขาวสะอาดเพราะทรงใช้หลักขันติธรรม
ตามวิสัยของคนพาล ย่อมมองว่าคนที่รักษาศีลเป็นคนโง่ แต่โลกนี้ล้วนผ่านอันตรายและอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมาได้ ก็เพราะคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนโง่ทั้งนั้น
คนพาลอาจคึกคะนองในขณะที่ทำเขาได้ในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ล้วนตกต่ำและดับจมลงสักวัน แม้แต่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ยิ่งใหญ่เหนือใคร ก็ยังต้องหลบลงใต้ดินแล้วกินยาตาย เพื่อหนีความอัปยศในวาระสุดท้ายของชีวิต
คนมีศีลหากต้องพ่ายแพ้ในเล่ห์กลของคนอื่น เขาจะพ่ายแพ้แต่ภายนอก แต่หัวใจของเขาหาได้แพ้ต่อสิ่งใดไม่ เขาจะยังรักษาใจของตัวเองไว้ได้และมีสติอยู่เสมออย่างองอาจ แม้ศัตรูก็ยังเกิดความหวั่นใจ เหมือนหัวหน้าเผ่าชาวอินเดียแดงผู้เกรียงไกร เมื่อถูกชาวอเมริกันรุ่นบุกเบิกใช้เล่ห์เหลี่ยมจับตัวไปอย่างไร้ศักดิ์ศรี เพราะรบเท่าไหร่ก็เอาชนะกองทัพอินเดียแดงไม่ได้สักที ได้ทิ้งอมตะวาจาไว้มาจนถึงทุกวันนี้ว่า
“เมื่อโลหิตไหลหลั่งกลับสู่ท้องนที กองอัฐิกลับคืนสู่พื้นปฐพี บางทีท่านจะสำนึกได้ว่า แท้จริงแล้วผืนแผ่นดินนี้ไม่ใช่ของท่าน แต่ท่านต่างหากที่เป็นของผืนแผ่นดินนี้”
นับแต่นี้ไป สถานการณ์จะบีบบังคับให้ผู้คนหันมารักษาศีลกันมากขึ้น หากใครไม่ตระหนักถึงคุณค่าของศีลธรรม บุคคลนั้นจะไปไม่รอด จะไม่เหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมาที่ใครจะฉกฉวยฉ้อโกงหลอกลวงอย่างไรก็จะไม่ค่อยเป็นอะไร เพราะเป็นธรรมดาของ “ยุคถิ่นกาขาว” ที่คนมองเห็นนกตัวสีขาวๆก็เข้าใจว่าเป็นนกหงส์แต่แท้จริงนั้นคืออีกา แต่หลังจากนี้จะเป็นยุคที่หงส์ก็คือหงส์ กาก็คือกา ที่จะมีความชัดเจนไม่อาจมีอะไรมาบิดเบือน
ต่อไปการทำบุญในศาสนา ก็จะเข้าใจตามความจริงว่าแท้จริงแล้วท่านให้ทำบุญเพื่อลดละอัตตาตัวตนและเพื่อความเบาบางของแห่งกิเลส ไม่ใช่ทำบุญเพียงเพื่ออยากไปสวรรค์หรือได้ความสบายเหมือนเด็กอยากทำอะไรเพื่อหวังได้ตุ๊กตาหรือของเล่นเพียงแค่นั้น
การไปวัด ก็คือการไปทำนุบำรุงพระศาสนาและศึกษาพระธรรม ไม่ใช่ไปเพื่อแสดงความมีหน้ามีตา แสดงความเป็นผู้มีบริวารพวกพ้อง หรือพากันไปเพียงเพื่ออาศัยวัดทำกิจกรรม พระเณรก็บวชเพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม ไม่ใช่มีหน้าที่นั่งรอรับแขกทุกวันหรือรอรับถวายสังฆทานเพื่อเอาใจคนมีเกียรติ คนมีอำนาจหรือคนร่ำรวย
การปฏิบัติขั้นแรก ต้องพยายามรักษาศีล ๕ ในชีวิตประจำวันให้ได้เสียก่อน หากรักษาครบทุกข้อไม่ได้ ก็หมั่นสำรวมระวังและสมาทานขึ้นมาใหม่เพื่อเริ่มต้นเป็นคนมีศีลอีกครั้ง หากไม่มีศีล ๕ เป็นพื้นฐานแล้ว สมาธิภาวนาก็ยากจะเกิดขึ้นแม้จะนั่งสมาธิกี่ชั่วโมงหรือเดินจงกรมจนหมดแรงตาลาย เปรียบเหมือนการจะสร้างตึกแล้วไม่มีการเทคานหล่อเสาปูนไว้ จะก่ออิฐสักเท่าไหร่ ไม่นานอิฐที่ก่อไว้ก็พังลงมา
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นของพิสูจน์ได้ หากใครไม่เชื่อก็ลองตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้ได้สักสามวันดูก่อน ไปงานเลี้ยงก็ไม่ยอมดื่มเหล้าแม้เพื่อนจะไม่เข้าใจ แต่อย่าไปบอกว่ารักษาศีลให้พวกเขาพูดค่อนแคะหรือนึกหมั่นไส้ พอพ้นสามวันเท่านั้นเราจะพบกับความเย็นใจและมั่นใจในตัวเองกว่าแต่ก่อน เนื่องจากสติของเรามั่นคงยิ่งขึ้นเพราะอำนาจศีลบารมี
คนที่เคยยากจนต่ำต้อยมาเพียงใด หากพยายามรักษาศีล ๕ ต่อไปก็จะตั้งตัวได้และมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองผิดจากแต่ก่อนมาก คนเคยขี้เหล้าเมายาหากหันมาบวชหรือรักษาศีล ก็จะเกิดบุญบารมีและพบกับชีวิตที่สูงส่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม้หญิงโสเภณีเมื่อหันมารักษาศีล จะทำให้เธอพ้นจากกรรมชนิดนั้น หรือพบกับผู้ชายที่รักและยอมรับเธอเป็นภรรยาได้อย่างอัศจรรย์
คนที่รักษาศีล ๕ ไว้เป็นนิสัย อาจไม่บริสุทธิ์ทุกข้อไปเสียทั้งหมด เมื่อมีความเลื่อมใสมั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริงในวันใด สติที่เป็นไปในศีลอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เกิดองค์ประกอบให้บรรลุโสดาปัตติผล ท่านเรียกว่า “โสตาปัตติยังคะ” กลายเป็นพระโสดาบันผู้มีอริยกันตศีล ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ศีล ๕ โสดาบัน”
ในยามที่บ้านเมืองเริ่มประสบทุพภิขภัย ความอดอยากยากแค้นกำลังจะมาเยือนผู้คนส่วนใหญ่ ขอให้เหล่าผู้มีที่มีบุญบารมีและมีพื้นจิตใจที่ดีงามอยู่แล้วจงหันมาตระหนักต่อการบำเพ็ญศีล ความทุกข์ยากเดือดร้อนจะเกิดอยู่ไม่นานจนเกินไป
เราจงประคองตนอย่าให้ต้องตกและจมลงในกระแสอันเชี่ยวกรากที่ถาโถมเข้ามา แม้จะมีน้ำตานองหน้าก็จงปล่อยให้มันไหลออกมา แม้จะโดดเดี่ยวเพียงใด แต่หัวใจดวงนี้ก็จะไม่ทิ้งธรรม
ในยามที่หัวใจไร้พึ่งหรือหาหลักยึดตรงไหนก็ไม่ค่อยได้ จงหันมาใส่ใจในการบำเพ็ญศีลบารมีให้บริสุทธิ์และเคร่งครัดมากขึ้น
ศีลจะทำให้จิตใจมั่นคงหนักแน่น ศีลจะทำให้เราไม่ไขว้เขวเดินออกนอกทางอริยมรรค ศีลจะเป็นเทพเจ้าคุ้มครองรักษาตัวเราทั้งในยามหลับและยามตื่น ศีลจักนำความร่มเย็นมาสู่ชีวิตและมอบความเย็นใจให้แก่เราในทุกฤดูกาล
คุรุอตีศะ
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘