ปรารภธรรม:วิถีของแต่ละคน

 วิถีของแต่ละคน

 

 

                    ชีวิตของคนเราแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ตัวอย่างของบุรุษผู้หนึ่งที่เล่าให้ฟังนั้น เป็นวิถีของผู้ที่พยายามรักษาศีลอย่างมั่นคงเพื่อฝ่ากระแสชีวิตของปุถุชนชาวโลกให้ได้ เพื่อไปสู่จุดหมายคือการได้ออกบวชตามที่ตั้งใจไว้ จึงต้องมีสิ่งมาทดสอบกำลังใจอย่างมากมายเพื่อให้ “ศีลบารมี”แก่กล้า มิฉะนั้นเขาจะไม่มีโอกาสได้ออกบวชตามปณิธานที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ในใจ


                   วิถีของบุคคลเช่นนั้นจึงต่างจากคนทั่วไป ซึ่งในขณะที่เขากำลังถูกทดสอบบารมีอยู่นั้น จะไม่มีคนเข้าใจเขาเลย และแม้แต่ตัวเขาเองก็จะไม่เข้าใจว่าชีวิตทำไมต้องเป็นเช่นนั้น นี้คือ “กฎแห่งสวรรค์” ที่จะต้องเปิดเผยให้เจ้าตัวรู้ไม่ได้ จนกว่าบุคคลนั้นจะผ่านบททดสอบได้อย่างสมบูรณ์แล้ว


                     ที่ยกตัวอย่างมาเล่าให้ทุกคนฟัง  ส่วนหนึ่งก็เพื่อจะสื่อสารมาถึงบางคนที่ชีวิตในช่วงเวลานี้ บางทีอาจถูก “กฎแห่งสวรรค์” ทดสอบความเข้มแข็งแห่งบารมีตามความตั้งใจเดิมในทำนองบุรุษผู้ที่ได้ยกตัวอย่างเล่ามาก็อาจเป็นได้


                     หากอดทนและมั่นคงในคุณธรรมความดีอีกนิดเดียว ชีวิตก็จะผ่านอุปสรรคหรือปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ สิ่งที่รุมเร้าสารพัดจะได้มีทางออกและเริ่มคลี่คลาย ขอเพียงอย่าทอดอาลัยหรือคิดประชดชีวิตประชดคนอื่น ด้วยอารมณ์ในด้านลบอันจะเป็นการบั่นทอนตัวเอง


                     ชีวิตที่เล่ามาเราอาจน้อมมาเป็นอุทาหรณ์เป็นข้อคิดสอนใจ แต่เราไม่สามารถไป “เลียนแบบ” หรือพยายามจะเอาอย่างเช่นนั้นได้ เพราะทุกวันนี้บริบทของสังคมและเศรษฐกิจการเมืองตลอดทั้งการพระศาสนาได้เปลี่ยนไป หลายสิ่งแทบจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว


                    จากสังคมที่เขียนจดหมายใช้การเดินทางเจ็ดวันจึงจะส่งถึงผู้รับ มาบัดนี้กดโทรศัพท์เพียงเสี้ยวนาทีแล้วส่งไลน์ก็รู้เรื่องกันแล้ว การสื่อสารถึงกันมีความรวดเร็วทันใจ แต่หัวใจของผู้คนส่วนใหญ่ขาดแคลนความสนิทใจความไว้วางใจ มีแต่ความกลุ้มใจและวิตกกังวลมากกว่าเดิม


                    คนสมัยเมื่อสามสิบปีก่อนจะมีใครคาดคิดว่า จะสามารถสอนธรรมะหรือสื่อสารข้อมูลถึงกันเชื่อมทั้งโลก สมัยนั้นเมื่อหลวงปู่พุทธทาสภิกขุท่านกล่าวว่า “ต่อไปภายหน้าพระอรหันต์อาจต้องสอนธรรมะทางคอมพิวเตอร์ แต่ผู้ที่บำเพ็ญเพื่อจะบรรลุพระอรหันต์ไม่อาจทำเช่นนั้นได้” ก็ยังยากจะหยั่งถึงคำพูดของท่านและไม่เคยเข้าใจ จนกระทั่งกลายมาเป็น “พระผู้หันรีหันขวาง” ไปตามอัตภาพแล้วมานั่งพิมพ์ธรรมะออกเว็บไซต์ จึงนึกถึงวาจาสิทธิ์ของท่าน


                    บางทีเราอยู่ใกล้พระอรหันต์แท้ๆ เราก็มองหาพระอรหันต์ว่าอยู่ที่อื่น จนกระทั่งท่านล่วงลับดับสังขารไปแล้วเราจึงจะรู้ว่าท่านทรงคุณวิเศษชั้นสูง ยิ่งถ้าหากท่านไม่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ไว้ ปุถุชนคนทั้งหลายแทบจะไม่รู้เลยว่าท่านผู้ทรงคุณเหล่านั้นดวงจิตของท่านสูงส่งเพียงใด เหมือนหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน แห่งจังหวัดศรีสะเกษที่ไปไหนองค์เดียว นอนตามกระท่อมร้าง เล่นว่าว อุ้มไก่เดินไปทั่วนั้นไซร้ ใครจะไปคิดว่าท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญาชั้นสูง


                    ในทางพระปริยัติท่านจึงวางหลักอจินไตย ๔ ไว้ เพื่อใช้อธิบายเรื่องที่เกินวิสัยของปุถุชนที่คิดเอาอย่างไรก็ไม่มีทางเข้าใจได้ คือ ๑.พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า ๒.ฌานวิสัย วิสัยของของผู้สามารถทรงฌานสมาบัติได้ ๓.โลกวิสัย วิสัยการเกิดขึ้นของโลกใบนี้ ๔.กรรมวิสัย คือวิสัยของการที่สัตว์โลกทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ทำไมคนนั้นรวย คนนี้เป็นคนดีแท้ๆแต่ทำไมยากจน ทำไมคนนี้เกิดมาต้องเดินสี่ขา ทำไมบางคนไปเกิดในประเทศที่มีแต่สงครามตลอด ทำไมผู้หญิงคนนี้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทำไมพระรูปนี้ต้องมีเหตุให้สึกหาลาเพศ ฯลฯ


                    คำว่า “อจินไตย” แปลว่า “สิ่งที่ไม่ควรคิด” คิดมากๆเข้าจะฟุ้งซ่านและเป็นบ้า เพราะเป็นสิ่งที่คิดเอาและสรุปเอาเองไม่ได้ เนื่องจากเกินวิสัยของเรา คิดไปแล้วไม่มีประโยชน์และไม่มีจุดจบ ที่ท่านห้ามไว้มีสี่อย่างคือ เรื่องพระพุทธเจ้า เรื่องฌาน เรื่องโลก และเรื่องกรรม


                    วิถีชีวิตของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน แม้แต่พี่น้องเกิดจากพ่อแม่ท้องเดียวกัน บางทีก็มีวิถีชีวิตแตกต่างกันแทบไม่น่าเชื่อ พี่ชายเป็นโจร แต่น้องชายกลับบวชเป็นพระก็มี พี่สาวต้องขายตัวเป็นโสเภณี แต่เงินนั้นได้ส่งเสียน้องสาวจนเรียนจบเป็นแพทย์หญิงกลายเป็นคนมีเกียรติในวงสังคม นี้คือเบื้องหลังของชีวิตคนเราแต่ละคนที่เราต้องสวมหัวโขนเข้าหากัน


                    บุรุษผู้หนึ่งมีหน้าที่ต้องเกี่ยวข้องกับคดีที่เด็กหญิงอายุเพียง ๑๓ ปี ตัวผอมแห้งผิวพรรณไม่สะอาด ยังไม่ทันโตเป็นสาวเลยต้องถูกจับในข้อหาค้าประเวณีในโรงหนัง ผู้เป็นพ่อกว่าจะหาเงินไปเยี่ยมลูกสาวได้ต้องหาวิถีกู้หนี้ยืมสินอยู่หลายวัน ผู้เป็นพ่อตัวสั่นงันงกอยู่ท่ามกลางนักกฎหมาย แต่สายตาของเด็กหญิงผู้นั้นช่างเวิ้งว้างเหม่อลอยไร้ชีวิตจิตใจ ช่างเป็นภาพที่สะเทือนใจเขาผู้ที่ต้องมีหน้าที่รักษากฎหมายยิ่งนัก


                    เขามาคิดว่าการช่วยเหลือสังคมในขั้นตอนสุดท้ายแล้วเช่นนี้ ช่างเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุนัก การส่งเธอผู้อยู่ในวัยที่กำลังแรกแย้มแต่บัดนี้ดอกไม้ยังไม่ทันได้ผลิบานก็ยับเยินไม่มีชิ้นดีแล้วเข้าสู่สถานกักกันจะมีประโยชน์อันใดได้ หากเราออกบวชแล้วก็จะมีโอกาสช่วยเหลือผู้คนได้อย่างมากมาย หากเด็กคนนี้ไปขอข้าววัดกินหาเลี้ยงชีพไปตามประสาบ้านนอกในถิ่นอีสานใต้ ไม่ต้องเดินทางไกลไปหางานทำถึงสมุทรปราการ เด็กคนนี้ก็ไม่ต้องมาเร่ขายตัวในโรงภาพยนตร์


                    เขาตั้งปณิธานว่าวันหนึ่งข้างหน้าเขาจะตั้งมูลนิธิ หากเขาได้ออกบวช วัดในอุดมคติที่เขาอยากให้มี จะไม่ใช่มีแต่พระออกบิณฑบาตหาผ้าป่ากฐิน แต่ต้องสามารถช่วยเหลือผู้คนทั้งหญิงชายไม่ให้เขาต้องมามีชะตากรรมเหมือนเด็กหญิงบ้านนอกคนนี้ ในที่สุดความตั้งใจของเขาก็สำเร็จหลังจากนั้นอีก ๑๐ ปี ความสุขของบุรุษผู้นั้นในวันนี้คือการได้สอนธรรมะและได้ช่วยเหลือผู้คน


                    ชีวิตของคนเราอยู่ที่เราจะเลือกเส้นทางไหน หากเราเลือกเอาเงินทองอำนาจ เกียรติยศ เส้นทางสายนั้นผู้คนแทบทั้งโลกต่างก็พากันเดินเบียดเสียดแก่งแย่งกันทุกหัวระแหง การเรียนเก่งสอบได้ที่หนึ่ง การอยู่ท่ามกลางเกียรติยศจะมีประโยชน์อันใด สู้คำไม่กี่ประโยคสำหรับคนที่อับจนหนทางคิดจะฆ่าตัวตาย แล้วเขาได้สติคิดได้กลายเป็นคนใหม่ ยังมีคุณค่ายิ่งกว่าการได้สายสะพายหรือมีเงินสิบล้านเพียงเพื่อตัวเองคนเดียวในบัญชี


                    บุรุษผู้นั้นได้เลือกเส้นทาง“สายไร้เกียรติยศ” แต่เราทั้งหลายอาจพอใจที่จะกำหนดชีวิตของเราในระดับ “พอใจในชีวิตของเราวันนี้” แล้วค่อยๆเดินไปบนเส้นทางแห่งอริยะตามกำลังแห่งสติของเราในแต่ละวันไปก่อน


                    จงอยู่กับวันนี้ให้ตื่นรู้อยู่เสมอ อย่าจมอยู่กับความอาลัยอาวรณ์ เพียงให้หัวใจของเราไม่กังวลและเดือดร้อน เราก็จะพบกับความสุขไปตามอัตภาพ นั่นแหละเป็นการปฏิบัติธรรมแล้ว

 

                                                                             คุรุอตีศะ
                                                                       ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘