วิถีของสตรีเพศ
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
วิถีของสตรีเพศ
บุรุษเพศมีลักษณะแข็งแกร่งและหนักแน่นดังขุนเขา ส่วนสตรีเพศเป็นตัวแทนแห่งความอ่อนโยนนุ่มนวลดุจสายน้ำ ขุนเขาดูน่าเกรงขามและสูงตระหง่าน ส่วนแม่น้ำร่มเย็นเบิกบานและไหลริน มอบความรักความอบอุ่นและให้ชีวิตแก่มนุษย์สัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
บุรุษเพศมีลักษณะที่แผดกล้าร้อนแรงเปรียบดังพระอาทิตย์ สตรีเพศมีลักษณะโอบอุ้มให้ความรักความเมตตาอ่อนโยนเปรียบดังพระจันทร์ สิ่งเหล่านี้คือความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่ช่วยสร้างสรรค์ ให้ชายและหญิงต่างได้พึ่งพาอาศัยกันและอยู่คู่กันเสมอมา
ความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ คือความสอดคล้องกลมกลืน อ่อนน้อมเคารพนุ่มนวล ซึ่งขุนเขาไม่อาจมีคุณสมบัติเช่นนั้นได้ ขุนเขาดูยิ่งใหญ่ แต่ก็ต้องทนต่อแสงแดดอันแผดกล้าและลมพายุที่นับวันจะสึกกร่อนลงไป ส่วนสายน้ำที่ไหลเอื่อยอยู่เบื้องล่าง กลับไหลหล่อเลี้ยงมนุษย์สัตว์และพืชพรรณนานาอย่างสงบสบายใจ สายน้ำไม่ต้องวิตกทุกข์ร้อนต่อสิ่งใด นี้คือความพิเศษของสายน้ำที่อยู่อย่างเคารพอ่อนน้อม จึงไม่ต้องเดือดร้อนแบบที่ขุนเขาต้องเผชิญ
วิถีการต่อสู้ของบุรุษคือความเข้มแข็งองอาจกล้าหาญ เป็นรูปแบบการต่อสู้แบบต้องฟันฝ่าและทะยานไปข้างหน้า ส่วนวิถีการต่อสู้ของสตรีเพศที่ได้รับชัยชนะอย่างงดงามตลอดมา คือการเอาชนะด้วยการยอมรับ ด้วยความรักความเมตตาความอ่อนโยนนุ่มนวล แต่หัวใจนั้นหนักแน่นมั่นคงและแกร่งกล้าดุจเป็นเหล็กเพชรอยู่ภายใน
ไม่เคยมีสตรีคนใดสามารถเอาชนะหัวใจของบุรุษ ด้วยการใช้อำนาจหรือความแข็งกร้าว ในตอนต้นอาจดูเหมือนชนะ แต่ในที่สุดจะต้องพ่ายแพ้ทุกด้านในภายหลัง แต่สตรีใดมีปัญญา สามารถอดทนได้ในตอนต้นแล้วเอาชนะด้วยความรักความนุ่มนวลอ่อนโยนที่ออกมาจากใจ สตรีนั้นย่อมครองใจบุรุษเพศไว้ได้ตลอดไป จะไม่มีการกลับมาแพ้พ่ายอีกเลย
หากสตรีใดคิดว่าตนเองจะเอาชนะบุรุษด้วยการต่อสู้แบบทางโลก พยายามจะทำตนให้เข้มแข็งและองอาจกล้าหาญเลียนแบบบุรุษเพื่อหวังจะเอาชนะให้ได้ ในตอนแรกอาจเหมือนจะชนะ เพราะเขาอาจคิดไม่ถึงและไม่คิดถือสาอะไร แต่หากเขาไม่ยอมขึ้นมาวันใด การต่อสู้ที่ลงทุนไปมากมายจะกลายเป็นความว่างเปล่าและต้องชอกช้ำใจไปจนวันตาย
ภูมิปัญญาทางตะวันออกท่านจึงสอนว่า เป็นผู้หญิงอย่าไปต่อสู้หาญหักกับผู้ชายเป็นอันขาด คำสอนนี้ไม่ได้สอนให้ผู้หญิงเป็นคนโง่หรือให้ผู้หญิงเป็นทาสผู้ชายแต่อย่างใด แต่คือความเข้าใจอันลึกซึ้งถึงความแตกต่างกันของธรรมชาติระหว่างหญิงและชาย เป็นภูมิปัญญาที่เข้าใจชีวิตอันลึกซึ้งว่า สายน้ำก็มีคุณค่าแบบหนึ่ง ขุนเขาก็ทรงคุณค่าแบบหนึ่ง
หากจะต่อสู้กับบุรุษที่ขาดคุณธรรมและดูหมิ่นเหยียดหยามสตรีเพศ ก็ยังคงยืนยันว่าต้องต่อสู้ตามวิถีแห่งสตรีเพศเท่านั้นดุจความมี "คุณสมบัติพิเศษของสายน้ำ" คือสู้แบบไม่สู้
ภายนอกเหมือนคนโง่และไร้เดียงสา แต่ข้างในนั้นเปี่ยมด้วยความมีปัญญา ไหลเรื่อยเลาะไปตามภูผา แล้วมองดูขุนเขาตระหง่านฟ้า พร้อมทั้งชื่นชมยินดีที่สายน้ำแห่งนี้มีขุนเขาปกป้องและอยู่เป็นเพื่อนด้วยความรัก นั่นคือวิถีแห่งสายน้ำ นั่นคือวิถีการต่อสู้ของสตรี
วิถีการต่อสู้ของบุรุษ คือความกล้าหาญ แต่วิถีการต่อสู้ของสตรีเพศคือความอ่อนหวาน อ่อนโยน นุ่มนวล เอาความรักและความเป็นแม่นำหน้า แล้วผู้หญิงจะชนะในทุกสิ่ง
เป็นพระจันทร์อันมีแสงนุ่มนวลก็ส่องสว่างเป็นเพื่อนโลกมนุษย์ในยามค่ำคืน พอในยามที่มนุษย์และสัตว์นอนตื่น ก็เป็นเวลาของพระอาทิตย์จะต้องทำงานและทำหน้าที่ ธรรมชาติได้จัดสรรและมอบหมายบทบาทหน้าที่มาอย่างเหมาะสมแล้วทั้งบุรุษและสตรี ธรรมชาติให้แต่ละคนรู้จักหน้าที่และคุณค่าของแต่ละฝ่าย ไม่เคยมอบหมายให้ผู้ชายกับผู้หญิงมาต่อสู้กัน
อาวุธอันวิเศษสุดที่ธรรมชาติมอบให้สตรีเพศทุกคน คือความสามารถที่จะรักและความอ่อนหวานอ่อนโยนอันเป็นคุณสมบัติแห่งความเป็นแม่โปรดจำเอาไว้ ส่วนมนุษย์ผู้ชายมักเป็นประเภทผู้มีความชำรุดทรุดโทรมทางจิตใจ จึงชอบวางอำนาจและแข็งกร้าวเข้าใส่เป็นนิสัย หากไปต่อสู้กับเขาก็จะยิ่งเพิ่มความสับสนวุ่นวายให้แก่โลกและสังคมไปกันใหญ่
จงช่วยเหลือพวกเขาให้ลดความดุร้ายลงไป ด้วยการมอบความเป็นแม่คือความรักความเมตตาในหัวใจ อาวุธวิเศษนี้จะสามารถเอาชนะใจพวกผู้ชายไม่มีคำว่าล้าสมัยตลอดกาล
คุรุอตีศะ
๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๗