ธรรมชาติบำบัดคือการปฏิบัติ

ธรรมชาติบำบัดคือการปฏิบัติ

 


               การเยียวยารักษาจิตใจที่หนักอึ้ง เคร่งเครียด วิตกกังวล ด้วยการพยายามนั่งสมาธิให้จิตสงบในช่วงเวลานั้นย่อมไม่ได้ผลนอกจากเพิ่มความอึดอัดและความฟุ้งซ่าน เพราะหัวใจของเราในขณะนั้นกำลังทุกข์ทรมาน สิ่งที่หัวใจของเราต้องการที่แท้จริงคือความเข้าใจในตัวเอง


                ในช่วงเวลานั้นเราต้องการอยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆตามลำพัง เพื่อทบทวนเรื่องราวต่างๆมากกว่า แต่ต้องเป็นสถานที่อันร่มเย็นและมีกระแสแห่งเมตตาคอยคุ้มครองดูแลอยู่ห่างๆด้วยสายตาที่บ่งบอกความเห็นใจและเข้าใจ


               เกพลิตาโพธิวิหารย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน มีรูปแบบการปฏิบัติคือพาคนนั่งปฏิบัติธรรมครั้งละหนึ่งชั่วโมงเช้าเย็นเป็นกิจวัตร พาทุกคนหัดทำวัตรสวดมนต์แปลตั้งแต่เมื่อครั้งเริ่มต้น เมื่อออกพรรษาเข้าหน้าแล้งก็ทิ้งสำนักไว้แล้วออกเดินจาริกธุดงค์ บางทีก็นั่งแปลบาลีอยู่ในป่าท่ามกลางแสงจันทร์ ถึงวันใกล้จะสอบก็แบกกลดสะพายบาตรออกมาสอบ ณ ใจกลางกรุง


               วันเวลาผ่านไป ในขณะที่ความเจริญทางวัตถุและทางเทคโนโลยีมีอยู่ทั่วไปทุกระดับชั้นและทุกมุมของสังคมแล้วในเวลานี้ แต่ผู้คนกลับพบกับความวิตกกังวลและมีความซึมเศร้ากว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนหลายเท่า เดินธุดงค์ไปถึงเชียงใหม่ เชียงตุง หนองคาย หลวงพระบาง เวียงจันทน์ สิ่งหนึ่งที่ผู้คนต้องประสบคล้ายกันคือมีความทุกข์ใจมากกว่าสมัยดั้งเดิม


               เราไม่อาจย้อนไปนั่งเกวียน เหมือนตอนสมัยไม่มีทางรถยนต์ ไม่มีไฟฟ้าเหมือนสมัย ๖๐ ปีก่อนได้อีกแล้ว และคิดว่าคงไม่มีใครอยากกลับไปจุดตะเกียง ใช้เสียมขุดหลุมนั่งถ่าย หรือคอยไปส่งโทรเลขเพื่อส่งข่าวกับคนไกลที่ไปรษณีย์แบบเมื่อก่อนอีกเป็นแน่ เราพอใจที่จะมีอินเตอร์เน็ตเล่นเฟซบุ๊ค แช็ทไลน์อย่างสบายใจ แต่ในขณะเดียวกันเราก็อยากได้ความสุขใจ ไม่ต้องวิตกกังวลนอนมองเพดานตาค้างอยู่ทั้งคืน


                หลายคนอาจพากันสงสัยว่าเหตุใดเกพลิตาไม่พานั่งสมาธิ ไหนว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม แต่ทำไมจึงไม่เห็นใครนั่งหลับตาทำสมาธิ ที่ลานธรรมมีแต่คนเหงื่อไหลนั่งขูดคราบตะไคร่จนฝุ่นฟุ้งตลบ


                อันชื่อว่าการปฏิบัติธรรมที่เห็นโดยทั่วไปแล้ว ก็ต้องอยู่ในห้องเงียบๆหลับตาไม่ต้องใส่ใจใคร แล้วเหตุใดที่ตรงนี้จึงมีทั้งแมวและหมาวิ่งกันขวักไขว่ พอเจอเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งตกใจ เพราะทั้งใส่หมวกปีกใหญ่ กวาดใบไม้ และมอมแมมเหมือนไปเล่นคลุกฝุ่นกับเด็กที่ไหนมา


                การปฏิบัติธรรมในเกพลิตาหลังจากตั้งมาครบ ๒๐ ปี ได้พยายามหาวิธีจะช่วยเหลือผู้คนให้คราบน้ำตาแห้งหายและคลายความหมองหม่น มาบัดนี้จึงได้ใช้วิธี “ธรรมชาติบำบัด” คือให้ต้นไม้ ใบหญ้า นกกา หมาแมว นำความสดใสและความไร้เดียงสาไร้มายากลับคืนสู่จิตใจของผู้คนที่เข้ามาสัมผัส ให้หลวงพ่อหยกขาวได้เป็นที่พึ่งทางใจและคอยต้อนรับทั้งแดดและฝน


                เกพลิตาอาจไม่โก้และไม่สะดวกสบาย แต่มีความเรียบง่ายและความสงบคอยต้อนรับทุกคน ให้ได้พบกับความสงบและสบายใจ แม้ไม่ได้มีใครเดินจงกรมนั่งสมาธิให้ดูเป็นที่น่าศรัทธาเลื่อมใส แต่ก็พอมีน้ำใจและมอบความเบิกบานอย่างเป็นธรรมชาติแก่ทุกผู้ทุกนามเสมอหน้ากัน


               เกพลิตายินดีต้อนรับทั้งรถเบนซ์เลขทะเบียนสวยๆ รถกระบะ รถเครื่อง รถซาเล้ง และรถจักรยานมือสองจากตลาดโรงเกลือคันเก่าๆ เกพลิตาต้อนรับทั้งเหล่าสาวไฮโซเครื่องสำอางชุดละหมื่น และชาวบ้านใส่ผ้าถุงหน้าดำๆทาแป้งกระป๋องละสิบห้าบาทที่แบกจอบไปดายหญ้า เกพลิตามีสมาชิกนอกจากมนุษย์ตาดำๆแล้ว ยังมีแมวหมาที่น่ารัก กระรอก นกทุกชนิดและอีกา ขอแต่เพียงให้ระวังความคิดสักหน่อยว่า เมื่อก้าวเท้าลงจากรถมา อย่าเผลอลบหลู่ดูหมิ่นสถานที่เข้าล่ะ เพราะอาจถูก “เจ้าซิลเวอร์” เขม้นมองด้วยสายตา แล้ววิ่งเข้าไปงาบเอาให้ตกใจ


                ใครมาเกพลิตาอาจรู้สึกผิดหวังบ้างสักหน่อย ที่อาจไม่มีใครคอยเอาอกเอาใจและต้อนรับ หากไม่ถือยศถือศักดิ์หรือถือความร่ำรวยมากเกินไป จะไปเอาไม้กวาดมากวาดใบไม้บ้างก็ได้ แต่ถ้าหากมองว่าช่างเป็นงานที่ต่ำต้อยนักไม่เหมาะสมแก่เกียรติภูมิของข้าพเจ้าแต่อย่างใด ก็ขอรับรองว่าจะไม่มีใครว่าอะไรให้สะเทือนใจ เพราะอย่างน้อยจะมีพระผู้เฒ่าผู้มีความรู้น้อยไม่มียศศักดิ์อะไรและยังมีผู้มีน้ำใจรักความสะอาดกวาดให้ทุกคนอยู่แล้วเป็นประจำ


               วันดีคืนดีอาจมีคนได้พบพระภิกษุผู้มีเกศาหงอกแล้วรูปหนึ่งเดินไปเดินมาอยู่แถวนั้น ได้ข่าวว่าท่านมีตำแหน่งเป็น“พระวิปัสสนาจารย์”รูปหนึ่ง ทั้งยังผ่านการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ในขณะที่พระธรรมทูตรุ่นเดียวกันไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาอยู่ ๗๐ กว่าประเทศด้วยกัน แต่เพราะเหตุไรก็ไม่ทราบอีกเหมือนกัน ท่านจึงไม่สอนพระกรรมฐานยุบหนอ-พองหนอ หรือพาเดินจงกรมตามหลักสูตรที่จบมา ได้แต่ให้อาหารแมวและดึงหูเกาพุงหมาเล่นไปวันๆ


               อาจมีหลายคนสงสัยแคลงใจว่า “นี่มันศาสนาหรือลัทธิไหนกันหนอนี่” กระรอกน้อยอาจตอบแทนหลวงตาผู้เฒ่าที่งุ่มง่ามเพราะความชราด้วยน้ำเสียงอันเจื้อยแจ้ว เพราะต้องการปกป้องเกพลิตาที่มันรักขึ้นมาว่า “นี่แหละคือศาสนาแห่งความรู้ ตื่น เบิกบาน ที่คำในภาษาบาลีเรียกว่า “พุทฺธสาสนํ (พุด – ทะ – สา – สะ – นัง) ซึ่งแปลว่า “คำสอนแห่งพุทธะ” เข้าใจมั้ยล่ะ?””


               มีคำถามข้อหนึ่งขึ้นมาอีกว่า “แล้วหลวงพ่อที่นี่ท่านสอนวิธีปฏิบัติแบบไหน?” เจ้านกโพระดกแสนสวยซึ่งบินผ่านมาในยามนี้พอดี ก็รีบชิงตอบก่อนหลวงตาผู้กำลังนึกหาข้อมูลยังไม่ทันได้เอ่ย โดยส่งเสียงใสขึ้นมาว่า “หลวงพ่อสอนว่า ให้มีชีวิตในวันนี้ให้เต็มเปี่ยมและให้ดีที่สุด การปฏิบัติธรรมคือการมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อมในขณะนี้ ไม่ขึ้นกับว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่งเท่านั้น ให้ทุกสิ่งเลื่อนไหลและถ่ายเทไปตามธรรมชาติ อยู่กับความจริงในขณะนี้ คนสมัยนี้ใจมีความทุกข์มากเพราะห่างไกลธรรมชาติและขาดความเข้าใจตัวเอง”


              “ไม่นั่งสมาธิแล้วจะบรรลุได้อย่างไร?” มีคำถามอันเต็มไปด้วยความสงสัยและเจือด้วยความขุ่นใจลอยตามมาอย่างกระชั้นชิด!


              “การนั่งสมาธิเป็นอุบายทำใจให้สงบในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่การบรรลุสัจธรรมย่อมบรรลุด้วยปัญญา และบ่อเกิดปัญญาอันสำคัญคือการเจริญสติและการฟังธรรมที่นำจิตเข้าสู่ความสงบระงับ ไปสู่ความว่างภายใน จนจิตปล่อยวางและจางคลายจากการหลงผิดและการยึดติดต่อสิ่งต่างๆ เพราะเกิดปัญญารู้เท่าทันความจริงอย่างแจ่มแจ้งว่าไม่มีอะไรที่จะยึดถือได้แม้กระทั่งตัวเรา นี้คือลักษณะของตัวปัญญา


                การนั่งสมาธิสามารถกดข่มอารมณ์ราคะและโทสะไว้ได้ชั่วคราว แต่ถ้าไม่เจริญสติให้รู้เท่าทัน จิตจะตกไปสู่ความหลง ทำให้เฉื่อยชา เซื่องซึม ทื่อๆเฉิ่มๆ ไม่เป็นธรรมชาติ จิตจะขาดไหวพริบปฏิภาณ ไม่เบิกบานและแววไว มักกลายเป็นมิจฉาสมาธิ เพราะไม่รู้ทันกิเลสของตัวเอง จึงต้องมีสติกำกับด้วย  การทำสมาธิจึงจะปลอดภัยและมีความสุขในการใช้ชีวิตประจำวันตามความเป็นจริง สามารถทำกิจกรรมและประกอบอาชีพหรือทำการงานได้ตามปกติ”


                เจ้านกโพระดกหางยาวแสนสวย ร่ายยาวจนนึกละอายใจว่าตัวเองพูดมากเกินไปหรือเปล่า แต่เมื่อมาคิดว่านานๆจะผ่านมาที่นี่เดือนละครั้ง ก็สมควรจะตอบแทนบุญคุณของสถานที่ ที่ทำให้มันได้พากันมาจู๋จี๋บนต้นยางใบดกหนาสมัยข้าวใหม่ปลามันเมื่อสามปีที่แล้ว ไม่อยากให้ใครต่อใครมาเบียดเบียนหลวงตาทางวาจา ผู้ซึ่งไม่อยู่ในฐานะจะโต้เถียงกับใครได้ เพราะคนสมัยนี้เขาเรียนสูงมีความรู้กว่าหลวงตามากมาย นอกจากนั้นอาจพากันนินทาหลวงตาทางเฟซบุ๊คทางไลน์กันอยู่ก็อาจเป็นได้

 

                พอมันชม้ายตามองคู่ของมันสักครู่ ก็เหมือนรู้ใจกันว่าสมควรไปกันได้แล้ว แล้วโพระดกสองผัวเมียผู้มีน้ำใจงามและสติปัญญาดีก็พากันบินจากไป


               หลวงตาผู้ซึ่งเพิ่งเกิดสติปัญญาขึ้นมา หลังจากโพระดกทั้งสองบินจากไปได้สักพัก ก็ส่งเสียงกระแอมขึ้น แล้วรำพึงขึ้นมาว่า “การปฏิบัติธรรมที่เยี่ยมยอดที่สุดและเดิมแท้ คือการปล่อยให้ธรรมชาติและความสงบบำบัดรักษาใจของเรา เมื่อใดที่ใจดวงนี้มีความสงบและปลอดโปร่ง มีสติอยู่คู่ตัว เมื่อนั้นย่อมได้ชื่อว่า เป็นความเพียรและเป็นการปฏิบัติธรรมแล้ว”


               หลังจากเอ่ยเพียงเท่านี้ หลวงตาก็หลับตาลงอย่างแผ่วเบา พร้อมกับดื่มด่ำอยู่กับความความสงบและธรรมชาติรอบตัวต่อไป อีกสักพักหลวงตาก็จะไปกวาดใบไม้ขยับเส้นสายและเป็นการบริหารร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความสุขกายสบายใจเช่นทุกวัน

 

 

                                                                                คุรุอตีศะ
                                                                        ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗