ความรักช่วยสร้างชีวิต

 ความรักช่วยสร้างชีวิต

 

 


                อาจมีหลายคนสงสัยว่าเหตุใดจึงมักพูดถึงความรักบ่อยๆ ทั้งๆที่อยู่ในเพศที่ถือว่าควรห่างไกลจากความรัก ซึ่งตามธรรมดาแล้วน่าจะพูดถึงการปฏิบัติพระกรรมฐาน การมีศีลธรรม พูดถึงเรื่องการหลุดพ้น หรือวิธีการที่จะบรรลุพระนิพพานเช่นครูบาอาจารย์ทั้งหลายโดยทั่วไป เหตุใดจึงไม่สอนเรื่อง จิต เจตสิก รูป นิพพาน หรือธรรมะอันสูงส่งลึกซึ้งกว่านี้


               การสอนธรรมะด้วยการพูดถึงความรัก ก็เพราะความรักคือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ทุกคน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไปลดคุณค่าของความรักเหลือเพียง "ความผูกพันด้วยอำนาจเสน่หา" ตามสัญชาตญาณ จนลืมความรักอันแท้จริงคือ "ความรักความเมตตา" ที่จะช่วยสร้างสรรค์หัวใจของมนุษย์ให้ดีงามและสร้างโลกใบนี้ให้งดงาม อันเป็นการปฏิบัติธรรมที่สำคัญ


               หากหัวใจของเราเข้าใจในความรักที่ดีงาม เมื่ออยู่ในสังคมชาวโลกจะทำให้เรารักษาศีลข้อสามได้อย่างง่ายดายและมีความสุข เมื่อใดที่พร้อมจะรักษาศีลแปดหรือบวชประพฤติพรหมจรรย์ ก็จะทำให้เกิดพลังแห่งความเมตตาในการอุทิศตนต่อคนอื่นและช่วยค้ำจุนพระศาสนาด้วยความหนักแน่นมั่นคงและด้วยความเบิกบานต่อไป


               หากชายหนุ่มรู้จักความรักที่ดีงาม เขาจะมีความรักความเมตตานึกไปถึงหัวอกบิดามารดาของหญิงสาวที่ตนไปเกี่ยวข้อง จะมีความละอายใจไม่กล้าทำในสิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องเสียใจ หากตนยังไม่มีความจริงใจหรือไม่มีความพร้อมที่จะรับผิดชอบในเรื่องครอบครัว โดยไม่ต้องไปพร่ำสอนศีลธรรมอะไรให้แก่เขา เพราะความรักและความเห็นใจต่อคนอื่นจะกลายเป็นตัวศีลธรรมขึ้นท่ามกลางหัวใจของเขาเอง จนอยู่เหนืออำนาจความเสน่หาและครองสติไว้ได้


               หากหญิงสาวมีความรักที่ดีงาม หัวใจของเธอจะมีภูมิคุ้มกันที่บุรุษทั้งหลายจะล่อลวงเธอไม่ได้ เธอจะมีสัมผัสที่หกในการบอกตัวเองว่าบุรุษใดจริงใจหรือไม่มีความจริงใจ เธอจะมีความไว้ตัวและไม่เป็นคนที่ใครจะเข้าถึงตัวเธอได้โดยง่าย จะกลายเป็นสตรีที่มีพลังในการช่วยสร้างอนาคตให้แก่ผู้ชายที่เธอรักได้อย่างน่าอัศจรรย์ในวันหนึ่ง


               อานุภาพของหัวใจที่มีความรักอันดีงาม จะทำให้วัยรุ่นหนุ่มสาวสามารถครองกายครองใจได้ แม้ต้องอยู่ท่ามกลางสังคมที่เต็มไปด้วยกระแสอันเชี่ยวกรากอันน้อยคนนักจะฝ่าด่านไปได้ จะทำให้สามีภรรยามีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ไม่เผลอตกจมลงไปตามกระแสของสังคม


               ความรักความเมตตาเช่นนี้ ทำให้สตรีบางคนสามารถมีใจเด็ดเดี่ยวไม่ยอมเป็นอนุภรรยาของใครได้สำเร็จ ความรักเช่นนี้ทำให้บุรุษบางคน ถือคติว่าจะไม่ไปไหนสองต่อสองกับสตรีที่มีสามีหรือเป็นคนรักของชายอื่น แม้ทั้งสองจะไม่คิดอะไร แต่เขาไม่ต้องการจะทำให้แม้แต่สามีหรือคนรักของสตรีผู้นั้นได้รับความสะเทือนใจ เพราะเขาเองรู้ดีว่า ตัวเองก็คงนึกหึงหวงอยู่ลึกๆข้างใน และรู้สึกสะเทือนใจหากเห็นภรรยาของตนเดินไปกับผู้ชายคนอื่น


               ครูบาอาจารย์บางรูปท่านละเอียดอ่อนกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ท่านระมัดระวังหลีกเลี่ยงแม้กระทั่งการพูดคุยโทรศัพท์กับสตรีที่มีคู่เพื่อถนอมน้ำใจสามีของเขา ท่านให้เหตุผลว่า "แม้เขาทั้งคู่จะมีความเคารพนับถือในตัวเรา แต่เราก็ควรทะนุถนอมน้ำใจสามีเขา เพราะเรื่องเช่นนี้เป็นความละเอียดอ่อนซึ่งผู้คนสมัยนี้มักมองข้ามไป" ท่านมักใช้วิธีให้สตรีทั้งหลายติดต่อผ่านคนในวัดที่ท่านฝึกฝนอบรมไว้แล้วแทน นี้ก็คือความรักความเมตตาของท่านผู้มีความรักอันแท้จริง


                ความปรารถนาประการหนึ่งที่พากเพียรในการอธิบายถึงเรื่องเหล่านี้ คือหวังอยู่ในใจลึกๆว่า อาจมีบุรุษหรือสตรีที่มีบุญบารมีสั่งสมมาดี เมื่อได้พบกับคำสอนเหล่านี้จะได้เกิดความมั่นใจในการประคองตน ไม่ให้ชีวิตตกหล่นลงไปในกระแสคลื่นดังที่คนอื่นเขากำลังเป็นอยู่นั้น


                หากเป็นผู้ครองเรือน จะได้พัฒนาจิตของเราให้ก้าวเดินไปด้วยพลังแห่งสติเพื่อความเป็นผู้มีหัวใจที่ดีงาม เข้าสู่ความเป็นพระโสดาบัน เอาพลังแห่งความรักความเมตตาที่มีต่อกันนั้น ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคและขวากหนามในชีวิต จนกว่าจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทาง


                หากยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็จะสามารถควบคุมพลังทางเพศให้อยู่ในครรลองจนเกิดพลังสร้างสรรค์ ใครยังต้องเรียนหนังสืออยู่ ก็จะได้กล้าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน หากใครกำลังทำงานเพื่อเก็บเงินแต่งงาน จะได้มีความมุ่งมั่นในความสำเร็จและมีสมาธิในการสร้างตัวต่อไป


                ใครปรารถนาจะอยู่เป็นโสด ก็จะสามารถใช้ชีวิตโสดได้อย่างมีความสุข หากใครต้องแต่งงาน ก็จะสามารถใช้ชีวิตคู่ที่เริ่มต้นด้วยสติและครองรักกันไป จะได้ช่วยกันสร้างอนาคต ด้วยพลังแห่งรักอันยิ่งใหญ่ของหัวใจทั้งสองดวง และพากันสร้างกุศลบารมีไปจนตลอดชีวิต


               หากมีวัยรุ่นหนุ่มสาวคนใด ที่หัวใจไม่ได้คิดเพียงแค่ความสุขของตัวเองเพียงแคบๆ แต่ปรารถนาจะเป็นคนหนึ่งที่จะช่วย "สร้างสังคมยุคใหม่" ซึ่งจะช่วยสรรค์สร้างสังคม ประเทศชาติบ้านเมือง และช่วยค้ำจุนพระศาสนาต่อไป ขอให้รักษาหัวใจอันยิ่งใหญ่นั้นไว้แล้ว "ปฏิบัติต่อความรักให้ดี" แล้วชีวิตจะประสบกับความสำเร็จไม่ว่าจะอยู่ในทางโลกหรือทางธรรม


               ความรักที่ดีงามได้ช่วยสร้างชีวิตคนมามากต่อมาก เมื่อมีความรักอันงดงามอยู่ในใจ ไม่จำต้องยกศีลธรรมมาพูดหรือพร่ำสอนก็ยังได้ การบังคับให้คนเป็นคนดีหรือบังคับให้มีศีลธรรมเป็นเพียงขั้นพื้นฐานที่ยังแห้งแล้งเกินไป แต่หากความรักความเมตตาอันแท้จริงเกิดขึ้นในหัวใจแล้วไซร้ คนจะกลายเป็นคนดีและมีความเมตตาเกื้อกูลโดยไม่ต้องบังคับแต่อย่างใดเลย


               ความรักสามารถเปลี่ยนใจบุรุษผู้สำมะเลเทเมาให้กลายเป็นบุคคลตัวอย่าง ความรักช่วยเยียวยารักษาใจที่เคยอ้างว้างให้เกิดการเติมเต็ม และมีความสุขแม้อยู่ท่ามกลางความยากไร้ก็ได้ ความรักช่วยสร้างหนุ่มสาวที่เริ่มต้นสร้างอนาคตด้วยการกินไข่ต้มวันละใบ จนกลายเป็นเศรษฐีมีบ้านหลังใหญ่ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ช่างน่าอัศจรรย์แท้!


              ผู้ที่ปรารถนาจะก้าวเดินไปสู่ชีวิตที่ดีงามและสูงส่งทางจิตวิญญาณ พึงตระหนักถึงความสำคัญของความรักและพลังทางเพศให้มาก มิฉะนั้น ศาสนาฮินดูจะไม่สร้างศิวลึงค์และโยนีไว้กราบไหว้ให้คนสมัยปัจจุบันต้องพากันแปลกใจ ความหมายก็คือ "พวกเจ้าจงปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้ให้ดี อย่าพากันทำเล่นๆแบบนึกสนุกหรือมักง่าย เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นได้ทั้งตัวสร้างและตัวทำลายชีวิตของเจ้า หากเจ้าปฏิบัติต่อมันอย่างขาดสติหรือหมกมุ่น มันก็จะเป็นตัวทำลาย แต่ถ้าตระหนักรู้ด้วยความมีสติ มันจะกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นสูเจ้าจงพากันเคารพและปฏิบัติต่อสองสิ่งนี้อย่างดุจเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ สูเจ้าทั้งหลายจงจำใส่ใจไว้ให้ดี"


               ภูมิหลังการเกิดขึ้นของแต่ละศาสนาจะมีอะไรที่ลึกซึ้งแตกต่างกัน อย่างในศาสนาอิสลามที่มีความเข้มงวดเรื่องการแต่งกายของสตรีและมีความเคร่งครัดมาก เกิดจากในช่วงเวลานั้นสภาพสังคมในนครเมกกะและผู้คนในแถบนั้น ปรากฏว่าเหล่าสตรีทั้งหลายมีความประพฤติเละเทะมาก ศีลธรรมและสังคมเสื่อมโทรมขนาดหนักยิ่งกว่ายุคสมัยใด


               ผู้เป็นศาสดาจึงต้องวางหลักศาสนาที่เข้มงวด เพื่อฟื้นฟูศีลธรรมของสังคมขึ้นมาใหม่ โดยมีท่านหญิงคะดิยะห์ ผู้เป็นศรีภรรยา เป็นกุลสตรีต้นแบบในการวางบทบัญญัติต่างๆเหมือนกฎหมายเพื่อบังคับใช้กับผู้คนในสังคม เนื่องจากคนที่จะรักษาความเป็นกุลสตรีที่ดีงามที่จะเป็นแบบอย่างได้เหมือนท่านหญิงคะดิยะห์ในช่วงเวลานั้นหาได้ยากมาก ศาสนาอิสลามจึงเข้มงวดกับสตรีมากเมื่อเปรียบเทียบกับศาสนาอื่น เพราะเกิดจากภูมิหลังของสังคมที่ต่างกัน


               พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่สอนให้มนุษย์เกิดความรู้แจ้งในตนเอง เป็นศาสนาแห่งความรักและปัญญาพร้อมมูลอยู่ในตัว ผู้ที่จะเดินไปสู่เส้นทางแห่งความรักและปัญญาสามารถเดินไปแต่ละก้าวด้วยสิ่งที่เรียกว่า "การเจริญสติ"


               การระลึกรู้ตัวในขณะนี้และการอยู่กับวันนี้ให้ดีที่สุด คือการเจริญสติที่จะนำไปสู่การรู้แจ้ง ดวงจิตจะเกิดสติปัญญาเข้าถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ อันมิใช่ปัญญาแบบความฉลาดของมนุษย์ที่ใช้ชั้นเชิงเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ต่อกันอีกต่อไป


               ต่อจากนั้นความรักในขั้นธรรมดา อันได้รับการขัดเกลาและพัฒนาด้วยพลังแห่งสติเรื่อยมา จะกลายเป็นความรักอันยิ่งใหญ่ กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ ที่จะช่วยสร้างชีวิตของบุคคลนั้นให้สูงส่งทางจิตวิญญาณ พบกับความสุขและร่มเย็นอยู่ภายใน จนหัวใจดวงนี้จะไม่ยินดีย้อนคืนกลับไปสู่ความรักตามวิถีแบบปุถุชนอีกเลย

 

 

                                                                         คุรุอตีศะ
                                                                ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗