ความรักกับการให้อภัย
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ความรักกับการให้อภัย
ความรักในห้วงเวลาที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขในตอนแรก ยังไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นผู้มีความรักแท้ระหว่างคนทั้งสองได้ จนกว่าจะมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาให้ทั้งสองต้องเผชิญปัญหา นั่นคือห้วงเวลาที่จะพิสูจน์ว่าความรักอันแท้จริงที่พร่ำรำพันต่อกันตลอดมานั้นได้มีอยู่ในหัวใจของคนทั้งสองจริงเพียงใด
ชีวิตของ หลี่ ซินเจี๋ย หรือ แองเจลิกา ลี นางเอกสาวชาวมาเลเซีย ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการภาพยนตร์ของเอเชีย เธอฝ่ามรสุมชีวิตสมรสกับผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงมาได้ทั้งน้ำตา หลังจากที่มีข่าวครึกโครมว่าสามีของเธอนอกใจ เพราะไปมีความสัมพันธ์กับนางแบบสาวแห่งจีนแผ่นดินใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งใครๆต่างก็คิดกันว่า ชีวิตสมรสของนางเอกสาวคงจะไปไม่รอด
เธอให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำอันเป็นธรรมะที่ประทับใจแก่ผู้คนตอนหนึ่งว่า
“ถ้าเปรียบชีวิตกับการแสดง ในการแสดงคุณต้องเรียนรู้วิธีที่จะเลิกเป็นตัวละครที่เคยแสดงให้ได้ ชีวิตจริงก็เหมือนกัน ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและให้อภัย
ฉันเริ่มศึกษาและฝึกหัดตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามาเป็นเวลา ๖ ปี พุทธศาสนาสอนเรื่องความรักและปัญญา ทำให้ฉันสงบลง ชีวิตต้องมีขึ้นมีลง ตราบเท่าที่คุณสามารถนำเอาสถานการณ์ที่แย่ๆและเลวร้ายต่างๆมาเป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ คุณจะรู้วิธีที่จะเผชิญต่ออุปสรรค”
นี้คือคำพูดของนางเอกสาวผู้อยู่ท่ามกลางวงการมายา ต้องเผชิญกับปัญหาในชีวิตจริง หลังจากที่เธอศึกษาและปฏิบัติมาเป็นเวลา ๖ ปี เมื่อถึงวันหนึ่งที่ชีวิตต้องเผชิญกับมรสุม เธอกลับมีสติและปัญญาอันลึกซึ้ง ซึ่งน้อยคนนักจะประคองใจไว้ได้ ในท่ามกลางเหตุการณ์อันเลวร้ายที่ผู้หญิงคนหนึ่งในฐานะภรรยาต้องเผชิญในชีวิตจริง แต่เธอกลับทำได้อย่างงดงาม ชนะใจทุกฝ่ายได้อย่างขาวสะอาด กลายเป็นนางอันเป็นที่รักและเป็นที่เทิดทูนของผู้เป็นสามี ชนะแม้กระทั่งหัวใจของสตรีคือนางแบบสาวคนนั้นในฐานะหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน
เธอกลายเป็นฝ่ายรักษาครอบครัวไว้ได้อย่างภาคภูมิใจ กลายเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ดาราสาวทั้งหลาย เธอกลายเป็นนางเอกทั้งในจอและนอกจอ กลายเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตของดาราสาวทั้งหลายในบัดนี้ กลายเป็นแม่ชีที่ลึกซึ้งเรื่องของชีวิตผู้อยู่ท่ามกลางวงการแห่งมายา
หลี่ ซินเจี๋ยยังกล่าวถ้อยคำให้ผู้คนในสมัยนี้โดยเฉพาะผู้หญิงได้เกิดแง่คิดในการใช้ชีวิตครอบครัวอีกว่า ตอนนี้เธอพอใจและมีความสุขกับชีวิตที่ไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ ไม่แสดงออกซึ่งความรักในทางที่ตึงเกินไป เธอบอกว่า “ฉันปรารถนาที่จะใช้หัวใจรักทุกคนและให้อภัยแก่ทุกคน”
เมื่อถูกถามว่า เจ็บปวดหัวใจมากไหมที่คนที่เรารักทำกับเราอย่างนี้ หลี่ ซินเจี๋ย ตอบคำถามนี้อย่างสตรีผู้มีปัญญาและเข้าถึงความรักอย่างลึกซึ้งได้อย่างน่าทึ่งว่า
“คุณจะเจ็บปวดถ้าคุณเรียกร้อง เมื่อคุณรักใคร คุณต้องไม่ร้องหาสิ่งตอบแทน ถ้าคุณไม่เรียกร้อง คุณจะไม่เจ็บปวดและมองอะไรได้รอบด้านมากขึ้น”
นี้คือสิ่งที่เรียกว่า “ตัวสติ” ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนานั่นเอง สิ่งที่หลี่ ซินเจี๋ยพูด ก็คือตัวสติที่ครูบาอาจารย์ในทางธรรมทั้งหลายพยายามหาวิธีถ่ายทอดให้ผู้คนได้รู้จักและเข้าถึงพลังแห่งสติตัวนี้ เพียงแต่อาจใช้โวหารคำพูดหรือวิธีแตกต่างกันไปตามยุคสมัยนั้นๆ
ผู้ที่รู้จักและเข้าถึงสติตัวนี้ จะมีคุณภาพของจิตที่สูงส่งอยู่ภายใน พลังตัวนี้จะไม่แสดงตัวยามชีวิตอยู่ในภาวะปกติสุข แต่จะปรากฏเข้าคุ้มครองจิตใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ยามชีวิตเข้าสู่ภาวะคับขันหรือพบกับมรสุมของชีวิต ทำให้สามารถเผชิญกับปัญหาทั้งปวงและผ่านไปได้อย่างสง่างามเหมือนอย่างที่หลี่ ซินเจี๋ยเธอทำได้ และสิ่งนี้เองที่เรียกว่า “การปฏิบัติธรรมในชีวิตจริง” ที่พยายามสื่อความหมายต่อท่านทั้งหลายตลอดมาในห้วงเวลาหนึ่งปีเศษ
นางเอกสาวบอกว่าตนเองเป็นคนที่หาทางออกในสถานการณ์เช่นนี้ได้ง่าย เพราะใช้ปัญญาทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลึกซึ้ง นี้คือ“การปฏิบัติธรรม”ที่เป็นการแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างแท้จริง ที่ประกอบด้วยความเป็นผู้มีสติที่รู้ตื่นเบิกบาน
ชีวิตสมรสของหลี่ ซินเจี๋ย คือตัวอย่างชีวิตที่ดีงาม ของ “ผู้ที่มีความรักพร้อมกับการให้อภัย” อันเป็นความรักแท้ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว
การผ่านมรสุมของชีวิตครั้งสำคัญไปได้ ถือได้ว่าเธอได้สอบผ่าน “ข้อสอบการปฏิบัติธรรมครั้งยิ่งใหญ่” ที่อาจมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สอบผ่านไปได้ เธอจึงไม่เพียงเป็นนางเอกทางด้านการแสดงเพียงอย่างเดียว แต่เธอย่อมคือนางเอกในชีวิตจริงอีกด้วย
มีคำพูดของเธอที่ควรจะนำมาบันทึกไว้ในที่นี้ ซึ่งเป็นคำพูดที่ออกจากหัวใจของสตรีที่มีหัวใจเพียบพร้อมทั้งความรักและปัญญา อันแสดงถึงหลักปรัชญาในการใช้ชีวิตอันลึกซึ้ง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้คนในยุคสมัยนี้ คำพูดของเธอมีว่า
“ฉันรู้ดีว่าผู้คนรอบข้างล้วนช่วยฉันในการฝึกฝนธรรมะ พวกเขาทำให้ฉันเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น เขา(สามี)ก็เป็นบททดสอบของฉันเหมือนกัน ทำให้ฉันมีโอกาสได้เรียนรู้ อุปสรรคและปัญหานั้นมักเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เมื่อกรรมลิขิตนำคนสองคนมาอยู่ด้วยกัน เราควรจะใช้ความรักเพื่อเติบโตไปด้วยกัน ให้กำลังใจกัน และแบ่งปันความสุขและความสดชื่นให้แก่กันและกัน”
คำพูดของเธองดงามยิ่งนัก เพราะกลั่นออกมาจากหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและประกอบด้วยพลังแห่งสติ เธอคือผู้หนึ่งที่มองเห็นความงดงามและมองชีวิตได้อย่างรอบด้าน หัวใจเช่นนี้ย่อมมองเห็นคุณค่าและความงดงามแม้กระทั่งในโคลนตม...
....เพราะว่า “มีโคลนตม จึงมีดอกบัว”
คุรุอตีศะ
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗