ให้ผ่านไปดุจสายลม

ให้ผ่านไปดุจสายลม

 


            สายลมพัดกระโชกหอบเอาความหนาวเย็นต้อนรับวันออกพรรษา  บ่งบอกว่านับจากนี้ฤดูกาลกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่บรรยากาศใหม่   จากหน้าฝนที่ชุ่มฉ่ำเขียวขจีแสนชื่นใจ ผันผ่านสู่มิติที่เมฆหมอกทั้งปวงเริ่มหายไป  สู่บรรยากาศที่แจ่มใสและเต็มไปด้วยความหนาวเย็น


            ให้ชีวิตของเราสอดคล้องกลมกลืนไปกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ  ดุจเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลภายนอก  ความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงที่เคยบั่นทอนและบีบคั้นหัวใจ ขออย่าพยายามยื้อยุดสิ่งใดไว้   จงปล่อยให้มันผ่านมาและก็ผ่านไปดุจสายลม


            วันออกพรรษาเป็นเรื่องของพระวินัยตามพุทธบัญญัติ แต่สำหรับตัวชีวิตแล้วไม่มีคำว่าเข้าพรรษาหรือออกพรรษา ชีวิตนี้ยังต้องดำเนินต่อไป  ยังคงบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา โดยไร้เงื่อนไขและอยู่นอกเหนือคำว่าเข้าพรรษาหรือออกพรรษาต่อไปตามปกติ


            วันออกพรรษาปีนี้ มีปรากฏการณ์จันทรุปราคาในช่วงเวลาพลบค่ำ  จากที่ควรจะเป็นคืนวันเพ็ญใสกระจ่างกลับมีราหูปิดบังแสงอันเรืองรองของพระจันทร์  หากว่าตามหลักวิทยาศาสตร์หรือดาราศาสตร์ก็บอกว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติไม่มีผลอะไร  แต่หากพูดในแง่ของโหราศาสตร์นับพันปีที่ท่านจดสถิติไว้ จันทรุปราคาในวันออกพรรษาเช่นนี้ จะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์บนผืนโลก มีเหตุการณ์สำคัญในบ้านเมืองที่ต้องมีสติเป็นพิเศษ


             สิ่งที่พึงปฏิบัติตนในช่วงเวลาเช่นนี้  มนุษย์บนผืนโลกพึงสำรวมตนอยู่ในศีล หมั่นสวดมนต์ภาวนาและสร้างกุศลให้เคร่งครัดกว่าเวลาปกติ  ไม่พึงหมกมุ่นในกามารมณ์เหมือนในยามปกติทั่วไป  จงหมั่นภาวนามีสติสัมปชัญญะคุ้มครองใจ หากทำได้เช่นนี้บุคคลนั้นก็จะเท่ากับสะเดาะเคราะห์ให้แก่ตัวเองได้โดยไม่ต้องไปบูชาราหูหรือสะเดาะเคราะห์ตามวิธีของไสยศาสตร์


             พวกเราทุกคนกำลังอยู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของประเทศ  ซึ่งผู้ที่มีอำนาจในบ้านเมืองจะไม่เคยมีประสบการณ์หรือเคยพบกับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นไป  อีกไม่นานอาจจะมีเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดพลิกผันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในบ้านเมือง


               ในฐานะที่ดินแดนแห่งนี้อยู่ภายใต้ร่มเงาผ้ากาสาวพัสตร์มายาวนาน เป็นดินแดนที่มีความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระพุทธศาสนา  ดังนั้น  จึงมั่นใจว่าการเปลี่ยนผ่านของประเทศครั้งสำคัญนี้ จะสามารถเปลี่ยนผ่านไปได้ด้วยดีและจะนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไป

 
                ขอให้เราทั้งหลายจงช่วยกันตั้งจิตอธิษฐาน เอาบุญกุศลบารมีที่เคยบำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตตราบจนปัจจุบัน  ขอให้ชาติบ้านเมืองจงแคล้วคลาดจากอุปัทวเหตุและรอดปลอดภัยจากอันตราย จนสามารถก้าวสู่ยุคใหม่คือยุคชาวศิวิไลซ์ อันเป็นยุคที่ ๑๐ ตามคำทำนายโบราณ


               ในระยะแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้   ทุกคนจะได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า  ความอดอยากหรือทุพภิกขภัยที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดก็อาจเกิดขึ้นได้  ดังนั้น ผู้ที่มีมากว่ากว่าคนอื่นก็อย่ามุ่งเอาแต่สะสมจนลืมแบ่งปันเผื่อแผ่ใคร  ขอจงมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์แล้วผลดีจะเกิดตามมา


               อย่าลืมว่าในขณะที่บางคนกลุ้มใจว่ารายได้หรือกำไรขาดหายไป ในมุมมืดของสังคมหลายแห่ง ยังมีผู้คนส่วนใหญ่อีกมากมายไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนเพื่อซื้อข้าวสารมาหุงกินวันพรุ่งนี้


              ในช่วงที่บ้านเมืองและสังคมกำลังเป็นไปเช่นนี้  หากมีใครแต่งตัวดี แต่มาขอเงินค่ารถหรือขอข้าวกิน ก็อย่าเพิ่งมองเขาในแง่ร้าย เขาอาจจะไม่ใช่มิจฉาชีพอย่างที่เป็นข่าวเสมอไป เขาอาจกำลังตกงานแต่ต้องพาภรรยาที่มีครรภ์แก่ไปโรงพยาบาล แต่ลืมสงวนเงินไว้ซื้อข้าวกินก็ได้


             หากพบผู้หญิงสาวแต่งตัวดีทันสมัยมาขอความช่วยเหลือ ก็อย่าเพิ่งดูหมิ่นหรือเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอด้วยความแล้งน้ำใจหรือผลักไส  เธออาจแต่งตัวตามแฟชั่นนำสมัยตามความเคยชินในสมัยเศรษฐกิจกำลังรุ่งเรือง แต่ในยามนี้ในกระเป๋าสตางค์ของเธออาจมีเงินไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท  ยังขาดเงินอยู่อีกห้าสิบบาทเพื่อรีบขึ้นแท็กซี่ไปให้ทันดูใจพ่อหรือแม่ผู้มีพระคุณที่อยู่ระหว่างความเป็นกับความตายในห้องไอ.ซี.ยู.


             แต่ถ้าเราเองก็ลำบากทั้งกระเป๋ามีเงินไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท  ก็บอกเขาหรือเธอไปตามตรงว่า “ลำบากพอๆกันเลย  พอแบ่งให้ได้ยี่สิบบาทนะ” แล้วก็ส่งยิ้มให้เพื่อเป็นการปลอบใจซึ่งกันและกัน   หากใครทำได้เช่นนั้น ผู้นั้นจะเหมือนเทพเจ้าบนดินที่กำลังสร้างบารมี


              หากเราไม่ลำบากจนเกินไป การช่วยคนในยามคับขันจะได้อานิสงส์แรงมาก  ยิ่งหากบุคคลนั้นเป็นคนกตัญญูมีคุณธรรมประจำใจ อานิสงส์จะยิ่งมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า


             ในยามใดหากชีวิตของเราเกิดความคับขันขึ้นมาบ้างในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ก็จะมีผู้มีน้ำใจงามเข้ามาอุดหนุนค้ำจุนให้เราผ่านปัญหาอันหนักอกหนักใจไปได้  เช่นเดียวกับที่เราเคยมอบน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นมาแล้ว  ความดีที่เราทำไว้ จึงไม่มีการหายไปไหน  แต่จะติดตามคอยเกื้อหนุนอภิบาลรักษาเราไปตลอด โบราณท่านจึงว่าไว้ คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้


             ออกพรรษาแล้ว  ก็ขอให้เราทั้งหลายพากันออกจากความทุกข์ความเศร้าหมอง อย่าปล่อยให้ความหลังฝังใจอันใดมาบั่นทอนจิตใจของเรา  จงออกพรรษาไปพร้อมกับการออกจากอดีตที่หม่นหมองทั้งปวง  ขอจงมีชีวิตใหม่และมีกำลังใจในการทำความดีต่อไป


              สายลมโบกสะบัดพัดพาเอาความหนาวเย็นเป็นการต้อนรับวันออกพรรษา บ่งบอกสัญญาณว่า ต่อไปนี้ฤดูฝนได้ผ่านไปและฤดูกาลใหม่อันหนาวเย็นกำลังก้าวเข้ามาแทน


             เราจงหนักแน่นมั่นคงและกล้าหาญ ในการยอมรับความเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาลของชีวิต  ความสุขผ่านเข้ามาก็รับไว้  ความทุกข์ผ่านเข้ามาก็ยอมรับไม่ต้องผลักต้านหรือปฏิเสธสิ่งใด  ให้ทุกสิ่งผ่านเข้ามาและผ่านไป  ดุจสายลมพัดยอดไม้ที่ไม่ยึดติดต่ออดีตทั้งปวง


             ให้หัวใจดวงนี้เป็นหัวใจดวงใหม่ที่เข้มแข็งและแกร่งกล้า ที่สามารถผ่านได้ทุกปัญหาไม่มีสิ่งใดติดขัดดุจลมพัดไปในอากาศ  มีสติดำรงมั่น รู้ ตื่น  เบิกบาน ทั้งกลางวันและกลางคืน


             ปล่อยให้อดีตและความหม่นหมองทั้งปวงผ่านไปดุจสายลมผ่าน เพื่อการตั้งต้นใหม่ในสิ่งที่ดีงามและเพื่อชีวิตใหม่ของเรา

 

                                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                                            ๘  ตุลาคม  ๒๕๕๗