ศรัทธาคือความอบอุ่นใจ
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ศรัทธาคือความอบอุ่นใจ
มีเรื่องเป็นที่ฮือฮาพิศวงงงงวยของสำนักข่าวต่างประเทศ เมื่อปรากฏว่า นับแต่มีการตั้ง “ศาลเจ้า”ในพื้นที่เมืองอิสต์เลค รัฐโอ๊คแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างน่าทึ่ง คือว่าอาชญากรรมของเมืองนี้ได้ลดลงไปถึง ๘๒ เปอร์เซ็นต์อย่างไม่น่าเชื่อ
ศาลเจ้าเล็กๆขนาด ๒ ฟุต ถูกตั้งขึ้นมาโดยนายแดน สตีเวนสัน ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้เป็นชาวพุทธแต่อย่างใด โดยเจ้าตัวซื้อมาจากร้านขายอุปกรณ์วัสดุหนักและเครื่องเหล็ก และนำมาวางไว้ยังพื้นที่ของถนนหมายเลข ๑๑ ของเมืองอิสต์เลค เป็นศาลเจ้าที่มีพระพุทธรูปแบบมหายานอยู่ข้างในประดับด้วยเครื่องบูชาเพียงไม่กี่ชิ้น วางไว้บนเกาะกลางถนนบริเวณทางแยกในตัวเมือง
ภายหลังจากได้มีการวางศาลเจ้าดังกล่าวไว้ ปรากฏว่าได้เกิดเรื่องดีๆอย่างน่าประหลาดใจหลายอย่าง เช่น ผู้คนเลิกทิ้งขยะแบบไม่เป็นที่เป็นทาง พวกมือบอนเลิกพ่นสีสร้างศิลปะสกปรกบนกำแพง ขณะที่การค้ายาเสพติดที่เคยคึกคักก็ลดลง หรือแม้แต่โสเภณี ก็ย้ายที่ทำมาหากินไปในที่อื่นอีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่แห่งเมืองนี้ได้บอกอย่างภาคภูมิใจว่า สถิติอาชญากรรมของเมืองได้ลดลงถึง ๘๒ เปอร์เซ็นต์
ชาวบ้านในถิ่นนั้นบอกว่า นับตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ เป็นต้นมา ได้มีผู้คนทุกประเภทจากทั่วสารทิศ เดินทางมากราบไหว้ศาลเจ้าหรือศาลพระภูมิแห่งนี้ จิตใจของผู้คนในถิ่นนี้ก็รู้สึกร่มเย็นและปลอดโปร่งสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ศรัทธาคือเครื่องทำความอบอุ่นใจ คือสิ่งที่ขาดหายไปในถิ่นที่เจริญทางวัตถุที่ผู้คนมักมองข้ามหรือลืมไป คนชั้นสูง คนมีอำนาจและคนร่ำรวยส่วนใหญ่ จึงชอบการทรงเจ้า ชอบหมอดู ชอบโหราศาสตร์ เพราะหัวใจขาดศรัทธาขาดที่พึ่งทางจิตใจ ขาดความอบอุ่นใจภายใน
อาชญากรรมส่วนใหญ่ ย่อมเกิดขึ้นมาท่ามกลางสังคมที่เอาความเจริญทางวัตถุเป็นใหญ่ ในสังคมนั้นผู้คนจะเริ่มเห็นแก่ตัวและแล้งน้ำใจ คนรวยก็มุ่งแต่จะสะสมให้รวยยิ่งขึ้นไป ส่วนคนจนก็หาเงินไม่พอใช้ เมื่ออดอยากยากแค้นทนไม่ไหว ศีลธรรมก็ไม่มีพลังจะต้านทานความอดอยากหิวโซไว้ได้ ในที่สุดคนจนที่อดอยากหิวโซ บางคนแม้อาจประพฤติเรียบร้อยมาก่อน จึงเป็นคนล้มเหลวทางจิตใจ กลายเป็นโจรและก่ออาชญากรรมขึ้นมา
สิ่งที่ชาวเมืองอิสต์เลคหรือคนในเมืองใหญ่ทั้งหลายโหยหา ก็คือพลังแห่งศรัทธาอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ในเมืองไทยจึงมีผู้นิยมเครื่องรางของขลังหรือชอบแขวนพระเครื่องกันให้เห็นอยู่ทั่วไป เพราะคือสิ่งที่ทำให้เขาเกิดความอบอุ่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง
จนกว่าบุคคลนั้นจะได้ฟังธรรมจนเข้าใจและยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนมีศรัทธาได้อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว หรือบางคนที่มีศีลเป็นปกติของชีวิตได้อย่างจริงจังแล้ว จึงจะปล่อยวางพระเครื่องและเครื่องรางของขลังหรือสิ่งยึดเหนี่ยวภายนอกลงได้อย่างเด็ดขาด
หากบุคคลนั้นหัวใจขาดศรัทธา แล้วยังไม่สนใจพระเครื่องหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดความอบอุ่นใจ เขาจะกลายเป็นคนกระด้างหยาบคายหรือโหดร้าย มีโอกาสก่ออาชญากรรมและทำผิดกฎมายหรือผิดศีลธรรมได้โดยง่าย
ดังนั้นครูบาอาจารย์ผู้มีเมตตาทั้งหลาย บางครั้งท่านมองเห็นว่าจะยังสอนธรรมะ สอนการปฏิบัติธรรมให้เขายังไม่ได้ จะสอนการเจริญสติภาวนาอะไรพวกเขาก็คงยังไม่เข้าใจ เมื่ออายุถึงวัย ๖๐ ผ่านไปแล้ว บางรูปท่านก็มักจะสร้างพระเครื่องไว้เพื่อให้ผู้คนนำไปบูชาเป็นเครื่องสร้างขวัญกำลังใจ ให้พวกเขามีศรัทธาเกิดความอบอุ่นใจไปพลางก่อน
สำหรับพวกเราที่เกิดมามีวาสนาดี ได้เกิดในดินแดนที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาอยู่แล้ว ไม่ต้องโหยหาศรัทธาหรือที่พึ่งทางจิตใจแบบชาวเมืองอิสต์เลค แห่งรัฐโอ๊คแลนด์ สหรัฐอเมริกา เพียงแต่เรามีชีวิตอยู่ในช่วงที่ชะตาบ้านเมืองกำลังตกต่ำถึงขีดสุดแบบสมัยปี ๒๔๗๕ เราจึงต้องพากันเผชิญกับวิกฤติศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทยก็ว่าได้
มีคำทำนายกล่าวไว้ล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่า “ต่อไปในภายหน้า พระป่าจะกลายเป็นพระบ้าน ส่วนพระบ้านจะกลายเป็นชาวบ้าน คือทำอาชีพแบบชาวบ้าน จะมีแต่ผู้มีบารมีอันเข้มแข็งเท่านั้น จึงจะมีสติปัญญาประคองตนให้อยู่ในแนวทางอริยมรรคมีองค์ ๘”
หากเรามองเหตุการณ์ต่างๆในบ้านเมืองสมัยปัจจุบัน คำทำนายของพระป่าที่ว่ามานั้น บัดนี้ก็มีเค้าลางแห่งความเป็นจริงมิใช่น้อย เพราะพระภิกษุที่เข้ามาบวชในศาสนาส่วนใหญ่ไม่ได้มีเจตนาและอุดมการณ์แห่งการออกบวชแบบสมัยก่อนแต่อย่างใด ดังนั้น เราจะพากันไปคาดหวังเอาอะไรจากท่าน ตามแบบพระในอุดมคติย่อมเป็นไปได้ยากแล้วในยุคนี้
เดือนตุลาคมเป็นต้นไป บ้านเมืองจะก้าวเข้าสู่ความวุ่นวายหลังจากซ่อนระเบิดไว้ใต้พรมมาได้เป็นเวลาถึงสี่เดือน ความทุกข์ร้อนความอดอยากความวุ่นวายจะส่อเค้าเกิดขึ้นทุกหัวระแหง เหตุการณ์ต่างๆจะเริ่มคลี่คลายไม่มีความรุนแรง ก็ต่อเมื่อประชาชนชาวไทยพร้อมใจกันอัญเชิญรัชกาลที่ ๑๐ ขึ้นครองราชย์อย่างสมบูรณ์ตามบทบัญญัติแห่งกฎมณเทียรบาล
พระพุทธศาสนาจะมีการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ พระสงฆ์ผู้มีสมณศักดิ์จะเกิดความลำบากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กาลต่อไปภายหน้า พระราชาคณะ เจ้าคุณ พระครู จะไม่ได้รับเคารพความนับถือเท่ากับหลวงตาบ้านนอกผู้ทรงพระธรรมวินัยที่อยู่อย่างมักน้อยสันโดษ
ต่อไปนิตยภัตและระบบสมณศักดิ์ที่เคยมี จะค่อยๆเริ่มหมดความสำคัญและหายไป พระสงฆ์จะดำรงอยู่ได้ด้วยการประพฤติดีตามพระธรรมวินัย และถูกควบคุมอย่างเป็นธรรมชาติด้วยชาวบ้านที่ศรัทธาเลื่อมใสตามแบบสมัยโบราณ มิใช่การควบคุมจากระบบทางราชการและมหาเถรสมาคมอย่างที่เป็นมาเกือบร้อยปี
คำที่กล่าวมานี้ เกิดจากการฝันไปของผู้รู้บางท่าน ไม่มีใครกล้ารับประกันคำทำนายแต่อย่างใด แต่เราสามารถน้อมมาเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ และสำหรับเตรียมใจเพื่อต้อนรับความเปลี่ยนแปลงทั้งในฝ่ายพุทธจักและอาณาจักรอันอาจจะเกิดขึ้นในภายหน้า เพื่อความไม่ประมาทในชีวิตตามกฎแห่งความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่ง
ในช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงของสิ่งทั้งหลาย เราทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน ย่อมได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า หากใครมีเคยมีแต่ความสุขความรุ่งเรืองตลอดระยะยี่สิบปีที่ผ่านมา บัดนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องบำเพ็ญความสันโดษเรียบง่าย ส่วนใครที่ยากแค้นแสนเข็ญมามากมาย ช่วงเวลาเช่นนี้ก็จะประคองตนได้อย่างสบาย เพราะเรียนวิชายากจนมาจนเชี่ยวชาญและพบแต่ความลำบากมาจนเคยชิน
ในยามที่ชีวิตนี้พบมรสุม เป็นเวลาที่สามีภรรยาจะต้องรักสามัคคีกันให้มาก บางคู่จากที่เคยมีรายได้วันละพัน มาบัดนี้เหลือวันละสามร้อยก็ต้องอยู่กันต่อไปให้ได้ จากแต่ก่อนบางคนเคยบ่นว่าสามีฉันซื่อบื้อหาเงินไม่ทันใช้ ต่อไปนี้จงให้กำลังใจกันและกันว่า “มีเท่านี้ก็ดีแล้วนะพี่ยา น้องจะลดยี่ห้อเครื่องสำอางและเครื่องแต่งหน้า จากของนอกประเทศฝรั่งเศสเป็นยี่ห้อธรรมดา อีกไม่นานหรอกหนาชีวิตของเราทั้งสองต้องดีขึ้น น้องนี้เชื่อมั่นในตัวพี่เสมอ”
ฝ่ายสามีที่เคยขี้หงุดหงิดและบ่นว่าภรรยาว่าทำไมใช้เงินเก่ง ต่อไปนี้จงถนอมน้ำใจบอกกับเธอว่า “ขอให้อดทนหน่อยนะน้องยา เสื้อและกระโปรงชุดเก่าใส่ไปอีกสักหกเดือนโดยไม่ต้องอายใครพอไหวไหม เพราะสำหรับพี่แล้ว ไม่ว่าน้องจะใส่ชุดจำเจและเก่าแค่ไหนเพียงใด น้องก็ยังสวยจับใจสำหรับพี่นี้ตลอดกาล”
จงมีศรัทธาต่อกันแม้ในยามยาก จะเกิดพลังในการฟันฝ่าความลำบากจนชีวิตเดินทางไปถึงจุดหมาย เพราะพลังศรัทธาคือความอบอุ่นใจ เมื่อมีศรัทธาและความรักที่มั่นคงแล้วไซร้ อุปสรรคและขวากหนามทั้งหลายจะแพ้พ่ายหัวใจดวงนี้ไปเอง
คุรุอตีศะ
๒๙ กันยายน ๒๕๕๗