ช่วงหนึ่งของชีวิต
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ช่วงหนึ่งของชีวิต
ความชุ่มฉ่ำเขียวขจี ย่อมมีอยู่ก็แต่เฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เวลาหลังจากนั้นนับเป็นเวลาอันยาวนานข้ามปี ที่ไม่อาจพบกับบรรยากาศที่ชุ่มฉ่ำสดชื่นเขียวขจีอย่างนี้ได้อีก
ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน เป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นที่เราจะมีโอกาสพบสิ่งดีๆและมีคุณค่าต่อชีวิตอย่างมาก หากพลาดโอกาสแห่งช่วงเวลานั้นไปแล้ว วันเวลาและโอกาสก็ไม่อาจย้อนหวนคืนได้อีก บางช่วงของชีวิตจึงมีผลอันยิ่งใหญ่ต่ออนาคตและตลอดชีวิตของทุกคน
ในช่วงวัยรุ่นหนุ่มสาว บางคนอาจเลือกเอาชีวิตที่มีแต่ความสนุกสนานทำอะไรตามอารมณ์ตามใจ ไม่ต้องการรับผิดชอบต่อชีวิตของใครหรือยอมรับเอาภาระอันใด มีความสุขเพลิดเพลินไปกับสังคมเพื่อนฝูงและมีคนรัก เต็มไปด้วยความรื่นเริงเบิกบานใจ พอถึงวัยสี่สิบขึ้นไป ชีวิตก็จะสอนความมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบหรือภาระอันหนักหน่วงให้ แม้จะพยายามหลีกหนีให้ไกลหรือผลักไสเพียงใดก็ตาม
ในช่วงวัยอันสดใสนั้น บางคนถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนหนังสือหรือทำงานเพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวค้ำจุนพ่อแม่พี่น้อง ตัวเองแม้อยากมีความอิสระเที่ยวเตร่มีความรักเหมือนอย่างคนอื่นแต่ก็ทำไม่ได้ ชีวิตได้รับการฝึกฝนให้รู้จักอดทนและความมีระเบียบวินัย เรียนรู้ที่จะไม่ทำอะไรตามใจตามอารมณ์ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะต้องร้องไห้ด้วยความน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง
ช่วงหนึ่งในชีวิตของบุคคลนั้น คือการฝึกฝน “วิชาการใช้ชีวิต”ที่สำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกันของชีวิตไว้แต่ต้น หลังจากนั้นแม้จะผ่านอุปสรรคและปัญหามากมายเพียงใด บุคคลนั้นก็จะมีจิตใจที่หนักแน่นและมีความอดทน พอเข้าถึงวัยสี่สิบไปแล้วเขาจะกลายเป็นคนที่เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้และพบกับความสำเร็จในชีวิตในทุกด้านไม่ว่าปรารถนาจะทำในสิ่งใด
ช่วงชีวิตหนึ่งของคนจึงสำคัญยิ่งนัก คนแรกแม้จะจบปริญญาแต่ยังไม่ได้เข้าเรียนใน “มหาลัยชีวิต” หลังจากอายุสามสิบไปแล้ว ชีวิตจึงมักเจอแต่อุปสรรคและติดขัดพบแต่ความยุ่งยาก เพราะไม่ยอมลงให้แก่ใคร ขาดวินัยและขาดการเคารพผู้อื่น จึงมักมีปัญหาชีวิตอยู่เสมอ
คนหลังแม้อาจไม่มีโอกาสเรียนหนังสือหรือมีปริญญา แต่ว่าเขาหรือเธอคือคนหนึ่งที่ได้รับการศึกษาและได้รับการฝึกฝนอบรมจนสำเร็จมหาวิทยาลัยชีวิตมาแล้ว เขาผ่านการหล่อหลอมเคี่ยวกรำจากความทุกข์ยากและปัญหาสารพัน ผ่านการอดทนอดกลั้นมาอย่างดี
เขาหรือเธอบางคนอาจไม่มีปริญญาบัตรดูด้อยศักดิ์ศรี แต่เขามีในสิ่งที่หลายคนไม่มีนั้นคือปริญญาชีวิตที่ติดตัวเขาตลอดเวลา ชีวิตของเขาจึงกลายเป็นชีวิตที่มีคุณค่าและเป็นที่พึ่งให้แก่สังคมและคนอื่น เราควรคารวะต่อมนุษย์ชนิดนี้ในสังคม เคารพในความอดทนและทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยากยิ่งของเขาและเธอ
ช่วงหนึ่งในวัยสาวของสตรีผู้หนึ่งเมื่อสี่สิบปีก่อน หลังจากรับปริญญา เธอหนีความสับสนวุ่นวายทางการเมืองขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่วัดเล็กๆแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ อาศัยบารมีหลวงปู่อายุเจ็ดสิบเศษแล้วมีพระอยู่ด้วยเพียงสองรูปและสามเณรหนึ่งรูปเท่านั้น แต่เธอซึ่งเป็นคนมีถิ่นกำเนิดแถวเจริญกรุงในกรุงเทพแท้ๆ ไปอาศัยในกระต๊อบเล็กๆอยู่ได้อย่างผาสุกตลอดหนึ่งพรรษา
ต่อมาเธอได้ทำงานที่เกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติ ได้พบรักกับชาวต่างชาติและแต่งงานไปใช้ชีวิตในต่างแดน ในสายตาของชาวไทยดูเป็นสิ่งโก้หรู แต่เพื่อนฝูงญาติพี่น้องไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องได้รับความทุกข์ความบีบคั้นทางจิตใจเพียงใด ในการใช้ชีวิตคู่กับคนต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรมประเพณี
สิ่งที่ทำให้เธอประคองชีวิตคู่อยู่ได้ก็คือธรรมะที่เธอได้ใช้เวลา “ช่วงหนึ่งของชีวิต” ในการแสวงหาทางพ้นทุกข์ตั้งแต่ในวัยสาว เธอคิดถึงวัดบ้านนอกเล็กๆแห่งนั้นและหลวงปู่ซึ่งมีลักษณะสงบลึกซึ้งและพูดน้อย จากแต่ก่อนที่ตลอดมาเธอไม่คิดจะภาวนาจริงจังอะไร แต่เมื่อเผชิญกับความทุกข์ในครอบครัว เธอก็เริ่มเจริญสติตามที่เคยฝึกไว้ตั้งแต่ตอนเป็นสาวอย่างตั้งใจและเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีสติทีละน้อย
หลังจากเธอเจริญสติภาวนาอยู่เป็นเวลาสิบปี ท่ามกลางชีวิตการเป็นแม่บ้านและมีบุตรชายสองคน ความอดทนอดกลั้นด้วยการมีสติระลึกรู้ตามความเป็นจริงที่พากเพียรทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ บัดนี้เธอกลายเป็นสตรีผู้สามารถเป็นที่พึ่งทางจิตใจของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศไปแล้ว
นี้คืออานิสงส์แห่งการทุ่มเทเวลาในช่วงหนึ่งในวัยสาวอันล้ำค่า เพื่อการศึกษาและเรียนรู้การปฏิบัติภาวนาตามความเลื่อมใสศรัทธาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ในขณะที่ชีวิตยังไม่มีพันธะใดๆ แม้ต่อมาไม่ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียนวัดแห่งนั้นและไม่ได้พบกับหลวงปู่รูปนั้นอีกแล้ว แต่การบำเพ็ญภาวนาที่เคยฝึกไว้ ก็ส่งผลอันยิ่งใหญ่ให้กลายเป็นคนสอนการภาวนาในต่างประเทศได้โดยไม่เคยคาดคิดมาก่อน พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจึงอัศจรรย์เช่นนี้
ช่วงเวลาที่ดีๆของชีวิตไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก ในช่วงใดที่เราอยากไปวัด อยากสร้างกุศล สร้างความดี จงหมั่นกระทำให้เต็มที่ในช่วงเวลานั้น เพราะพลาดจากโอกาสครั้งนั้นแล้ว อาจไม่มีวันที่จะเป็นเช่นนั้นอีก เพราะเวลาและวารีไม่เคยที่จะรอผู้ใด เมื่อรู้สัจธรรมความจริงของชีวิตเช่นนี้แล้วไซร้ เราจะได้ไม่ประมาทในชีวิตและวันเวลา
หากช่วงชีวิตของเราในเวลานี้คือช่วงเวลาแห่งพายุและมรสุม จงเผชิญหน้ากับมันแล้วคุมสติไว้ให้มั่น ให้หมั่นรักษาศีล ฟังธรรมแม้ไม่ค่อยเข้าใจและหมั่นภาวนาทุกๆวัน จะทำให้จิตใจเข้มแข็งและมีกำลังในการฟันฝ่ามรสุมจนรอดปลอดภัยและถึงจุดหมายปลายทาง
อย่าดูหมิ่นการทำความดีว่าไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น จงทำดีด้วยใจซื่อและอย่าหวังผลสิ่งใดไว้ล่วงหน้า การปลูกข้าวกว่าจะได้เมล็ดข้าวยังต้องอาศัยเวลา การสร้างกุศลไม่ใช่การแลกเปลี่ยนแบบเอาเงินไปซื้อของในร้านค้า แต่คือการลดละกิเลสและทิฐิมานะของเราเอง จึงได้พบความเย็นใจ
โอกาสที่จะได้ทำบุญ โอกาสที่จะได้รักษาศีล โอกาสจะที่ได้บำเพ็ญภาวนา นี้คือโอกาสอันล้ำค่าที่มิใช่จะเกิดขึ้นโดยง่าย เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ไม่ควรปล่อยโอกาสผ่านเลยไป เพราะหากรอโอกาสใหม่ โอกาสในวันหน้าแม้จะมีแต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนเดิม
โอกาสของคนเรามีไม่เท่ากัน บางคนมีความสามารถแต่ไม่มีโอกาส บางคนมีโอกาสแต่ขาดความสามารถ ในการที่จะหยิบฉวยเอาโอกาสนั้นมาเป็นพลังสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของตน
ความชุ่มฉ่ำสดชื่นเขียวขจีย่อมมีแต่ในฤดูฝนเท่านั้น ฉันใด ช่วงเวลาที่จะได้สร้างความดีซึ่งจะส่งผลอันใหญ่หลวงต่อชีวิตในอนาคตวันข้างหน้าให้ได้พบกับความสงบร่มเย็นของคนเรา ย่อมไม่มีบ่อยครั้ง ฉันนั้น
หากช่วงใดช่วงหนึ่งอันล้ำค่าของชีวิตมาถึงแล้ว จงใช้ชีวิตในช่วงนั้นอย่างเต็มที่เหมือนกับว่ากลัวโอกาสอันล้ำค่าจะหลุดลอยไป
ช่วงหนึ่งของชีวิตอันสำคัญที่เราคว้าเอาไว้ได้ จะส่งผลอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่ นำมาซึ่งความปลื้มปีติและความภาคภูมิใจ ตราตรึงและประทับไว้ในดวงใจของเราตลอดไป ตราบนานเท่านาน
คุรุอตีศะ
๑๙ กันยายน ๒๕๕๗