การให้อภัยคือทานอันยิ่งใหญ่
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
การให้อภัยคือทานอันยิ่งใหญ่
ไม่มีหัวใจดวงใดไม่เคยผ่านความเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่มีใครไม่เคยรู้จักความเคียดแค้นอาฆาตพยาบาท เมื่อเกิดมาบนโลกใบนี้ไม่มีดวงใจดวงใดที่ขาวสะอาดปราศจากความขุ่นมัวเศร้าหมอง ทุกชีวิตต้องได้รับการกลั่นกรองด้วยความบีบคั้นและชอกช้ำนานา จนกว่าหัวใจดวงนี้จะได้สัมผัสกระแสแห่งธรรมะแล้วเริ่มรู้จักการให้อภัย
เป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์ ที่ไม่อาจทำใจให้บริสุทธิ์ใสสะอาดตลอดสาย แบบจิตใจของพระอรหันต์ทั้งหลาย หัวใจของเราย่อมต่ำต้อยเมื่อเต็มไปด้วยความเคียดแค้นไม่ยอมให้อภัยต่อใคร แต่หัวใจดวงเดียวกันนี้จะกลายเป็นหัวใจที่ประเสริฐและยิ่งใหญ่ ในทันทีที่เราเริ่มปล่อยวางไม่ถือสาเสียได้และอภัยต่อความบกพร่องผิดพลาดของคนอื่น
เรื่องอะไรจะยอมปล่อยหัวใจของเราให้ต่ำต้อย ด้วยการถือโทษโกรธเคืองเคียดแค้นอาฆาตพยาบาทอยู่อย่างนั้น จงพลิกผันหัวใจของเราให้ยิ่งใหญ่ด้วยการให้อภัยจึงจะเป็นการประเสริฐ การถือโทษโกรธเคืองมีแต่จะเผาลนจิตใจของเราให้หม่นไหม้ เมื่อให้อภัยไม่ถือสาเสียได้ในวันใด หัวใจดวงนี้จะยิ่งใหญ่ดุจดวงอาทิตย์ฉายแสงสว่างไสวแห่งวันใหม่ยามรุ่งอรุณ
การให้อภัยคือการให้ที่ยิ่งใหญ่และประเสริฐยิ่งนัก การให้อภัยได้คือการให้ทานครั้งยิ่งใหญ่และครั้งสำคัญสำหรับชีวิตของบุคคลนั้น หลายชีวิตที่มีแต่ความอาภัพอับโชคและพบแต่คนที่ทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ ส่วนหนึ่งมาจากการที่หัวใจของเราชอบเก็บความอาฆาตพยาบาทไว้ ไม่ค่อยยอมให้อภัยแก่ความผิดพลาดของคนอื่นนั่นเอง
จงกล้าถอดลิ่มสลักที่เป็นอาถรรพณ์ครอบงำชีวิตของเราเสียแต่วันนี้ ด้วยการมองโลกและคนอื่นในแง่ดีและหัดให้อภัยแก่คนอื่นให้มากขึ้น เราไม่อาจเก็บความผิดพลาดของใครๆมาสุมไว้ในหัวใจ จนตัวเองไม่มีที่ว่างที่จะพบกับความสบายอกสบายใจตามที่ควรจะได้พบ
อย่าเก็บโคลนตมให้สะสมพอกพูนไว้ในหัวใจ แต่จงชะล้างโคลนตมออกไปด้วยการให้อภัย แล้วปลูกดอกไม้ขึ้นไว้กลางดวงใจคือความเมตตา นั่นคือมรรคาแห่งอริยะที่หมดเวรภัย อันเหมาะสมกับหัวใจดวงนี้ที่เคยงดงามมาก่อน
การให้อภัย คือการบริจาคความโกรธความหม่นหมองออกไปจากจิตใจ โดยไม่ต้องอาศัยเงินทองสิ่งของวัตถุ เพียงแต่อาศัยใจของเราเองในการกล้าตัดสินใจที่จะไม่เก็บขยะสุมไว้ในหัวใจต่อไปอีกแล้ว
จงสลัดทิ้งขยะของหัวใจคือการถือสาความผิดของคนอื่นออกไป หัวใจจะได้เริ่มต้นพบกับความแจ่มใส และได้สัมผัสกับความรักความงดงาม ที่ลบเลือนไปจากหัวใจเป็นเวลาอันเนิ่นนานเสียแต่วันนี้
จงเอาความรู้สึกที่ดีๆที่เคยมีนั้นกลับมาใหม่ อย่ามัวกอดทิฐิมานะและความเจ็บช้ำน้ำใจเอาไว้จนทำให้หัวใจเพิ่มความเจ็บช้ำ จงปล่อยวางความผิดหวังความเสียใจเมื่อวันวาน แล้วปล่อยให้ใจดวงนี้เริ่มสัมผัสและขับขานเพลงบทใหม่ คือการให้อภัยพร้อมทั้งเข้าใจต่อทุกคน
การใส่บาตรทำบุญ ถวายสังฆทาน บริจาคทรัพย์สร้างศาลาโบสถ์วิหาร เราก็ทำทานชนิดนั้นกันมามากแล้ว แต่ทานชนิดหนึ่งที่เรามักลืมไปและไม่ค่อยจะยอมให้แก่ใคร ก็คืออภัยทานไม่ถือโทษต่อความผิดของใคร ซึ่งเป็นการบริจาคทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ปล่อยหัวใจให้แบกความเจ็บช้ำน้ำใจมามากแล้ว ต่อไปนี้จงเปลี่ยนแนวการดำเนินจิตด้วยการให้อภัยในความผิดของใครอื่น ผู้ที่ได้รับอานิสงส์ทันตาเห็นนั้นแท้จริงแล้วหาใช่ใคร แต่คือตัวเรานี้เองที่จะพบกับความปลอดโปร่งใจสบายใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น
อย่ามัวปล่อยให้หัวใจของเราต้องต่ำต้อยด้วยการเคียดแค้นอาฆาตต่อคนอื่น จงมีสติระลึกรู้อารมณ์ความรู้สึกตามความเป็นจริงในขณะนี้ อารมณ์ที่ถูกใจและอารมณ์ที่ไม่ถูกใจล้วนเป็นอนิจจังไม่มีความเที่ยงแท้แต่อย่างใด อย่ามัวเก็บความขุ่นข้องหมองมัวไว้ในใจ แต่จงปล่อยให้ทุกสิ่งระบายถ่ายเทออกไปตามธรรมชาติ เพียงแต่มีสติเฝ้าดูโดยไม่ต้องทำอะไร ไม่นานทุกอย่างก็จะคลี่คลายและเสื่อมหายไปด้วยตัวของมันเอง
จงให้หัวใจของเราเป็นดินแดนแห่งความรักความเมตตา แทนการเป็นสนามรบที่มีแต่การเบียดเบียนบีฑาตนเองด้วยการผูกใจเจ็บและหวั่นไหว ใจที่เคยอึดอัดคับแคบด้วยความถือสาก็จะกว้างขวางเกิดเมตตาและมีกำลังใจ จากที่เคยรู้สึกว่าโลกนี้เหมือนอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใคร โลกใบนี้ก็จะเริ่มเต็มไปด้วยความอบอุ่นงดงามและสดใสเพราะอานุภาพแห่งเมตตาธรรม
จงสร้างกุศลและคุณความดีแม้ในวันนี้ไม่มีใครเห็น จงรักษาใจของเราให้ร่มเย็นแม้ว่าผู้คนไม่เข้าใจเท่าใดนัก ชีวิตนี้เป็นของน้อยนักดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า เพียงแสงอาทิตย์ส่องมาไม่นานก็จางหายไป เราจึงขอเลือกที่จะไม่ถือสาและให้อภัย เพื่อความสุขความร่มเย็นของหัวใจ ยิ่งกว่าความผิดถูกดีชั่วของคนอื่น
แบกโลก แบกผู้คน แบกความวุ่นวายสับสนจนหัวใจหนักอึ้งมากเกินพอแล้ว จงสลัดความหนักหน่วงทั้งหลายออกไป พร้อมทั้งมีความรักความเมตตาให้อภัยต่อทุกชีวิตที่อยู่บนโลก
ตัวเรานี้เกลียดกลัวความทุกข์ รักความสุขฉันใด คนอื่นก็เกลียดกลัวความทุกข์และรักความสุขฉันนั้น ตัวเราเมื่อทำอะไรผิดพลาดลงไปแล้ว ก็อยากให้คนอื่นอภัยให้ คนอื่นก็ปรารถนาการให้อภัยและการไม่ถือสายกโทษให้เช่นกับตัวเราเหมือนกัน
หัวใจที่ให้อภัยได้ จะกลายเป็นหัวใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นใจที่ไหลมาแห่งคุณธรรมและความสุขในชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบมาก่อน หัวใจที่ให้อภัยได้จะเป็นหัวใจที่ห่างไกลจากนิวรณ์ จากหัวใจที่เคยปวกเปียกอ่อนแอเมื่อครั้งก่อน จะกลายเป็นหัวใจที่เข้มแข็งและองอาจกล้าหาญในการทำความดีอย่างน่าอัศจรรย์
อภัยทานนี้ไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งของเงินทองแต่อย่างใด แต่ก็เป็นทานชนิดเดียวที่น้อยคนนักจะทำได้ ดังนั้น บุคคลใดสามารถให้อภัยไม่อาฆาตพยาบาทจองเวรต่อบุคคลที่ทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ บุคคลนั้นจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ กำลังก้าวเดินไปบนเส้นทางอันเป็นวิสัยของพระโพธิสัตว์หรือพระอริยบุคคลโดยไม่รู้ตัว
การให้ทานอันเป็นวัตถุสิ่งของภายนอก เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการสั่งสมบารมีและสร้างกำลังใจ แต่บุคคลใดให้อภัยทานได้ บุคคลนั้นย่อมชื่อว่าเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
อภัยทานแม้เป็นสิ่งที่ทำได้โดยยาก แต่เมื่อทำได้แล้ว เราจะเหมือนชีวิตได้เกิดใหม่ มีจิตใจที่เบิกบานแจ่มใส มีความสุขอยู่ในอาณาจักรแห่งความรักตลอดไป
คุรุอตีศะ
๑๗ กันยายน ๒๕๕๗