การให้อภัยคือทานอันยิ่งใหญ่

การให้อภัยคือทานอันยิ่งใหญ่

 


                 ไม่มีหัวใจดวงใดไม่เคยผ่านความเจ็บช้ำน้ำใจ  ไม่มีใครไม่เคยรู้จักความเคียดแค้นอาฆาตพยาบาท  เมื่อเกิดมาบนโลกใบนี้ไม่มีดวงใจดวงใดที่ขาวสะอาดปราศจากความขุ่นมัวเศร้าหมอง   ทุกชีวิตต้องได้รับการกลั่นกรองด้วยความบีบคั้นและชอกช้ำนานา  จนกว่าหัวใจดวงนี้จะได้สัมผัสกระแสแห่งธรรมะแล้วเริ่มรู้จักการให้อภัย


                เป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์  ที่ไม่อาจทำใจให้บริสุทธิ์ใสสะอาดตลอดสาย แบบจิตใจของพระอรหันต์ทั้งหลาย  หัวใจของเราย่อมต่ำต้อยเมื่อเต็มไปด้วยความเคียดแค้นไม่ยอมให้อภัยต่อใคร   แต่หัวใจดวงเดียวกันนี้จะกลายเป็นหัวใจที่ประเสริฐและยิ่งใหญ่  ในทันทีที่เราเริ่มปล่อยวางไม่ถือสาเสียได้และอภัยต่อความบกพร่องผิดพลาดของคนอื่น


               เรื่องอะไรจะยอมปล่อยหัวใจของเราให้ต่ำต้อย ด้วยการถือโทษโกรธเคืองเคียดแค้นอาฆาตพยาบาทอยู่อย่างนั้น   จงพลิกผันหัวใจของเราให้ยิ่งใหญ่ด้วยการให้อภัยจึงจะเป็นการประเสริฐ   การถือโทษโกรธเคืองมีแต่จะเผาลนจิตใจของเราให้หม่นไหม้  เมื่อให้อภัยไม่ถือสาเสียได้ในวันใด  หัวใจดวงนี้จะยิ่งใหญ่ดุจดวงอาทิตย์ฉายแสงสว่างไสวแห่งวันใหม่ยามรุ่งอรุณ


              การให้อภัยคือการให้ที่ยิ่งใหญ่และประเสริฐยิ่งนัก   การให้อภัยได้คือการให้ทานครั้งยิ่งใหญ่และครั้งสำคัญสำหรับชีวิตของบุคคลนั้น  หลายชีวิตที่มีแต่ความอาภัพอับโชคและพบแต่คนที่ทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ  ส่วนหนึ่งมาจากการที่หัวใจของเราชอบเก็บความอาฆาตพยาบาทไว้  ไม่ค่อยยอมให้อภัยแก่ความผิดพลาดของคนอื่นนั่นเอง


              จงกล้าถอดลิ่มสลักที่เป็นอาถรรพณ์ครอบงำชีวิตของเราเสียแต่วันนี้  ด้วยการมองโลกและคนอื่นในแง่ดีและหัดให้อภัยแก่คนอื่นให้มากขึ้น  เราไม่อาจเก็บความผิดพลาดของใครๆมาสุมไว้ในหัวใจ จนตัวเองไม่มีที่ว่างที่จะพบกับความสบายอกสบายใจตามที่ควรจะได้พบ


               อย่าเก็บโคลนตมให้สะสมพอกพูนไว้ในหัวใจ  แต่จงชะล้างโคลนตมออกไปด้วยการให้อภัย แล้วปลูกดอกไม้ขึ้นไว้กลางดวงใจคือความเมตตา นั่นคือมรรคาแห่งอริยะที่หมดเวรภัย  อันเหมาะสมกับหัวใจดวงนี้ที่เคยงดงามมาก่อน


              การให้อภัย  คือการบริจาคความโกรธความหม่นหมองออกไปจากจิตใจ  โดยไม่ต้องอาศัยเงินทองสิ่งของวัตถุ  เพียงแต่อาศัยใจของเราเองในการกล้าตัดสินใจที่จะไม่เก็บขยะสุมไว้ในหัวใจต่อไปอีกแล้ว


             จงสลัดทิ้งขยะของหัวใจคือการถือสาความผิดของคนอื่นออกไป  หัวใจจะได้เริ่มต้นพบกับความแจ่มใส และได้สัมผัสกับความรักความงดงาม ที่ลบเลือนไปจากหัวใจเป็นเวลาอันเนิ่นนานเสียแต่วันนี้


             จงเอาความรู้สึกที่ดีๆที่เคยมีนั้นกลับมาใหม่  อย่ามัวกอดทิฐิมานะและความเจ็บช้ำน้ำใจเอาไว้จนทำให้หัวใจเพิ่มความเจ็บช้ำ   จงปล่อยวางความผิดหวังความเสียใจเมื่อวันวาน  แล้วปล่อยให้ใจดวงนี้เริ่มสัมผัสและขับขานเพลงบทใหม่ คือการให้อภัยพร้อมทั้งเข้าใจต่อทุกคน


             การใส่บาตรทำบุญ  ถวายสังฆทาน  บริจาคทรัพย์สร้างศาลาโบสถ์วิหาร เราก็ทำทานชนิดนั้นกันมามากแล้ว  แต่ทานชนิดหนึ่งที่เรามักลืมไปและไม่ค่อยจะยอมให้แก่ใคร ก็คืออภัยทานไม่ถือโทษต่อความผิดของใคร ซึ่งเป็นการบริจาคทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด


             ปล่อยหัวใจให้แบกความเจ็บช้ำน้ำใจมามากแล้ว  ต่อไปนี้จงเปลี่ยนแนวการดำเนินจิตด้วยการให้อภัยในความผิดของใครอื่น  ผู้ที่ได้รับอานิสงส์ทันตาเห็นนั้นแท้จริงแล้วหาใช่ใคร  แต่คือตัวเรานี้เองที่จะพบกับความปลอดโปร่งใจสบายใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น


             อย่ามัวปล่อยให้หัวใจของเราต้องต่ำต้อยด้วยการเคียดแค้นอาฆาตต่อคนอื่น  จงมีสติระลึกรู้อารมณ์ความรู้สึกตามความเป็นจริงในขณะนี้   อารมณ์ที่ถูกใจและอารมณ์ที่ไม่ถูกใจล้วนเป็นอนิจจังไม่มีความเที่ยงแท้แต่อย่างใด  อย่ามัวเก็บความขุ่นข้องหมองมัวไว้ในใจ  แต่จงปล่อยให้ทุกสิ่งระบายถ่ายเทออกไปตามธรรมชาติ เพียงแต่มีสติเฝ้าดูโดยไม่ต้องทำอะไร ไม่นานทุกอย่างก็จะคลี่คลายและเสื่อมหายไปด้วยตัวของมันเอง


             จงให้หัวใจของเราเป็นดินแดนแห่งความรักความเมตตา  แทนการเป็นสนามรบที่มีแต่การเบียดเบียนบีฑาตนเองด้วยการผูกใจเจ็บและหวั่นไหว  ใจที่เคยอึดอัดคับแคบด้วยความถือสาก็จะกว้างขวางเกิดเมตตาและมีกำลังใจ   จากที่เคยรู้สึกว่าโลกนี้เหมือนอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใคร  โลกใบนี้ก็จะเริ่มเต็มไปด้วยความอบอุ่นงดงามและสดใสเพราะอานุภาพแห่งเมตตาธรรม


              จงสร้างกุศลและคุณความดีแม้ในวันนี้ไม่มีใครเห็น  จงรักษาใจของเราให้ร่มเย็นแม้ว่าผู้คนไม่เข้าใจเท่าใดนัก   ชีวิตนี้เป็นของน้อยนักดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า  เพียงแสงอาทิตย์ส่องมาไม่นานก็จางหายไป   เราจึงขอเลือกที่จะไม่ถือสาและให้อภัย เพื่อความสุขความร่มเย็นของหัวใจ ยิ่งกว่าความผิดถูกดีชั่วของคนอื่น


             แบกโลก แบกผู้คน  แบกความวุ่นวายสับสนจนหัวใจหนักอึ้งมากเกินพอแล้ว  จงสลัดความหนักหน่วงทั้งหลายออกไป พร้อมทั้งมีความรักความเมตตาให้อภัยต่อทุกชีวิตที่อยู่บนโลก


             ตัวเรานี้เกลียดกลัวความทุกข์  รักความสุขฉันใด  คนอื่นก็เกลียดกลัวความทุกข์และรักความสุขฉันนั้น   ตัวเราเมื่อทำอะไรผิดพลาดลงไปแล้ว ก็อยากให้คนอื่นอภัยให้ คนอื่นก็ปรารถนาการให้อภัยและการไม่ถือสายกโทษให้เช่นกับตัวเราเหมือนกัน


              หัวใจที่ให้อภัยได้  จะกลายเป็นหัวใจที่ยิ่งใหญ่  เป็นใจที่ไหลมาแห่งคุณธรรมและความสุขในชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบมาก่อน  หัวใจที่ให้อภัยได้จะเป็นหัวใจที่ห่างไกลจากนิวรณ์  จากหัวใจที่เคยปวกเปียกอ่อนแอเมื่อครั้งก่อน  จะกลายเป็นหัวใจที่เข้มแข็งและองอาจกล้าหาญในการทำความดีอย่างน่าอัศจรรย์


            อภัยทานนี้ไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งของเงินทองแต่อย่างใด   แต่ก็เป็นทานชนิดเดียวที่น้อยคนนักจะทำได้  ดังนั้น บุคคลใดสามารถให้อภัยไม่อาฆาตพยาบาทจองเวรต่อบุคคลที่ทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ  บุคคลนั้นจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่  กำลังก้าวเดินไปบนเส้นทางอันเป็นวิสัยของพระโพธิสัตว์หรือพระอริยบุคคลโดยไม่รู้ตัว


             การให้ทานอันเป็นวัตถุสิ่งของภายนอก  เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการสั่งสมบารมีและสร้างกำลังใจ   แต่บุคคลใดให้อภัยทานได้  บุคคลนั้นย่อมชื่อว่าเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

             อภัยทานแม้เป็นสิ่งที่ทำได้โดยยาก  แต่เมื่อทำได้แล้ว  เราจะเหมือนชีวิตได้เกิดใหม่  มีจิตใจที่เบิกบานแจ่มใส  มีความสุขอยู่ในอาณาจักรแห่งความรักตลอดไป

 

                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                            ๑๗  กันยายน  ๒๕๕๗