สิ่งที่เหลืออยู่
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
สิ่งที่เหลืออยู่
การเกิดมาบนโลกมนุษย์ใบนี้ ทุกชีวิตต้องได้ประสบทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย บางคราวสมหวังดีอกดีใจ บางคราวผิดหวังร้องไห้ แต่สิ่งที่เหลือไว้เป็นอนุสรณ์ที่ไม่มีวันลบเลือนหายไปตามการแตกดับของร่างกาย ก็คือคุณธรรมความดีที่แต่ละคนได้บำเพ็ญไว้เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่
ชีวิตที่ได้เผชิญทั้งดีและร้ายอย่างยากที่มนุษย์คนหนึ่งจะได้พบในยุคนี้ ก็คือชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้จนอายุถึง ๖๑ ปีแล้วแตกดับไปของอดีตพระใบฎีกานิกร ธมฺมวาที แห่งวัดสันปง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นชีวิตที่น้อยคนจะสามารถอดทนได้ต่อชะตากรรมเช่นนั้น
จากสามเณรน้อยบ้านนอกในถิ่นกันดารอันไกลแสนไกล สามารถเปล่งแสงแห่งบารมีออกไปได้อย่างกว้างไกลจนผู้คนรู้จักกันทั่วประเทศ จากดินแดนอันไม่เคยมีใครรู้จัก แต่พระภิกษุหนุ่มรูปนี้ได้ทำให้ผู้คนจากทั่วประเทศพากันหลั่งไหลไปเพื่อให้ได้เห็นได้กราบได้ไหว้
จากสามเณรน้อยที่ไปฝึกสมาธิในป่าช้าตามลำพัง แล้วกลัวผีจนเกือบเลิกล้มความตั้งใจ จนหลวงปู่แหวนเทพเจ้าผู้ซ่อนตัวอยู่อย่างสันโดษแห่งดอยแม่ปั๋ง ที่ยังไม่มีใครรู้จักหลวงปู่ในสมัยนั้นต้องไปโปรดและให้กำลังใจแก่สามเณรน้อยผู้มากด้วยบารมีให้ฝึกต่อไปจนสำเร็จ
จะมีสักกี่คนที่จะมีบารมีทำให้ถิ่นกันดารบ้านนอก กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ จะมีพระภิกษุสักกี่รูปที่สามารถมีบารมีเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
ชีวิตของท่านอาจารย์นิกร เป็นตัวอย่างของชีวิตที่เกิดมาแล้ว ได้พบกับทุกอย่าง อย่างสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์โดยแท้ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนตั้งแต่ยังเป็นสามเณรอายุเพียงเก้าขวบ หลังจากนั้นก็มีชีวิตที่อยู่ท่ามกลางลาภสักการะคำสรรเสริญคำยกย่องตลอดมา นับเป็นครั้งแรกในวงการพระพุทธศาสนาในยุคนั้นที่มีคนหลั่งไหลไปฟังเทศน์เป็นพันๆหรือหมื่นๆคน
เสวยลาภสักการะคำสรรเสริญและความสุขอย่างเต็มที่จนถึงอายุสามสิบห้า หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตก็เกิดการพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ จากคำสรรเสริญเยินยอที่เคยมีอยู่ทั่วหล้า กลายเป็นคำดูหมิ่นดูแคลน คำใส่ร้าย การเหยียบย่ำหวังให้จมธรณีปรากฏอยู่ทั่วไป จากความศรัทธาเลื่อมใสที่มีมากมายในตอนนั้น กลายเป็นคำก่นด่าสาปแช่งตามความเข้าใจของแต่ละบุคคลทั่วทั้งเมือง
จากชีวิตที่มีแต่ลาภสักการะกลายเป็นชีวิตที่เสื่อมลาภ จากความเป็นผู้มียศคือความโด่งดังกลายเป็นความเสื่อมยศอยู่กับความอับเฉาไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม จากคำสรรเสริญเยินยอว่าเป็นผู้วิเศษกลายเป็นคำครหานินทาว่าร้ายไม่หลงเหลือคุณความดี จากชีวิตที่มีแต่ความสุขและความปลื้มปีติยินดี กลายเป็นต้องเสวยความทุกข์จากความเข้าใจผิดของผู้คนและต้องใช้ขันติบารมีความอดทนประคองดวงใจเพื่อบำเพ็ญเมตตาบารมีและให้อภัยต่อทุกคนจนชั่วชีวิต
ใครจะมองท่านอาจารย์นิกรในแง่ใดย่อมสุดแต่เสรีภาพของใจใครจะคิด แต่สิ่งหนึ่งที่ใครไม่สามารถสู้อาจารย์นิกรได้ ก็คือความอดทนอดกลั้น ความมีขันติบารมีเผชิญต่อชะตากรรมอย่างองอาจไม่แสดงอาการหวั่นไหว ท่านอาจารย์นิกรสามารถเดินขึ้นลงศาลอาญา ๔๐๐ กว่าครั้งโดยไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด จนกระทั่งผู้พิพากษาบางท่านฆ่าตัวตายด้วยเหตุผลบางประการ ท่านก็ยังไปศาลตามนัดจนครบกำหนดเป็นครั้งสุดท้าย
ความผิดความถูกในส่วนตัวของท่าน บัดนี้สังคมได้พิพากษาจนไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆอีกแล้ว ต่อนี้ไปก็เหลือแต่กฎแห่งกรรมที่จะตามพิพากษาทุกคนแทนกฎหมาย หากท่านผิดจริงท่านก็มีวิถีแห่งกรรมนำพาไป แต่ถ้าเป็นการวางแผนเพื่อใส่ร้าย ผู้ที่ทำกับท่านไว้ก็เตรียมตัวรับชะตากรรมสืบต่อไป ตามกฎแห่งกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์และเด็ดขาดยิ่งกว่ากฎหมายยิ่งนัก
ความผิดถูกในโลกมนุษย์ย่อมขึ้นกับเงินและอำนาจเป็นส่วนใหญ่ บางเหตุการณ์กว่าจะรู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไรก็ต้องรอให้บุคคลผู้เป็นใหญ่หมดสิ้นอำนาจแล้ว บางเรื่องต้องใช้เวลาถึงหกสิบปีหรือร้อยปี กว่าจะชี้ชัดได้อย่างแท้จริงว่าอะไรชั่วอะไรดีและอะไรเป็นความจริง
การเกิดมาบนโลกมนุษย์ใบนี้ เรามีเวลาประกอบกุศลสร้างความดีที่แสนสั้น สำหรับผู้ที่มุ่งหวังสร้างบารมีหรือบำเพ็ญคุณความดี จึงไม่ควรใส่ใจในคำวิจารณ์หรือคำนินทาว่าร้ายของผู้ไม่ปรารถนาดีจนสูญเสียกำลังใจ ดังเช่นท่านอาจารย์นิกรนี้ทำให้ดูเป็นตัวย่าง
ยามใดที่เสวยลาภยศคำสรรเสริญยกย่องและความสุข ก็อาศัยกำลังใจอันเต็มเปี่ยมในช่วงนั้นทำความดีให้เต็มที่ พอถึงกาลตกอับเสื่อมลาภเสื่อมยศเสื่อมบริวารมีแต่คนมองข้ามไม่เห็นคุณความดี ก็อาศัยช่วงเวลานั้นบำเพ็ญขันติบารมีและบำเพ็ญตบะให้แก่กล้ายิ่งขึ้นไป
ในฐานะเป็นคนหนึ่งที่เคยล่วงเกินกล่าวร้ายไปตามข่าวสมัยยังไม่ได้บวช เมื่อบวชแล้วได้มีโอกาสพบตัวจริงของอาจารย์นิกร ในยามเมื่อท่านสูญสิ้นลาภยศสิ้นบริวารหมดสิ้นชื่อเสียงแล้ว สิ่งหนึ่งที่รู้สึกประทับใจก็คือความองอาจสง่างามที่เปี่ยมด้วยเมตตา ทรงไว้ซึ่งความมีตบะและขันติธรรมเป็นเยี่ยม อันแสดงถึงความไม่หวั่นไหวแม้ใครจะมองท่านด้วยสายตาอย่างไร อดคิดไม่ได้ว่านี้คือลักษณะของผู้เกิดมาบำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์มิใช่มุ่งหลุดพ้น
หากจะเปรียบเทียบให้มองเห็นภาพ ก็เหมือนกษัตริย์ผู้เคยยิ่งใหญ่ที่เดินเข้าหลักประหารเพราะต้องพ่ายแพ้ต่อเล่ห์เหลี่ยมของศัตรูอย่างองอาจและงามสง่า ยังคงดำรงขัตติยะและมานะไว้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีและสมเกียรติยศแห่งความเป็นราชาแม้ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
ท่านอาจารย์นิกรนั้นท่านคงยังถือว่าตัวท่านยังเป็นพระอยู่เสมอ เหมือนจะพยายามสื่อปริศนาหรือความนัยบางอย่างออกมาให้เข้าใจในบางสิ่งบางอย่าง พอทราบว่าท่านได้ลาจากโลกใบนี้ไปแล้วเมื่อเวลา ๒๓.๐๕ น. ของวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา จึงทำให้นึกถึงใบหน้าและแววตาที่ท่านพยายามจะสื่อความหมายบางอย่างที่ติดตาอยู่เสมอ
จากสามเณรน้อยที่ใจซื่อบริสุทธิ์บำเพ็ญสมาธิจนรู้เห็นสิ่งต่างๆอันพ้นสายตาของมนุษย์เพราะบารมีเก่าสั่งสมอบรมไว้มาแต่ในอดีตชาติ จนกระทั่งได้นิมิตเห็นพระเกศแก้วจุฬามณีในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วมาจำลองสร้างไว้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เป็นพระหนุ่มที่แสดงธรรมไปทั่วทุกสารทิศอย่างกว้างไกลอย่างไม่เคยมีปรากฎการณ์เช่นนั้นมาก่อน บ้านนอกอันกันดารกลายเป็นหมู่บ้านที่คนรู้จักไปทั่วประเทศไทยและในต่างประเทศ
เพียงเท่านี้ชีวิตก็คุ้มค่ากับการได้เกิดมาอย่างยิ่งแล้ว ในตอนต้นของชีวิตได้เสวยลาภสักการะอย่างชนิดที่พระภิกษุเพียงไม่กี่รูปในยุคนี้จะได้เสวยเช่นนั้นตราบจนอายุเข้าสู่วัยสามสิบห้า หลังจากนั้นเป็นต้นมาตลอดระยะเวลา ๒๕ ปี คือการบำเพ็ญขันติบารมีอันใหญ่หลวง นี้คือชีวิตที่คุ้มค่าในการได้เกิดมาที่ได้สัมผัสต่อ “โลกธรรม ๘ ประการ”และได้มีโอกาสบำเพ็ญขันติบารมีอย่างสมบูรณ์
ชีวิตของอาจารย์นิกรเป็นบทเรียนในการสอนใจของพวกเรา ให้เห็นความจริงของโลกธรรม ๘ ได้เป็นอย่างดี ได้มองเห็นความไม่เที่ยงและความไม่จีรังของสรรพสิ่งและสังขารทั้งปวง เป็นชีวิตที่ได้ประสบทั้งการได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ คำสรรเสริญ คำนินทา ความสุข ความทุกข์ ได้อย่างชัดเจนและบริบูรณ์ นี้คือครูชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สอนใจพวกเราทุกคน
ท่านอาจารย์นิกรได้แสดงละครชีวิตฉากนี้ อย่างเต็มที่ อย่างสมบทบาท จนลาโรงละครแห่งนี้ไปแล้ว เหลือแต่ชีวิตแต่ละคนของพวกเราที่จะต้องแสดงละครชีวิตกันต่อไป ไม่มีใครรู้วันเวลาที่จะอำลาโรงละครของตัวเองว่าเป็นวันไหน แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าต่ำต้อยยากจนหรือยิ่งใหญ่สูงส่งเพียงใด ก็ต้องถึงวันลาโรงละครกันไปทุกคนไม่มีใครหลีกพ้นได้
ดังนั้น เราทั้งหลายจึงต้องแสดงบทบาทละครชีวิตกันอย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรก็คงไม่มีใครในที่นี้ที่จะต้องรับบทหนักอันสาหัสเท่ากับท่านอาจารย์นิกรอีกแล้วอย่างแน่นอน
ทุกคนเกิดมาล้วนต้องมีความตายรออยู่เบื้องหน้ากันทุกคนอยู่แล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือคุณความดีและบุญกุศลที่จะติดตามตนไปสู่ภพหน้า ในแต่ละวันจงหมั่นเจริญสติภาวนารักษาใจ นี้คือที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ที่จะอยู่คู่กับเราเสมอ ความตายเป็นสิ่งธรรมดา แต่สิ่งที่เหนือกว่าความตายเมื่อไปสู่ภพหน้า คือบุญกุศลคุณงามความดีที่ปลูกและเพาะหว่านไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์
เมื่อเรารู้จักสัจธรรมของชีวิตเช่นนี้ ใจของเราย่อมมีสติและเกิดปัญญามองเห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสิ่งทั้งหลาย ร่างกายนี้เมื่อถึงเวลาก็แตกดับทำลายไปเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่เหลือไว้และทรงคุณค่าก็คือความดีที่เราได้บำเพ็ญ นี้คือคุณค่าแห่งการเกิดมาบนโลกใบนี้
คุรุอตีศะ
๑๓ กันยายน ๒๕๕๗