ครูบาอินถาผู้ศักดิ์สิทธิ์

ครูบาอินถาผู้ศักดิ์สิทธิ์

 


                 อริยสงฆ์ผู้ทรงความเมตตาและความศักดิ์สิทธิ์  ที่เมื่อผู้ใดได้กราบไหว้หรือระลึกถึงแล้ว  ย่อมนำสิริมงคลมาสู่ชีวิต  เป็นแสงสว่างนำทางให้แก่ทุกดวงใจ  แม้นอยู่ในถิ่นกันดารบ้านนอกอันไกลแสนไกล  แต่ครูบาคือผู้ทรงเป็นหลักชัยให้แก่พระพุทธศาสนาในยามนี้ยิ่งนัก


                จะมีพระภิกษุในพระพุทธศาสนาสักกี่รูปเล่า  ที่จะทรงความเป็นหลักชัยของร่มผ้ากาสาวพัสตร์  ซึ่งคอยโบกสะบัดธงชัยของพระอรหันต์ได้อย่างมั่นคงยาวนานจนอายุถึง ๙๓ ปี ดั่งเช่นหลวงปู่ครูบาอินถา  ฐิตธมฺโม  แห่งวัดยั้งเมิน  อำเภอสะเมิง  จังหวัดเชียงใหม่


               หลวงปู่ครูบามิได้เพียงมีอายุยืนยาวเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร  แต่หลวงปู่คือพระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญาจิตที่สามารถกำหนดวันตายโดยมิต้องป่วยไข้  สามารถซ่อนคุณวิเศษที่สามารถหยั่งรู้อดีตอนาคตไม่ให้ใครล่วงรู้ก็ยังซ่อนไว้ได้ สิ่งที่ปรากฏแก่ลูกศิษย์นั้นคือคุณวิเศษอันน้อยนิดที่เล็ดลอดออกมาเท่านั้น  นี้คือความน่าอัศจรรย์ของหลวงปู่ประการหนึ่ง


              สามารถที่จะกำหนดเวลาให้ดวงจิตออกจากร่าง ในเวลาที่ปลอดจากลูกศิษย์ที่เคยแวะเวียนมาหาประจำวัน  แล้วละสังขารอย่างเงียบกริบโดยไม่ให้ใครได้เห็นสภาวะก่อนสิ้นใจแม้แต่คนเดียว  นี้คือพระมหาเถระผู้ทรงคุณวิเศษแห่งยุคสมัย  ที่ดำรงสมาบัติได้อย่างเชี่ยวชาญเป็นวสี ซ่อนตัวอยู่ในถิ่นกันดารกับชาวบ้านผู้มีความใสซื่อบริสุทธิ์เป็นอุปนิสัย  อันเกื้อกูลต่อการทรงสมาบัติของพระอริยเจ้าโดยทั่วไป  พระผู้ทรงอภิญญาที่สามารถกำหนดสถานที่ตาย วันตายและเวลาตายได้อย่างช่ำชองเช่นนี้  นานๆครั้งจึงจะปรากฏขึ้นในพระพุทธศาสนา


                 ในขณะที่พระในเมืองผู้มีความรู้ มีวิทยฐานะและปริญญา  ต่างพากันแก่งแย่งยศศักดิ์ตำแหน่งและแสวงหาเงินทองจนเป็นที่อิดหนาระอาใจของชาวโลก  แต่หลวงปู่ผู้เกิดมาบนโลกใบนี้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๔ ก่อนพระภิกษุผู้มียศตำแหน่งทั้งหลายเหล่านั้น กลับเลือกเส้นทางอันประเสริฐมาแต่ต้น จนสามารถทำลายกิเลสอาสวะและความทุกข์ความเศร้าโศกในดวงใจ  มีตำแหน่งเป็นพระอริยเจ้าผู้ยืนอยู่เหนือโลกผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงมอบเป็นมรดกไว้ให้ได้อย่างงดงามและเพียบพร้อมสมบูรณ์   นี้คือแบบอย่างของสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าโดยแท้


                 ในสายตาของพระเหล่านั้นหรือสายตาของชาวโลก อาจมองว่าหลวงปู่เป็นเพียงพระบ้านนอก ไม่เห็นมีตำแหน่งใหญ่โตอะไรเท่าใดนัก  แต่จะมีใครสักกี่คนเล่า ที่รู้ว่าจิตของหลวงปู่ครูบาอินถานั้นแสนยิ่งใหญ่เหนือกว่าเหล่ามนุษย์เทวดา ยืนอยู่เหนือโลกและเหนือยศศักดิ์ทั้งปวง  ทิ้งให้เหล่าพระภิกษุผู้หลงจมอยู่ในอามิสทั้งหลายและผู้คนทั้งหญิงชาย ต่างต้องเวียนว่ายในทะเลกิเลสและทะเลน้ำตาต่อไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์และกองกิเลสเช่นหลวงปู่ผู้ประเสริฐ


                หลวงปู่ครูบาอินถา  คือพระอริยสงฆ์ที่ประกาศความศักดิ์สิทธิ์  เป็นผู้ประกาศความเป็นสงฆ์สาวกที่แท้จริง เป็นแบบอย่างของพระภิกษุที่ดำรงความมักน้อย สันโดษ เรียบง่าย  หลวงปู่มีเมตตาอย่างสูงสุด ไม่เคยถือตัวว่าเป็นผู้สูงส่งหรือแสดงว่าท่านเองมีคุณธรรมอะไร  ใช้ชีวิตความเป็นสงฆ์อย่างงดงาม  อย่างเป็นธรรมชาติและเรียบง่าย เมื่อถึงกาลเวลาอันเหมาะสมความศักดิ์สิทธิ์และบารมีก็ปรากฏแก่ผู้คนขึ้นมาเองอย่างไม่ต้องอวดอ้างหรือโฆษณา  นี้คือพระมหาเถระผู้ควรแก่การก้มศีรษะลงสู่พื้นเพื่อกราบไหว้บูชาในองค์คุณด้วยความปีติและสนิทใจ


                 หลวงปู่ครูบาอินถาผู้ทรงอริยคุณอันประเสริฐ  หลวงปู่ได้เป็นสักขีพยานแสดงตัวอย่างให้พวกเราทั้งหลายได้ประจักษ์แล้วว่าพระธรรมของพระองค์เป็นสันทิฏฐิโกที่ผู้เรียนจริง ปฏิบัติจริงย่อมประจักษ์แจ้งได้ผลจริง  หลวงปู่ทรงคุณวิเศษสามารถกำหนดได้ซึ่งสถานที่ตาย  วันตาย เวลาตาย  ส่วนเราทั้งหลายยังไม่มีใครรู้วันตายของตัวเองแม้แต่คนเดียว


                แม้เมื่อในยามละสังขาร หลวงปู่ก็ยังมีปาฏิหาริย์ให้ร่างของหลวงปู่เก็บไว้หลายวันไม่เปื่อยเน่า  อันแสดงถึงคุณธรรมภายในที่หลวงปู่ทรงสมาบัติได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อครั้งยังดำรงสังขารมีชีวิตอยู่  นี้คือสิ่งที่หลวงปู่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้ทุกคนดู ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เหลือวิสัยหากใครจะเดินตาม   สติอันยอดเยี่ยมของหลวงปู่ ยังแสดงให้เห็นเป็นดวงแก้วประจักษ์แก่สายตา


               หลวงปู่เมื่อละสังขารแล้วร่างกายไม่เปื่อยเน่า  แต่พวกเราทั้งหลายเล่า? แม้เปื่อยเน่าอยู่ทุกวันก็ยังพากันพยายามหาอะไรมาฉาบทาเพื่อปกปิดไว้  คิดดูเถิดว่าดวงจิตของปุถุชนกับดวงจิตผู้ที่ยืนอยู่เหนือโลกนั้นต่างกันเพียงใด  ที่ท่านพยายามประคองสังขารไว้ ก็เพื่อประกาศธรรมและเป็นเนื้อนาบุญให้ผู้แสวงบุญได้มีโอกาสทำบุญเพิ่มกุศลบารมีเท่านั้นเอง


                    พระอริยสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง ย่อมมีปฏิปทาอันงดงามและมีความเป็นธรรมชาติเช่นนี้  ท่านไม่มีการแบ่งแยกถือพรรคถือพวกว่าสายนั้น สายนี้  ไม่คอยแบ่งแยกเป็นพวกเป็นนิกาย  ไม่มีการอวดเคร่งหรือข่มคนอื่นด้วยพระวินัย  ใครปฏิบัติได้แค่ไหนเพียงใด ก็เป็นไปตามวาสนาและบารมีของผู้นั้นเป็นสำคัญ


                   ไม่ใช่ต้องเป็นพระสายวัดป่าเท่านั้นจึงจะบรรลุธรรมได้  แม้เป็นพระธรรมดาไม่ต้องมีใครจัดแบ่งว่าเป็นสายไหนอาจารย์ใด  หากปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงแสดงและบัญญัติไว้   แม้ไม่ได้ชื่อว่าอยู่สายใด  ก็สามารถฝึกสติจนจิตอิสระหลุดพ้นได้เช่นเดียวกัน

                 

                   ในโลกทิพย์หรือโลกวิญญาณอันเลยพ้นตาเนื้อของมนุษย์    เขาไม่ได้ตัดสินกันที่ยศศักดิ์ตำแหน่งความยิ่งใหญ่หรือความร่ำรวยตามแบบที่เห็นกันอยู่ในโลกมนุษย์นี้  แต่สิ่งที่ใช้ตัดสินว่าใครสูงต่ำกว่าใคร คือการดูจากรัศมีที่ฉายออกมาจากบุคคลนั้นว่ามีพลังอำนาจบุญกุศลและมีอำนาจจิตสูงส่งเพียงใดต่างหาก


                พระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านทรงสังขารอยู่หลังจากเข้าสู่กระแสแห่งธรรมแล้ว  ท่านจะยินดีปรีดากับการได้มีชีวิตยืนยาวเหมือนที่หลายคนเข้าใจก็หาไม่  แต่ท่านอยู่เพื่ออนุเคราะห์โลกและคอยชี้ทางให้ผู้คนที่พอมีบารมีจะได้เดินเข้าสู่กระแสอริยะสืบต่อไป  ด้วยอาศัยพลังแห่งเมตตาและความกรุณาที่ยังเหลืออยู่ในขันธสันดาน ที่สั่งสมมาหลายภพหลายชาติก่อนจะมาถึงชาติสุดท้าย เกื้อกูลผู้คนต่อไปตามวาสนาบารมีจนกระทั่งละสังขารนี้ไปเพียงเท่านั้น


               หลวงปู่ครูบาอินถา  บางคนอาจไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยรู้จัก  แต่สำหรับพระผู้ทรงอภิญญาสมาบัติและทรงคุณวิเศษระดับสูงเพียงนี้  เพียงเราน้อมดวงจิตด้วยความเคารพบูชาออกไป  พลังกระแสบารมีอันสูงส่งกว้างไกลของท่านก็จะมาถึงเราแม้เราไม่เคยรู้จักมาก่อน


             อำนาจจิตและกระแสพลังเมตตาบารมีในโลกทิพย์ที่เลยพ้นสายตามนุษย์นั้น  มีพลังกว้างไกลและเร็วกว่าบรรดาคลื่นแสงและคลื่นแม่เหล็กที่เร็วที่สุด ที่มนุษย์ค้นพบอยู่ในเวลานี้หลายเท่าอย่างเทียบกันไม่ได้  ดังนั้นเพียงน้อมจิตด้วยความเคารพบูชาระลึกนึกน้อมออกไป  สิริมงคลและกำลังใจจะไหลหลั่งเข้าสู่หัวใจและชีวิตของเราอย่างน่าอัศจรรย์


                ขอน้อมกราบองค์คุณของหลวงปู่ครูบาอินถา  ฐิตธมฺโม  แห่งวัดยั้งเมิน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่   ด้วยหัวใจและความเคารพบูชาอย่างสูงสุด

 

                                                                                                       คุรุอตีศะ
                                                                                               ๓๑  สิงหาคม  ๒๕๕๗