ดุจนกที่โบยบิน
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ดุจนกที่โบยบิน
จงมีหัวใจที่ผ่อนคลายให้มากขึ้น ลดการจริงจังกับชีวิตที่เป็นมาจนเคยชิน ปล่อยให้หัวใจผ่อนคลายและมีอิสระ ดุจดังนกน้อยที่กำลังโบยบินไปในท้องฟ้าอย่างร่าเริงแจ่มใส
ชีวิตไม่ได้ต้องการความมุ่งมั่นจริงจังเสมอไป ชีวิตไม่ได้ต้องการแต่ความรับผิดชอบและความขยันหมั่นเพียรเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ชีวิตต้องการก็คือหัวใจที่ได้รับความอิสระและผ่อนคลาย ที่ในช่วงเวลานั้นไม่รู้สึกว่าต้องแบกภาระหรือมีการงานรับผิดชอบใดๆ
ความพากเพียรพยายามมุ่งมั่นเอาจริงเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ คือชีวิตเพียงด้านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมนุษย์ผู้มีความสามารถและมีสำนึกรับผิดชอบสูงทั้งหลายย่อมมีคุณสมบัติข้อนี้ประจำตัวอยู่แล้ว
แต่ในชีวิตแห่งความเป็นจริง มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการชีวิตอีกด้านหนึ่งคือความอิสระและผ่อนคลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำรงอยู่บนโลกใบนี้
ประการหลังนี้เองที่คนส่วนใหญ่มักไม่เห็นความสำคัญและมองข้าม มัวแต่ไปทุ่มเทน้ำหนักการใช้ชีวิตในการมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังเพื่อบรรลุเป้าหมายมากเกินไป จนลืมหันมองหัวใจของตัวเองและความรู้สึกหรือจิตใจของผู้คนรอบข้าง จิตใจจึงแข็งกระด้างและเย็นชา ความรักความเมตตาจึงถูกปิดประตูตายไม่ให้ไหลเข้ามาสู่ชีวิต
ความสุขอันเกิดจากความรักความอบอุ่นจึงถูกกีดกันออกไป โดยที่เจ้าของชีวิตเองไม่ได้เจตนา ทั้งไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า ตัวเองเป็นคนปิดกั้นหรือกีดกันความรักความเมตตาไม่ให้เข้ามาสู่หัวใจของตัวเอง
ลองละความยึดมั่นว่าชีวิตจะต้องพากเพียรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แล้วหันมาสร้างหัวใจของตัวเองให้ผ่อนคลาย บางทีเป้าหมายที่มุ่งมั่นอย่างเคร่งเครียดเอาเป็นเอาตายจนหาความสุขไม่ได้ อาจบรรลุถึงจุดหมายเพราะหัวใจที่อิสระและผ่อนคลายอย่างคาดไม่ถึง
ความมุ่งมั่นจริงจัง ไม่ได้ทำให้บรรลุผลสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายเสมอไป แต่สภาพจิตที่อิสระโปร่งเบาและผ่อนคลาย ย่อมคือส่วนหนึ่งแห่งการบรรลุเป้าหมายที่เรามักพากันหลงลืม
พระพุทธองค์คือตัวอย่างที่สำคัญที่ทำให้เราได้ตระหนักในความจริงข้อนี้ พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังตลอดระยะเวลา ๖ ปี จนพระวรกายซูบผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก ในระหว่างนั้นก็ไม่อาจพบกับความสำเร็จได้ เพราะเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังมากเกินไป
จนกระทั่งได้เสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา ทรงมีพระวรกายสดชื่นขึ้นมาและมีพระทัยแจ่มใส พระองค์ทรงมีความอิสระเพราะเหล่าปัญจวัคคีย์พากันหนีไป ทรงพบกับความปลอดโปร่งในหัวใจ และมีสภาวะที่ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน พระองค์จึงตรัสรู้ ความทุกข์ทั้งปวงได้หมดสิ้นไปจากพระทัยของพระองค์นับแต่นั้น
แม้ในทางวิทยาศาสตร์ อัลเบิร์ต ไอสไตน์และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ก่อนจะค้นพบทฤษฎีสำคัญซึ่งมีผลต่อชาวโลกในเวลาต่อมานั้น เขามักจะค้นพบทฤษฎีสำคัญเหล่านั้นในเวลาที่เขามีสภาวะจิตที่ผ่อนคลาย หลังจากที่คร่ำเคร่งมาเป็นเวลานานก็ไม่สำเร็จเสียที
ขอให้เราทั้งหลาย จงอย่าปล่อยชีวิตของเราให้จมอยู่แต่กับความมุ่งมั่นพากเพียรเอาจริงเพียงอย่างเดียว หลังจากใช้ความเพียรจนจิตใจเคร่งเครียดมามากแล้ว จงหันมาใช้ชีวิตในแนวของเส้นทางแห่งอริยะ คือความที่จิตมีอิสระและมีความผ่อนคลายให้มากขึ้น
สำหรับคนที่เกียจคร้านเป็นนิสัยหรือคนที่หยิบโหย่งไม่ค่อยรับผิดชอบในเรื่องใด บุคคลเช่นนั้นต้องรู้จักใช้ความพากเพียรมุ่งมั่นเอาจริงอย่างมากมายนั้นเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว
แต่สำหรับบุคคลที่มีความรับผิดชอบสูง และมักใช้ชีวิตที่เอาจริงเอาจังคร่ำเคร่งเพื่อต้องการบรรลุเป้าหมายตลอดมา ขอจงหันมาเรียนรู้ในการมีมุมมองของชีวิตในด้านที่สูงขึ้นไป คือการมีชีวิตที่ผ่อนคลาย อันเป็นวิถีชีวิตอันประเสริฐและเป็นมรรคาแห่งพระอริยเจ้า ความรัก ความสุขอันแท้จริง และสิ่งดีงามอันมากมายที่รออยู่ จะได้ไหลหลั่งเข้ามาสู่ชีวิตของเรา
การปฏิบัติธรรมที่เราทั้งหลายควรตระหนักไว้ในใจเสมอ คือการมีสติรู้ตัวอยู่กับความจริงในขณะนี้ ไม่ไขว่คว้าหรือดึงรั้งสิ่งใดไว้ ทั้งไม่ปฏิเสธหรือผลักไสสิ่งใดออกไป
การปฏิบัติธรรม คือการกลับคืนสู่ความเป็นตัวของตัวเองและพบความอิสระในดวงใจ ดุจดั่งนกบินไปอย่างเสรีในท้องฟ้า เต็มเปี่ยมด้วยความร่าเริงสดใสและไร้พันธนาการ
จงเป็นดุจนกที่โบยบินไปในท้องฟ้า จงนำเอาความเป็นอิสระและความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมาสู่ชีวิต นี้คือคำอำนวยพรอันยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติได้มอบไว้ให้แก่เราทุกคน
คุรุอตีศะ
๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗