ดุจนกที่โบยบิน

ดุจนกที่โบยบิน

 


               จงมีหัวใจที่ผ่อนคลายให้มากขึ้น  ลดการจริงจังกับชีวิตที่เป็นมาจนเคยชิน  ปล่อยให้หัวใจผ่อนคลายและมีอิสระ  ดุจดังนกน้อยที่กำลังโบยบินไปในท้องฟ้าอย่างร่าเริงแจ่มใส


               ชีวิตไม่ได้ต้องการความมุ่งมั่นจริงจังเสมอไป  ชีวิตไม่ได้ต้องการแต่ความรับผิดชอบและความขยันหมั่นเพียรเท่านั้น  แต่สิ่งหนึ่งที่ชีวิตต้องการก็คือหัวใจที่ได้รับความอิสระและผ่อนคลาย ที่ในช่วงเวลานั้นไม่รู้สึกว่าต้องแบกภาระหรือมีการงานรับผิดชอบใดๆ


                ความพากเพียรพยายามมุ่งมั่นเอาจริงเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ คือชีวิตเพียงด้านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมนุษย์ผู้มีความสามารถและมีสำนึกรับผิดชอบสูงทั้งหลายย่อมมีคุณสมบัติข้อนี้ประจำตัวอยู่แล้ว


               แต่ในชีวิตแห่งความเป็นจริง  มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการชีวิตอีกด้านหนึ่งคือความอิสระและผ่อนคลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำรงอยู่บนโลกใบนี้


               ประการหลังนี้เองที่คนส่วนใหญ่มักไม่เห็นความสำคัญและมองข้าม   มัวแต่ไปทุ่มเทน้ำหนักการใช้ชีวิตในการมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังเพื่อบรรลุเป้าหมายมากเกินไป  จนลืมหันมองหัวใจของตัวเองและความรู้สึกหรือจิตใจของผู้คนรอบข้าง  จิตใจจึงแข็งกระด้างและเย็นชา ความรักความเมตตาจึงถูกปิดประตูตายไม่ให้ไหลเข้ามาสู่ชีวิต


              ความสุขอันเกิดจากความรักความอบอุ่นจึงถูกกีดกันออกไป  โดยที่เจ้าของชีวิตเองไม่ได้เจตนา ทั้งไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า ตัวเองเป็นคนปิดกั้นหรือกีดกันความรักความเมตตาไม่ให้เข้ามาสู่หัวใจของตัวเอง


             ลองละความยึดมั่นว่าชีวิตจะต้องพากเพียรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย  แล้วหันมาสร้างหัวใจของตัวเองให้ผ่อนคลาย  บางทีเป้าหมายที่มุ่งมั่นอย่างเคร่งเครียดเอาเป็นเอาตายจนหาความสุขไม่ได้  อาจบรรลุถึงจุดหมายเพราะหัวใจที่อิสระและผ่อนคลายอย่างคาดไม่ถึง


            ความมุ่งมั่นจริงจัง  ไม่ได้ทำให้บรรลุผลสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายเสมอไป  แต่สภาพจิตที่อิสระโปร่งเบาและผ่อนคลาย  ย่อมคือส่วนหนึ่งแห่งการบรรลุเป้าหมายที่เรามักพากันหลงลืม


             พระพุทธองค์คือตัวอย่างที่สำคัญที่ทำให้เราได้ตระหนักในความจริงข้อนี้  พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังตลอดระยะเวลา ๖ ปี จนพระวรกายซูบผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก  ในระหว่างนั้นก็ไม่อาจพบกับความสำเร็จได้ เพราะเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังมากเกินไป


            จนกระทั่งได้เสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา ทรงมีพระวรกายสดชื่นขึ้นมาและมีพระทัยแจ่มใส  พระองค์ทรงมีความอิสระเพราะเหล่าปัญจวัคคีย์พากันหนีไป ทรงพบกับความปลอดโปร่งในหัวใจ และมีสภาวะที่ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน พระองค์จึงตรัสรู้ ความทุกข์ทั้งปวงได้หมดสิ้นไปจากพระทัยของพระองค์นับแต่นั้น


           แม้ในทางวิทยาศาสตร์  อัลเบิร์ต  ไอสไตน์และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ  ก่อนจะค้นพบทฤษฎีสำคัญซึ่งมีผลต่อชาวโลกในเวลาต่อมานั้น  เขามักจะค้นพบทฤษฎีสำคัญเหล่านั้นในเวลาที่เขามีสภาวะจิตที่ผ่อนคลาย  หลังจากที่คร่ำเคร่งมาเป็นเวลานานก็ไม่สำเร็จเสียที


           ขอให้เราทั้งหลาย จงอย่าปล่อยชีวิตของเราให้จมอยู่แต่กับความมุ่งมั่นพากเพียรเอาจริงเพียงอย่างเดียว  หลังจากใช้ความเพียรจนจิตใจเคร่งเครียดมามากแล้ว  จงหันมาใช้ชีวิตในแนวของเส้นทางแห่งอริยะ คือความที่จิตมีอิสระและมีความผ่อนคลายให้มากขึ้น


           สำหรับคนที่เกียจคร้านเป็นนิสัยหรือคนที่หยิบโหย่งไม่ค่อยรับผิดชอบในเรื่องใด บุคคลเช่นนั้นต้องรู้จักใช้ความพากเพียรมุ่งมั่นเอาจริงอย่างมากมายนั้นเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว


         แต่สำหรับบุคคลที่มีความรับผิดชอบสูง และมักใช้ชีวิตที่เอาจริงเอาจังคร่ำเคร่งเพื่อต้องการบรรลุเป้าหมายตลอดมา ขอจงหันมาเรียนรู้ในการมีมุมมองของชีวิตในด้านที่สูงขึ้นไป คือการมีชีวิตที่ผ่อนคลาย  อันเป็นวิถีชีวิตอันประเสริฐและเป็นมรรคาแห่งพระอริยเจ้า   ความรัก ความสุขอันแท้จริง และสิ่งดีงามอันมากมายที่รออยู่  จะได้ไหลหลั่งเข้ามาสู่ชีวิตของเรา


              การปฏิบัติธรรมที่เราทั้งหลายควรตระหนักไว้ในใจเสมอ คือการมีสติรู้ตัวอยู่กับความจริงในขณะนี้   ไม่ไขว่คว้าหรือดึงรั้งสิ่งใดไว้  ทั้งไม่ปฏิเสธหรือผลักไสสิ่งใดออกไป


            การปฏิบัติธรรม คือการกลับคืนสู่ความเป็นตัวของตัวเองและพบความอิสระในดวงใจ  ดุจดั่งนกบินไปอย่างเสรีในท้องฟ้า  เต็มเปี่ยมด้วยความร่าเริงสดใสและไร้พันธนาการ


               จงเป็นดุจนกที่โบยบินไปในท้องฟ้า  จงนำเอาความเป็นอิสระและความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมาสู่ชีวิต  นี้คือคำอำนวยพรอันยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติได้มอบไว้ให้แก่เราทุกคน

 

                                                                       คุรุอตีศะ
                                                             ๑๕  สิงหาคม  ๒๕๕๗