ผลบุญที่เต็มเปี่ยม

ผลบุญที่เต็มเปี่ยม

 


               การทำความดีหรือบุญกุศลที่จะได้รับอานิสงส์อย่างเต็มเปี่ยม  ต้องเกิดจากเจตนาอันบริสุทธิ์   คือต้องเกิดจากใจที่มีความศรัทธาความเลื่อมใส แล้วกระทำสิ่งนั้นลงไปด้วยหัวใจที่มีปีติและยินดี  โดยไม่หวังผลว่าจะได้รับผลแห่งความดีหรือบุญกุศลที่ทำนั้นอย่างไรหรือเมื่อใด


              ข้อนี้คือหลักใหญ่ที่ผู้มุ่งสร้างกุศลบารมีทั้งหลาย  สมควรทำความเข้าใจประกอบการบำเพ็ญบารมีและบุญกุศลของตนไว้ให้มั่น  มิฉะนั้น  จะเกิดความลังเลและสับสนหรือผิดหวังในการสร้างกุศลว่าเหตุใดจึงไม่ส่งผลตามที่ตนเคยคาดหวังไว้อย่างมากมายในตอนแรก


             เจตนาอันบริสุทธิ์ในการสร้างกุศลคุณความดี ยกตัวอย่างเช่น  คนหนึ่งไปวัดใส่บาตรหรือบริจาคเงินทำบุญโดยมีความมุ่งหมายไว้ในใจว่า เมื่อทำบุญแล้วตัวเองจะร่ำรวยขึ้นหรือมีโชคลาภตามที่มีผู้ชักชวนเพื่อให้บริจาค  เมื่อทำไปแล้วก็ใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่หนอผลบุญจะส่งผลให้ตนมีโชคลาภหรือร่ำรวยขึ้นมาตามที่เขาว่าเสียที


           การทำบุญหรือบริจาคทานเช่นนี้ จะเกิดอานิสงส์น้อยคือได้รับเพียง ๑ ใน ๔ และผลบุญจะเกิดช้าและมีอุปสรรค  เนื่องจากเจตนาไม่บริสุทธิ์  พลังแห่งบุญจึงมีน้อย เนื่องจากจิตใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวายเพราะความอยากที่จะได้รับผลเข้ามาแทรกแซงแทนจนพลังบุญอ่อนกำลัง


           อีกคนหนึ่ง  ไปวัดสม่ำเสมอเพราะความเลื่อมใสศรัทธาและรู้สึกสบายใจดีที่บอกไม่ถูก ตัวเองมีเงินน้อยไม่พอที่จะบริจาคเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเหมือนคนร่ำรวยบางคนได้ จึงหยอดตู้บริจาคทีละยี่สิบบาท ร้อยบาทตามกำลังทรัพย์ของตนด้วยความปลื้มปีติใจ  แล้วก็ปัดกวาดเช็ดถูวัดวาอารามสั่งสมบุญกุศลทีละเล็กละน้อย  ไม่ได้คิดถึงว่าตัวเองจะได้รับผลบุญเมื่อไหร่  รู้แต่ว่าหยอดตู้บริจาคทีละสิบบาทยี่สิบบาททีไร  รู้สึกมีกำลังใจและปลาบปลื้มใจอยู่คนเดียว


          เมื่อถึงเวลาที่ผลบุญส่งผล  บุคคลหลังนี้จะได้รับอานิสงส์แห่งบุญอย่างเต็มเปี่ยม  ชีวิตของเขาที่เคยอับเฉาจะรุ่งเรืองขึ้น  จากเคยมีโรคภัยเบียดเบียนรักษาไม่หาย ก็จะมีเหตุชักนำให้ไปพบหมอที่รักษาให้หายได้


           จากที่เคยเป็นคนฟังเทศน์ฟังธรรมไม่เคยจำได้และไม่ค่อยเข้าใจ  ก็จะเกิดสติปัญญาสว่างไสวขึ้นมาชนิดตัวเองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้  นี้คือผลบุญที่เต็มเปี่ยมเพราะเจตนาอันบริสุทธิ์    เจตนาอันบริสุทธิ์นี้จะทำให้ได้รับผลแห่งกรรมดีที่มีอานุภาพเต็มเปี่ยมและน่าอัศจรรย์


           เจตนาอันบริสุทธิ์นี้ คือการไม่เอาความอยากนำหน้าในการทำบุญ ไม่คำนึงถึงผลแห่งบุญที่จะได้รับไว้ล่วงหน้า  แต่ทำไปด้วยดวงจิตที่เบิกบานด้วยความเลื่อมใสศรัทธา  ขอให้มีโอกาสได้ทำและได้บริจาคเท่านั้นก็สุขใจแล้ว


           การทำบุญต่างจากการทำการค้าหรือการทำธุรกิจ การค้าหรือธุรกิจต้องใช้มันสมองและต้องมีการคาดหวังเก็งกำไรไว้ล่วงหน้าก่อนจะลงทุน การทำการค้าหรือการทำธุรกิจจึงต้องคำนึงถึงกำไรขาดทุนและผลที่จะได้รับเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ


           การทำบุญคือการสร้างอานุภาพความบริสุทธิ์สูงส่งของดวงจิต หรือการพัฒนาคุณภาพแห่งดวงจิตภายในโดยการสละวัตถุสิ่งของในภายนอก  เปรียบเหมือนการเอาภาชนะที่ทำด้วยดินเหนียวเพื่อแลกเปลี่ยนเอาภาชนะที่ทำด้วยทองคำ  ยิ่งไม่คาดหวังหรือไม่คำนึงถึงผลที่จะได้รับมากเท่าไหร่  อานิสงส์หรือผลแห่งบุญที่จะได้รับยิ่งมากและเต็มเปี่ยมเท่านั้น


            การประกอบอาชีพการงานในทางโลก      ต้องมีการวางแผน การบริหารจัดการ การคำนึงถึงต้นทุนกำไร หรือต้องพยายามบากบั่นพัฒนา จึงจะประสบความสำเร็จหรือมีความก้าวหน้า  ส่วนการสร้างกุศลบารมีต้องอาศัยความบริสุทธิ์ของเจตนา  ต้องไม่หวังผลที่จะได้รับแอบแฝงไว้ล่วงหน้า กุศลบารมีที่สั่งสมมาจึงจะส่งผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างบริบูรณ์


           การทำการค้า การทำธุรกิจ  การทำงานราชการหรือการแสวงหาความสำเร็จตามวิถีของชาวโลกโดยทั่วไป  เป็นการใช้สมองฝั่งซ้ายเพื่อวางแผน ชิงไหวชิงพริบกันตามหลักเหตุผล  แต่สำหรับการสร้างบุญสร้างบารมีของแต่ละคน  ต้องอาศัยความรักความศรัทธาอันเปี่ยมล้นที่ไม่ต้องการหวังผลสิ่งใดตอบแทน


           เมื่อเราทราบเคล็ดลับในการดำเนินชีวิตเช่นนี้แล้ว  เราจะปฏิบัติตัวและใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ด้วยความเข้าใจและมีความผาสุกมากขึ้น

 
           ชีวิตในทางโลกต้องต่อสู้ดิ้นรนแสวงหาทั้งกลางวันและกลางคืน  ต้องใช้การวางแผน ใช้ชั้นเชิง ชิงไหวชิงพริบเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในยามตื่น  แม้ยามหลับก็ยังนอนฝันถึงสิ่งที่สับสนและคั่งค้างอยู่ในจิตใต้สำนึกแทบทุกคืน  แม้แอบร้องไห้นอนสะอื้นก็ยังฝืนสังขารเพื่อสนองความอยากความต้องการและอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นของตัวเอง


          ส่วนชีวิตในทางธรรม คือการหยุดแล้วต่อความทะเยอทะยานและการดิ้นรนไขว่คว้า  เป็นดวงจิตที่ถอยออกมาจากภาระและเหตุการณ์ต่างๆ มองเห็นความไร้สาระของชีวิตในอดีต ไม่มีการวางแผนว่าวันพรุ่งนี้จะต้องกินอะไร  ไม่มีการชิงไหวชิงพริบเอากับใครเพราะชีวิตในขณะนี้มีความสุขและเต็มเปี่ยมแล้ว


           ครูบาอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาท่านเคยกล่าวไว้ว่า  บุคคลที่มีวาสนาในทางธรรมมาแต่อดีตชาติ  หากเกิดมาชาตินี้ยังหลงอยู่ในทางโลกนานเกินไป  จะต้องมีโรคภัยมาเบียดเบียนให้เกิดความสลดสังเวช เพื่อเร่งรัดให้หันหน้าสู่ทางธรรมเพื่อสร้างบารมีต่อ ตามความตั้งใจเดิมที่เคยอธิษฐานไว้ก่อนจะจุติหรือมาปฏิสนธิในครรภ์ของมารดาในชาตินี้


           หากบุคคลนั้นมัวประมาทในชีวิตไม่เร่งทำความดี  จะต้องถูกเบียดเบียนบีบคั้นด้วยโรคภัยและความผิดหวังอย่างสาหัสที่แตกต่างจากคนธรรมดา  จะถูกจำกัดบารมีให้ต้องพบกับความผิดหวัง อกหัก  หารักแท้ไม่ได้  ทำอะไรก็ล้มเหลวผิดหวังเรื่อยไป  บางคนแม้จะพบกับความสำเร็จหรือมีอะไรมากมาย แต่ก็หาความสุขใจได้ยาก


           จนกว่าบุคคลนั้นจะยอมมอบกายถวายชีวิตให้แก่พระรัตนตรัย  มีความอ่อนน้อมเคารพต่อพระอริยเจ้าที่ท่านสั่งสอนอบรมด้วยความเมตตา  ลดละพยศและทิฐิมานะของตนจนจิตอ่อนโยนกลายเป็นคนใหม่  ได้อยู่ในเส้นทางแห่งบุญกุศลและค้ำจุนพระศาสนาตามที่จิตเดิมเคยอธิษฐานมา  หลังจากนั้น ความอาภัพในชีวิตทั้งปวงจึงจะหายไป


          ชีวิตของบุคคลประเภทนี้  จะมีความคิดความอ่านหรือมีลักษณะต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ ทำอะไรก็ทุ่มเทสุดหัวใจและมีความรับผิดชอบสูงยิ่งนัก  เป็นคนกลัวบาปกลัวกรรมและชอบใฝ่ในบุญกุศลอยู่ในอุปนิสัยโดยไม่ต้องมีใครคอยสั่งสอนหรืออบรม


             บางครั้งในสายตาพี่น้องเพื่อนฝูงหรือคนทั่วไป จะมองว่าเขาเป็นคนโง่ที่มีแต่ทำเพื่อผู้อื่นแต่ตัวเองก็ไม่เห็นเก็บสะสมอะไร มีแต่ให้กับให้จนเป็นที่หงุดหงิดหัวใจของพี่น้องเพื่อนฝูงที่เขาเกิดความตระหนี่นึกเสียดายแทน นี้คือจิตสำนึกเดิมในอดีตของคนประเภทนี้ที่เคยบริจาคและเสียสละจนเป็นอุปนิสัย   ซึ่งเมื่อหมดวิบากกรรมเมื่อไหร่เขาก็จะได้พบทางสว่างเข้าสู่ทางธรรม


            ชีวิตในการเดินไปบนวิถีของชาวโลกเป็นแบบหนึ่ง  ต้องมีการวางแผน มีการคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้ หรือคำนึงถึงกำไรขาดทุนเป็นหลัก  เป็นเส้นทางที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ายิ่งนัก  เต็มไปด้วยความวิตกกังวล มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ  ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกคับแคบและตีบตัน


            ส่วนเส้นทางแห่งทางธรรม  อันเป็นเส้นทางแห่งอริยะอันประเสริฐ  เป็นการมีชีวิตอยู่กับความมีสติในปัจจุบัน  ไม่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เป็นชีวิตที่เต็มเปี่ยมแล้วตลอดเวลา  มีแต่การไว้วางใจต่อมีชีวิตในขณะนี้ ที่อยู่เหนือการได้ การเสีย หรือกำไรขาดทุน

 
            ในทางธรรมหรือเส้นทางอันเป็นมรรคาของพระอริยเจ้านี้ ไม่มีการคาดหวังผลตอบแทนที่จะได้รับไว้ล่วงหน้า ผลแห่งบุญที่บำเพ็ญไว้ดีแล้วด้วยความบริสุทธิ์แห่งเจตนา  จึงมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ดุจท้องฟ้า ที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์เสมอมาและไร้ขอบเขตตลอดกาล

 

                                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                                            ๕  สิงหาคม  ๒๕๕๗