ก้อนหินริมทางเดิน
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ก้อนหินริมทางเดิน
ก้อนหินอันขะมุกขะมอมไม่เคยมีใครให้ความสำคัญ ไม่มีแม้แต่จะต้องการทำความรู้จัก ไม่เคยมีใครจะสนใจไต่ถามทายทัก ไม่เคยมีสายตาคู่ใดที่จะมอบความรักให้แม้แต่น้อย
มีบางคราวอาจมีชายชราก้มลงคว้าเอาเพื่อขว้างปาสุนัข มีบางคราวอาจมีหญิงสาวก้มลงเก็บอย่างอ่อนโยนเป็นการทายทักทำความรู้จัก แต่เธอก็ส่งสายตาอันประกอบด้วยความรักความเมตตาประคองไว้ในอุ้งมือเพียงชั่วครู่ ในที่สุดแล้วก็โยนไว้ข้างทางตามเดิม
บัดนี้ สวนดอกไม้ข้างทางที่ใครต่อใครต่างพุ่งสายตาและให้ความสำคัญยิ่งนัก ได้ถูกตัดไปขายและสุดท้ายได้ร่วงโรยและเหี่ยวเฉาไปหมดแล้ว
ส่วนก้อนหินอันมอมแมมที่ถูกมองข้ามอยู่ริมทางเดินและไม่เคยอยู่ในสายตาของใครๆ ยังคงหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะกี่สักฤดูที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่ก้อนหินที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของมนุษย์คนใด กลับดำรงอยู่อย่างสงบท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ไม่เคยมีวันใดที่ต้องพานพบกับความเหี่ยวเฉาโรยรา
ความสุขของมนุษย์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าต้องเป็นคนสำคัญในสายตาของใครๆ หรือต้องได้แสดงบทบาทเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้คนและสังคมเสมอไป
ความต้องการเป็นคนสำคัญ ย่อมทำให้จิตใจเกิดความกระวนกระวาย ยากจะพบกับความสงบร่มเย็นภายใน ต้องหากิจกรรมทำเพื่อให้ตนเองรู้สึกว่ามีคุณค่าและมีความสำคัญอยู่เรื่อยไป
นี้คือความทุกข์ของผู้คนสมัยใหม่ ที่อยู่ท่ามกลางเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย แต่หัวใจกลับมีแต่ความกังวลและฟุ้งซ่านวุ่นวาย เพราะมุ่งขวนขวายที่จะหากิจกรรมและแสดงบทบาท เพื่อให้ได้รับความสำคัญจากสังคมและใครต่อใครไม่เว้นแต่ละวัน
สิ่งที่ดึงดูดและเรียกร้องความสนใจจากสายตาของคนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่มีความยั่งยืน ดุจเดียวกับสวนดอกไม้ที่ถูกตัดไปขายและร่วงโรยเหี่ยวเฉาไปหมดแล้ว
ส่วนการดำรงอยู่ท่ามกลางความต่ำต้อยและไม่อยู่ในสายตาของมนุษย์คนใด กลับมีความมั่นคงและสดใส เหมือนก้อนหินที่ถูกฝนชะล้างให้สะอาดผุดผ่อง ที่วางอยู่ริมทางเดินอย่างสงบและมั่นคง
วิถีแห่งชาวโลก ต้องมีกิจกรรมและต้องได้แสดงบทบาทอวดสายตาของใครต่อใคร ต้องได้แสดงว่าตนคือผู้ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญมาก จึงจะมีความสุขและปลื้มปีติใจ ที่ได้รับความสนใจจากสังคมและผู้คนที่มากมาย
ชาวโลกจึงชอบจัดงานฉลองและงานสังสรรค์หรือชอบสรรหากิจกรรมมาทำกันอยู่เรื่อยไป เพื่อที่ตนจะได้รับความสำคัญหรือได้รับความสนใจท่ามกลางผู้คนที่รายล้อมอยู่มากหน้าหลายตา
แต่วิถีแห่งธรรมของผู้เดินตามรอยแห่งอริยะ ความสุขของท่านคือการสามารถที่จะซ่อนเร้นความสำคัญ หรือซ่อนตัวอยู่อย่างต้อยต่ำให้พ้นจากสายตาของใครๆ เช่นเดียวกับก้อนหินก้อนนั้น
ชีวิตของผ้าขี้ริ้วห่อทองหรือเพชรที่ซ่อนอยู่ในดินที่ไม่มีใครมองเห็นความสำคัญ สำหรับท่านผู้มีดวงจิตอันประเสริฐและงดงามเหล่านั้น กลับอิสระปลอดโปร่งและเบิกบาน กว่าการเป็นสร้อยคอหรือเป็นแหวนประดับ ที่เจ้าของผู้สวมใส่ชอบพาไปโอ้อวดใครต่อใครหลายเท่านัก
อย่าเอาแต่มุ่งจะเป็นสร้อยคอ หรือแหวนเพชรประดับนิ้วเรียวงามของเศรษฐีจนเกินไปนัก จงเริ่มต้นรู้จักความสุขของก้อนหินที่ไม่เคยมีใครทายทัก แต่สงบนิ่งอย่างมั่นคงอยู่ริมทางเดินโดยไม่เคยสนใจความรักและความชังของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาในแต่ละวันให้มากขึ้น
ความสุขของก้อนหิน เกิดจากการได้ช่วยชายชราขว้างปาสุนัขเป็นครั้งคราว ความสุขของก้อนหินคือการได้อยู่ในอุ้งมืออันบอบบางของหญิงสาว ก้อนหินได้รับความรัก ความนุ่มนวลความอ่อนโยน ความอบอุ่นเพียงชั่วคราว แล้วเธอก็โยนไว้ข้างทางปล่อยให้ก้อนหินได้เผชิญกับความเหน็บหนาว แสงแดด และสายฝนอย่างเป็นธรรมชาติตามเดิม
เราพากันดิ้นรนไขว่คว้าแสวงหาความสุขจากการเป็นดอกไม้ เพื่อเรียกร้องสายตาของใครต่อใครจนเหนื่อยล้าไปทั้งชีวิตกันมามากแล้ว ต่อไปนี้จงหันมาทำความรู้จักกับความสุขของก้อนหินริมทางเดินอันไม่มีภาระหนักหน่วงของหัวใจให้ยิ่งขึ้น
ความสงบสุขที่ได้มาโดยเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องคอยแสดงบทบาทเพื่อให้ได้รับความสนใจจากใครต่อใคร ความสุขที่ไม่ต้องคอยหวั่นไหวว่าจะไม่มีใครให้ความสำคัญ
ยามต้องทำหน้าที่ช่วยชายชราขว้างปาสุนัข ก้อนหินก็อาจหาญเต็มใจและทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ยามต้องเจียมตัวทำตนให้น่ารักยามอยู่ในอุ้งมือของนารี ก้อนหินก็เต็มไปด้วยความสุภาพและปลื้มปีติยินดี หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ก้อนหินก็เต็มใจและยินดีอย่างไม่มีแง่งอนและเงื่อนไข ที่จะได้ไปอยู่ข้างทางอย่างสงบตามเดิม
การปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ คือการอยู่กับความจริงได้กับทุกปรากฏการณ์ ก้อนหินก้อนนั้นคือครูผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ที่กำลังสอนเราว่า จงอยู่ได้เสมอไม่ว่าชีวิตในช่วงเวลานี้ จะเป็นยามเหน็บหนาว จะเป็นคราวฝนกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา จะเป็นยามที่กำลังมีความร้อนแรงแห่งแสงแดดอันแผดกล้า ที่กำลังกระหน่ำลงมาเผาลนผืนดิน
อยู่อย่างก้อนหินที่ไม่มีคนสนใจ อยู่อย่างก้อนหินที่ไม่มีการเรียกร้องให้ใครมาให้ความสำคัญ ไม่พะวงหรือใส่ใจว่าจะมีใครให้ความรักหรือเอาใจใส่ ความสุขของก้อนหินคือการไม่ต้องการมีความสำคัญในสิ่งใด ไม่หวั่นไหวแม้ว่าใครจะเหยียบย่ำผ่านเลยไปหรือชื่นชม
นี้คือความสุขอันสงบมั่นคงและยิ่งใหญ่ของเหล่าพระอริยเจ้าทั้งหลาย ที่มหาชนน้อมเศียรกราบไหว้เคารพบูชา ที่ท่านได้เมตตากรุณาและเสียสละ ในการดำรงและสืบอายุพระศาสนามาจนถึงพวกเราจวบปัจจุบัน
คุรุอตีศะ
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗