ชีวิตนี้มีทางออก

ชีวิตนี้มีทางออก

 


          อาจมีอยู่บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม  คนเราส่วนใหญ่มักจะเอาใจไปจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดนั้น  ย้ำคิดย้ำทำ  อันเป็นการยิ่งซ้ำเติมให้ตัวเองเป็นทุกข์ จมอยู่กับความซึมเศร้าเฝ้าแต่เสียใจ  และมักจะพยายามเฝ้าเพียรสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอ


          แม้เราจะรู้ดีว่าคำตอบที่พยายามสรรหามาอธิบายให้กับตัวเองนั้น  ไม่อาจทำให้หลุดพ้นจากความเศร้าเสียใจได้  แต่เราก็มักพอใจที่จะพร่ำรำพันและจมอยู่กับความเศร้านั้น  เรากลายเป็นทาสของมันอย่างไม่รู้ตัวและติดกับดักแห่งความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


            รู้ว่าเสียใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา  แม้รู้ทั้งรู้ว่าเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้   แต่ทำไมเราจึงยอมเลือกที่จะเป็นทุกข์กับการเสียใจ  และทำให้ชีวิตแต่ละวันที่ผ่านไปนับวันแต่จะแย่ลงยิ่งกว่าเดิม


           เพราะเราไม่รู้ว่า “เราจะเริ่มต้นใหม่ตรงไหน” ทั้งๆที่รับรู้รสชาติของความขมขื่นมากมายเพียงใด  เราจึงทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิต  แต่ละชั่วโมง แต่ละนาทีที่ผ่านไปจึงมีแต่ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น


          ลองหันมองวิถีของดอกทานตะวันดูบ้าง  ดอกทานตะวันช่างมีแต่ความเบิกบาน เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับแสงตะวันที่กำลังฉายฉาน  แสงตะวันคือแสงสว่างที่ส่องนำทางให้แก่ชีวิตทุกชีวิต

 
           ทานตะวัน “ยังคงมีชีวิต”  แม้ในยามที่ดอกทานตะวันได้ร่วงโรยไปแล้ว  ที่ทานตะวันยังคงมีชีวิต ก็เพราะแม้จะร่วงโรยไป แต่ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธุ์ไว้เพื่อมีทานตะวันดอกใหม่ที่จะงอกงามเจริญเติบโต และรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง


            ดังนั้น  เมื่อชีวิตเกิดความผิดพลาด  เราอย่าปิดโอกาสของตัวเองและหมกจมอยู่แต่กับอดีตที่ผันผ่าน  อย่าคิดว่าชีวิตของเราจะเริ่มต้นใหม่อีกไม่ได้  อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการจมอยู่กับความเสียใจ อย่าปล่อยให้ชีวิตล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย  เพราะคุณค่าของชีวิตยังมีหลายสิ่งอีกมากมายที่รอให้เป็นส่วนหนึ่งของความสมหวังและความสุข ขอเพียงเราเชื่อมั่นและกล้าเปิดใจต้อนรับมัน


              จงใช้ชีวิตให้เป็นดั่งเช่นดอกทานตะวัน  เลือกที่จะอยู่อย่างเบิกบานคู่กับแสงตะวันอยู่เสมอ  ยามสิ้นแสงตะวันและค่ำคืนมาเยือน  ดอกทานตะวันก็พักผ่อนไปกับดวงตะวันที่หยุดพักการส่องแสงชั่วคราวเช่นกัน  เมื่อรุ่งอรุณแห่งวันใหม่พร้อมเสียงไก่ขัน  ดอกทานตะวันก็ต้อนรับแสงตะวันด้วยความรัก ความเบิกบาน และความเข้าอกเข้าใจต่อกันเหมือนทุกวันเช่นเคย


             ดอกทานตะวันพยายามบอกเราว่า แม้จะมีความผิดพลาดและประสบกับเรื่องราวที่ทำให้เสียใจ  แต่ชีวิตก็สามารถเริ่มต้นใหม่และมีทางออกเสมอ  แม้บางครั้งชีวิตจะอับจนต่อหนทางเพียงใด  แสงสว่างแห่งดวงตะวันก็จะคอยส่องทางให้เราพบกับทางออกอย่างแน่นอน


           หลายๆครั้งในชีวิตของเรา  อาจถูกผู้คนไม่แยแส ถูกเหยียบย่ำและดูหมิ่นดูแคลน  ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของตัวเราลดน้อยลง  แต่ขอให้มั่นใจเถิดว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นในชีวิตของเราหรืออะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต  เราไม่เคยสูญเสียคุณค่าของตัวเราแม้แต่น้อย  เราคือคนพิเศษ  อย่าลืมคุณค่าของตัวเองในข้อนี้ไปจนตลอดชีวิต


            ชีวิตนี้ยังคงเปี่ยมด้วยคุณค่า  มีความหมาย  และมีทางออกเสมอ  ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังคงมีทิศตะวันออก


            จงอย่านำเอาความผิดหวังของเมื่อวาน  มาบดบังความฝันอันสวยงามของเราในวันพรุ่งนี้


           จงลุกขึ้นแล้วสลัดความทุกข์ทั้งมวลออกไปจากหัวใจ  ยิ้มน้อยๆในดวงใจ แล้วมอบรอยยิ้มออกไป


            เมื่อหัวใจของเรามีความสวยงามขณะใด  โลกใบนี้ก็จะสดใสและสวยงามตามหัวใจและรอยยิ้มของเราเสมอ

 

                                                                 ดาบสนิรนาม
                                                           ๒๗  มิถุนายน  ๒๕๕๗