กว่าจะข้ามพ้นโคลนตม
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
กว่าจะข้ามพ้นโคลนตม
สำหรับผู้มีวาสนาเกิดมาเพื่อมุ่งบำเพ็ญเพียรทางจิตสู่ความหลุดพ้นในชาตินี้ ธรรมะที่จะเกื้อกูลแก่วาสนาบารมี ต้องมีโอกาสได้สดับพระธรรมที่ทำให้เห็นทุกข์โทษของกามและเห็นอานิสงส์ของการออกบวช จิตจึงจะน้อมไปในการมองเห็นทุกข์โทษของการครองเรือน
การปฏิบัติพระกรรมฐานในสายเถรวาท โดยเฉพาะในแถบประเทศไทย ลาว พม่า กัมพูชา และศรีลังกา ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่จะมุ่งสอนธรรมะไปสู่ความหลุดพ้น โดยเน้นให้ผู้ที่ออกบวชได้มองเห็นทุกข์โทษของกาม จนจิตเบื่อหน่ายคลายจางจากโลกียวิสัยและปรารถนาที่จะหลุดพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารในที่สุด
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผู้เป็นปรมาจารย์สายพระธุดงคกรรมฐาน คือตัวอย่างของพระมหาเถระในยุคนี้ ที่มีปฏิปทาในการปฏิบัติที่มุ่งสู่ความหลุดพ้นโดยตรง เส้นทางของท่านคือ "ทุกขาปฏิปทา" คือต้องปฏิบัติอย่างทุกข์ยากลำบาก ต้องเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเอาชีวิตเข้าแลก ดวงจิตจึงจะยอมละพยศและคุ้นเคยกับความไร้อัตตาของสรรพสิ่งที่มีมาแต่เดิม แต่เพราะอุปาทานความยึดมั่นจึงทำให้เกิดความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวเราของเราขึ้นมา อันเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทั้งมวล
หลวงปู่มั่น ท่านบรรลุพระอนาคามีเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ที่ถ้ำสาริกา จังหวัดนครนายก เมื่ออายุได้ ๔๘ ปี และบรรลุพระอรหันต์จิตพ้นจากอาสวะอย่างเด็ดขาด ณ ถ้ำดอกคำ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ ในขณะที่ท่านอายุได้ ๖๖ ปี
วันนี้เป็นวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ จึงอยากให้ทุกคนระลึกนึกถึงชีวิตของปวงเหล่าพระอรหันต์ทั้งหลาย ทั้งสายหลวงปูมั่นและสายอื่นที่มิได้เอ่ยนามครูบาอาจารย์ผู้หลุดพ้นเหล่านั้นในที่นี้ ขอให้น้อมใจของเราให้มีความปลอดโปร่งจากความรักความใคร่ความเสน่หา ที่มีอิทธิพลรัดรึงพันธนาการและบีบคั้นหัวใจให้ต้องสูญเสียน้ำตามาชาติแล้วชาติเล่า แม้ว่าชีวิตจริงของเราขณะนี้จะเป็นคนมีครอบครัวหรือไม่มีครอบครัวก็ตาม
แม้ดวงจิตของเรายังไม่อาจหลุดพ้นไปได้ตามอย่างพระอรหันต์ทั้งหลายในตอนนี้ แต่เราก็จะพากเพียรบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เว้นห่างจากกามารมณ์ในบางโอกาสโดยเฉพาะในวันพระตามวิถีอันเร้นลับของภูมิปัญญาแห่งบรรพกาล เพื่อให้ดวงจิตของเรามีอานุภาพสูงขึ้น
แม้เราจะไม่อาจละเว้นได้สำเร็จเด็ดขาดทั้งกายและใจ เหมือนท่านผู้มีภูมิจิตถึงขั้นพระอนาคามีแล้ว แต่อานิสงส์แห่งจิตที่ผ่องแผ้ว อันเกิดจากเจตนาอันเป็นกุศล ที่เรางดเว้นในสิ่งที่งดเว้นได้ยากของฆราวาสวิสัย ก็จะมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ติดตัวไปในภายหน้า
อย่างน้อยจะทำให้คู่สามีภรรยาเกิดความเคารพและมีความเมตตาต่อกันมากขึ้น เกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจกัน ไม่ต้องมีความระแวงสงสัยให้หัวใจของเราต้องเป็นทุกข์ เทวดาก็จะคุ้มครองรักษาบุคคลทั้งสอง คุ้มครองครอบครัวและวงศ์ตระกูลอีกด้วย นี้คืออานิสงส์ของเนกขัมมะบารมี สำหรับผู้ที่ยังยินดีในการครองเรือนซึ่งไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงให้เรารู้ถึงอานิสงส์ข้อนี้เท่าใดนัก
ในวันพระเช่นนี้ เราควรถือเป็นโอกาสในการยกจิตของเราให้สูงขึ้นด้วยเนกขัมมะบารมี จิตใจของเราจะปลอดโปร่งและสงบเหมือนเป็นพระพรหมชั่วคราว จิตที่ปลอดโปร่งจากกามฉันทะนิวรณ์เช่นนี้แหละที่คนเราในสังคมปัจจุบันน้อยคนจะรู้จักและได้สัมผัส เราจึงพากันมีแต่ความวิตกกังวลและหม่นหมองซึมเศร้าให้เห็นกันอยู่เป็นส่วนมาก เราจึงมีความทุกข์จากความรักความเสน่หากันมากมายอยู่ทั่วไปทั้งวัยรุ่น หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ หรือแม้แต่คนสูงอายุแล้วบางคนก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนี้
ครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณ ท่านมักอบรมพระภิกษุด้วย "อุปมาโทษของกาม"บ่อยๆเนืองๆ พระภิกษุยุคสมัยที่ผ่านมาท่านจึงน่าเคารพน่ากราบน่าไหว้ เพราะท่านได้รับการฝึกฝนจิตมาอย่างดีจากอาจารย์ผู้ทรงภูมิจิตภูมิธรรม เวลาท่านสอนพระหนุ่มๆท่านจะพร่ำสอนอุปมาโทษของกาม ๑๐ อย่างไปพร้อมกับการฝึกสมาธิภาวนา โดยท่านจะยกพระสูตรว่าด้วยอุปมาโทษของกาม ๑๐ ประการมาแสดงให้ฟัง โดยท่านจะยกเปรียบเทียบให้เห็นทุกข์โทษของกามว่ามีคุณน้อยและมีทุกข์โทษมากกว่า ดังนี้
๑. กามเปรียบเหมือนท่อนกระดูกเปล่า ไม่มีเลือดและเนื้อติดอยู่
๒. กามเปรียบเหมือนชิ้นเนื้อที่แร้งหรือเหยี่ยวคาบบินมา
๓. กามเปรียบเหมือนคนถือคบเพลิงที่ทำด้วยหญ้าลุกโพลงเดินทวนลมไป
๔. กามเปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิงอันร้อนแรง
๕. กามเปรียบเหมือนความฝัน
๖. กามเปรียบเหมือนสมบัติที่ยืมเขามา
๗. กามเปรียบเหมือนต้นไม้มีผลดกอยู่ในป่า
๘. กามเปรียบเหมือนเขียงสับเนื้อ
๙. กามเปรียบเหมือนหอกและหลาว
๑๐. กามเปรียบเหมือนหัวงูพิษ
ธรรมะเช่นนี้ย่อมมีแต่พระภิกษุผู้ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์แล้วเท่านั้นจึงจะได้ฟัง ด้วยเหตุนี้พระภิกษุที่ออกบวชตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม แต่เมื่อท่านเป็นผู้มีบุญวาสนาบำเพ็ญมาดีแต่อดีตชาติและได้พบครูบาอาจารย์ผู้ทรงภูมิจิตภูมิธรรม ท่านจึงมีวาสนาบรรลุปฐมฌานหรือไม่เยื่อใยในกามารมณ์ หลังจากนั้นท่านก็ยกจิตเข้าภูมิวิปัสสนา จนดวงจิตรู้แจ้งแทงตลอดเข้าสู่ภูมิของพระอริยบุคคลต่อไป
บางองค์บางท่านแม้จะเข้าสู่อริยมรรคเบื้องสูงยังไม่ได้ แม้บรรลุเพียงชั้นพระโสดาบันบุคคล แต่ท่านจะมีความมั่นคงในพระศาสนาและเข้าถึงความรักแท้แห่งพุทธะ ที่ความรักแบบทางโลกไม่สามารถดึงท่านลงสู่ที่ต่ำได้อีก
กว่าดวงจิตของปุถุชนคนหนึ่งจะก้าวข้ามโคลนตมคือกาม ไปสู่ผู้พ้นแล้วจากกามทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งและน้อยคนนักจะมีวาสนาเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้เราทั้งหลายจึงพากันน้อมกราบเทิดทูนบูชาปวงเหล่าพระอริยเจ้าทั้งปวงเพื่อน้อมเอาคุณธรรมของท่านเข้ามาสู่ชีวิตจิตใจของเราทีละน้อย
วันนี้เรายังเป็นอย่างนี้อยู่ เราก็มีชีวิตอยู่ในความเป็นจริงและหมั่นเจริญสติภาวนาไป เมื่อถึงวันหนึ่งทุกสิ่งได้เหตุได้ปัจจัย อานิสงส์ของการเจริญสติไว้ ก็จะทำให้เรากลายเป็นพระอริยบุคคลในวันหนึ่ง
ท่านที่เกิดมามีวิถีชีวิตเฉพาะที่จะต้องเป็นครูบาอาจารย์ ท่านจำต้องเรียนรู้ ต้องผ่านอุปสรรคและต้องมีคุณสมบัติมากมายหลายอย่างเพื่อการทำงานอุทิศให้พระศาสนา แต่สำหรับบุคคลธรรมดา ย่อมไม่จำเป็นต้องทำอะไรหนักหน่วงมากมาย เหมือนชีวิตของท่านที่เกิดมาเพื่อเป็นครูของคนอื่นแบบนั้นแต่อย่างใด
หน้าที่ของเราไม่ใช่การไปทำอะไรเลียนแบบหลวงปู่มั่นหรือครูบาอาจารย์บางท่าน เพราะเราไม่ใช่หลวงปู่มั่นหรือครูบาอาจารย์เหล่านั้น ที่บัดนี้ยุคสมัยและสภาพสังคมสิ่งแวดล้อมต่างกันอย่างมาก แต่หน้าที่ของเราคือ ระลึกรู้ตัวอยู่เสมอและทำหน้าที่ในชีวิตประจำวันตามความเป็นจริง
ท่านผู้หลุดพ้นแล้วท่านพ้นแล้วจากความรักและความชัง แต่ในชีวิตจริงของเราทั้งหลายยังยินดีในความรักและความใคร่ หน้าที่ของเราจึงคือการเจริญสติและพัฒนาความรักที่มีอยู่ให้สะอาดและงดงามยิ่งขึ้นไป นั่นคือเป้าหมายและหลักชัยในการปฏิบัติธรรมตามความเป็นจริงของเรา
ดาบสนิรนาม
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๗