แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป
จะเคยยิ่งใหญ่รุ่งเรืองแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องหมดบุญหมดบารมีเสื่อมถอยลงไป ต้องปล่อยให้ดาวดวงใหม่เจิดจรัสขึ้นมาแทน
จากที่เคยโดดเด่นมีแต่คนสรรเสริญเยินยอว่าเป็นผู้สูงส่งและมีแต่ความดี เมื่อถึงวันหนึ่งก็อาจสูญสิ้นคำสรรเสริญและมิตรไมตรี มีแต่คำนินทาว่าร้าย คำถากถาง คำหยาบคาย คำดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือคำให้ร้ายป้ายสีทดแทน
ความยิ่งใหญ่ เมื่อถึงที่สุดแล้วก็ต้องกลับคืนสู่ความต่ำต้อยหรือความเป็นสามัญ เหมือนพลุตะไลที่ส่งเสียงดั่งสนั่นและส่องแสงสว่าง เมื่อพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าถึงจุดสูงสุด ก็ต้องร่วงลงสู่พื้นแล้วลาลับดับหายไป ไม่เหลือแสง ไม่เหลือเสียง มีแต่ความมืดและความเงียบสงัดกลับมาเป็นปกติดังเดิม
จะสูงส่งรุ่งเรืองสักแค่ไหน สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องผ่านไป กลายเป็นความปกติธรรมชาติที่มีแต่ความเป็นสามัญธรรมดามาแต่ดั้งเดิมเหมือนตอนเริ่มต้น ความสูงส่งรุ่งเรืองหรือความยิ่งใหญ่ เป็นเพียงฉากหนึ่งที่มาสร้างสีสรรให้ชีวิตนี้มีชีวิตชีวา ให้เรารู้สึกว่าชีวิตนี้มีคุณค่าและเกิดความภาคภูมิใจ
แต่ไม่พึงยึดถือสิ่งเหล่านั้นว่าจะยั่งยืนหรือจะอยู่ถาวรคู่กับเราตลอดไป ความรุ่งเรือง เกิดขึ้นแล้วก็ดับหายไป กลายเป็นความธรรมดาสามัญตามเดิม นี้ต่างหากคือความจริงอันเที่ยงแท้ของชีวิต
แม้ความทุกข์ยาก ความขัดสนยากจนที่ผู้คนต่างรังเกียจ ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปเช่นกัน มีคนที่เคยยากไร้มากมาย ต่อมาได้กลายเป็นเศรษฐีหรือคฤหบดีจนบางคนแทบจำไม่ได้แล้วว่า วันที่เคยบากหน้าไปเที่ยวขอยืมเงินชาวบ้าน สำหรับมาซื้อข้าวสารและน้ำปลาเพื่อมาต่อชีวิตผู้คนในครอบครัวเมื่อครั้งอดีตนั้น ว่าช่างมีความคับแค้นในหัวใจมากเพียงใด แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านไป ชีวิตในวันนี้เหมือนไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
จะมีความสุข มีอำนาจวาสนา มีความสูงส่งรุ่งเรืองสักเพียงใด แต่แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป ไม่มีสิ่งใดในสุริยจักรวาลนี้จะต้านทาน "กฎของอนิจัง"ไปได้ ทุกสิ่งต้องมีความผันแปรและเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะยอมรับความจริง โดยไม่ปฏิเสธหรือผลักต้านสิ่งใด จงเรียนรู้และเปิดใจกว้างออกไป ด้วยการยอมรับในสัจธรรมของชีวิตว่า "แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป"ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน
เมื่อมีความสุข อย่ายึดติดในความสุขนั้น หากวันใดความทุกข์หมุนเวียนสลับมาเยือน หัวใจจะได้ไม่หวาดหวั่นหรือหวาดกลัวจนเกินไปนัก
เมื่อมีความทุกข์ อย่าหมกจมกับความทุกข์นั้นจนเกินไป หากเรากล้าหาญและต้อนรับความทุกข์นั้นอย่างเต็มใจ เดี๋ยวไม่นานความทุกข์จะหายไป แล้วความสุขครั้งใหม่จะมาเยือนชีวิตของเรา
"ความสุข" แปลว่า "สิ่งที่ทนได้ง่าย" ส่วนคำว่า "ความทุกข์" แปลว่า "สิ่งที่ทนได้ยากหรือยากจะทน" ดังนั้น การที่เราต้องการความสุข ก็เพราะสิ่งนั้น เรารู้สึกทนได้ง่ายหน่อย ส่วนความทุกข์ไม่มีใครอยากได้หรืออยากเจอ เพราะเป็นสิ่งที่ทนยากหรือยากที่จะทนไหว เราจึงพยายามหนีความทุกข์หรือพยายามกลบเกลื่อนความทุกข์กันเรื่อยไป
แต่ไม่ว่าเราจะพากันเกลียดความทุกข์สักเพียงใด พยายามจะหลบลี้หรือหลีกหนีความทุกข์อย่างสุดชีวิตแค่ไหน ก็ไม่เห็นมีใครหนีความทุกข์ได้พ้นแม้แต่คนเดียว ยิ่งวิ่งหนีเท่าใด ก็ดูเหมือนความทุกข์จะวิ่งไล่ล่า ให้ต้องพากันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหนักยิ่งขึ้นมากกว่า
ทั้งนี้ก็เพราะว่า ความทุกข์เขาจะวิ่งเร็วกว่าคนที่วิ่งหนีเขาเสมอ ความทุกข์จะมีความสนุกสนานเป็นพิเศษในการวิ่งไล่ล่าผู้ที่วิ่งหนีเขาล้มลุกคลุกคลาน แต่ความทุกข์จะมีความยำเกรงผู้ที่สงบนิ่งไม่มองเขาเป็นศัตรู ความทุกข์จะเกรงกลัวคนที่สามารถครองสติไว้ได้ยามที่เขามาเยือน หากคนใดมีใจสูงส่งถึงขั้นมองเห็นเขาคือเพื่อน เขาจะยิ่งมาเยือนและทักทายโดยใช้เวลาสั้นที่สุดแล้วก็ลาจากไป
จะสุขแค่ไหน เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไปอยู่แล้ว จะทุกข์สักเพียงใด เดี๋ยวความทุกข์ก็สูญสิ้นไปในเวลาอีกไม่นานนัก ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้หรือคงทนถาวร ความสุขก็ต้องเปลี่ยนไป ความทุกข์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ขอจงตระหนักในความจริงในข้อนี้ไว้ แล้วท่องไว้ในใจอยู่เสมอว่า "เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป" นี้คือคาถาวิเศษที่จะป้องกันและขจัดความทุกข์ไปจากชีวิตของเรา
สูงส่งแค่ไหน ก็จะผ่านไป ต่ำต้อยเพียงใด ก็จะผ่านไป แม้รุ่งเรืองโดดเด่น ก็จะผ่านไป แม้ล่มจมล้มเหลว ก็จะผ่านไป ความผิดหวังก็จะผ่านไป ความสมหวังก็จะผ่านไป จะยุ่งยากเดือดร้อนสับสนสักเพียงใด สุดท้ายทุกอย่างก็จะผ่านไป ไม่เหลือสิ่งใดเที่ยงแท้ยั่งยืนและคงทนแม้แต่สิ่งเดียว
อย่ายึดติดทั้งสุขและทุกข์ที่ผ่านเข้ามา อย่ายึดติดต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่เกิดขึ้น อย่ายึดติดต่อความสมหวังหรือความพลาดหวังและความเสียใจนานา ปล่อยให้เขาเกิดขึ้นมา เผชิญหน้าและยอมรับเขาอย่างซื่อๆและไร้เดียงสา แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปอย่างสงบและงดงาม
สรรพสิ่งจะเกิดขึ้นมาสักกี่เรื่องราวในชีวิตนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์ ล้วนแล้วแต่ผ่านเลยไปทั้งสิ้น
จงปล่อยวางแล้วดำรงสติรู้สึกตัวไว้เสมอ นี้คือหลักใจของเรา แล้วความผิดหวังในชีวิตจะลดลงตามลำดับ
ในที่สุด ดวงใจของเราจะสูงส่งขึ้น จนกระทั่งความผิดหวังใดๆ ไม่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเราอีกแล้ว
คุรุอตีศะ
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗