วิสาขบูชา

วิสาขบูชา

 

               การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก  เนื่องจากกว่าจะมีผู้มีสั่งสมบุญญาภินิหารบำเพ็ญบารมีจนถึงขั้นจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้แต่ละครั้งแต่ละพระองค์นั้น  เป็นสิ่งที่ยากยิ่งนัก  แม้แต่พระพุทธเจ้าที่เป็นปัญญาธิกะอย่างพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้  ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าประเภทที่ยิ่งด้วยปัญญา สร้างบารมีอย่างเร็วที่สุด  ก็ยังต้องใช้เวลาถึง ๔  อสงไขย แสนกัป พระบารมีจึงเต็มเปี่ยมได้

 

               การอุบัติขึ้นของบุคคลที่หาได้ยากยิ่งนักในโลก  ย่อมมีความมหัศจรรย์ผิดมนุษย์สามัญธรรมดา การที่วันที่ทรงประสูติ  วันที่ทรงตรัสรู้  และวันที่ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน  ได้ตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ เหมือนกันทั้งสามวัน  จึงนับว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์  ที่มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ได้  ซึ่งในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติก็มีแต่พระองค์เท่านั้นเพียงพระองค์เดียวจวบถึงปัจจุบัน

 

             การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า  เป็นการเกิดขึ้นของแสงสว่างแห่งปัญญา  ที่โลกถูกปกคลุมด้วยอวิชชาอย่างมืดมิด  ดุจดังการเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ที่นำแสงสว่างและความอบอุ่นมาสู่โลก

 

             ความมืดมิดด้วยโมหะและอวิชชา  ที่ท่วมทับหัวใจของเหล่าสรรพสัตว์มาเป็นเวลานาน  ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้เลยว่า หนทางที่จะหลุดพ้นออกไปจากคุกอันยิ่งใหญ่คือวัฏฏสงสารนี้จะเดินไปทางใด  จนกระทั่งพระองค์ได้ตรัสรู้อริยสัจสี่ จึงได้ประกาศเส้นทางอันประเสริฐคืออริยมรรค แล้วแจกแจงแสดงธรรมโปรดไนยสัตว์  จึงทำให้มีผู้สามารถหลุดรอดออกจากคุกอันยิ่งใหญ่  ได้รับอิสรภาพทางจิตใจ พบกับแสงสว่างในชีวิตจำนวนมากมาย  ต่อเนื่องกันมาไม่ขาดสาย  จนบัดนี้เป็นเวลาถึง  ๒,๖๐๐ ปีแล้ว

 

             พระธรรมอันประเสริฐของพระองค์  ได้ช่วยเยียวยารักษาจิตใจของมวลมนุษยชาติ  จากหัวใจที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก  ได้คลายจากความเศร้าโศก  จากหัวใจที่มีแต่ความทุกข์ ความพิรี้พิไรรำพัน ได้คลายจากความพิรี้พิไรรำพัน   จากหัวใจที่เต็มไปด้วยความคับแค้น  ได้คลายจากความอึดอัดคับแค้น  พระธรรมของพระองค์ได้ช่วยปลอบประโลมและช่วยเยียวยารักษาหัวใจของมนุษยชาติได้อย่างอัศจรรย์

 

             หากไม่มีพระองค์อุบัติมาสู่โลกนี้แล้วตรัสรู้  สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดา  จะไม่สติปัญญาพอที่จะรู้ได้เลยว่า  "สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง" จะไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่า "สรรพสิ่งในโลกนี้หรือโลกไหน  ล้วนไม่มีความเป็นตัวตนที่แท้จริง  สรรพสิ่งล้วนเป็นสิ่งที่จิตดวงนี้ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่นทั้งสิ้น"  พระธรรมอันลุ่มลึกและอัศจรรย์เช่นนี้  ย่อมมีแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นจึงจะตรัสรู้แล้วสามารถนำมาแจกแจงแสดงเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ให้รู้เห็นตามได้ในภายหลัง  พระองค์จึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อสัตว์โลกทั้งปวงที่ไม่มีใครเสมอเหมือนได้เลย

 

               สิ่งที่เราจะพึงถือเอาสาระจากวันวิสาขบูชา  นอกจากการระลึกถึงว่าวันนี้เป็นวันที่พระองค์ประสูติ  ตรัสรู้  ปรินิพพาน  ตามที่เรามักพูดกันจนติดปากและชินหู  เราพึงยกจิตของเราให้สูงขึ้นตามรอยพระบรมครูของโลกด้วยการบำเพ็ญทาน  ศีล  ภาวนาให้ยิ่งขึ้น  ความทุกข์ ความติดข้อง ความหมองมัว แม้จะมีมากมายเพียงใด  จงดำรงสติตั้งมั่นไว้ พร้อมทั้งเข้าใจและปล่อยวางให้ทุกสิ่งเกิดและดับโดยตัวมันเอง

 

               อย่าปล่อยใจของเราให้จมอยู่กับความหม่นหมอง  จงมีศรัทธาว่าสักวันหนึ่งท้องฟ้าอันเป็นสีทอง จะมาเยือนชีวิตของเราเป็นแน่  แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักเพียงใดก็ขอจงอย่าท้อแท้  จงกล้าเผชิญต่อความผันแปร  ไม่มีการคุกเข่ายอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคขวากหนามใดๆ

 

              จงน้อมใจเอาพระบารมีของพระพุทธองค์ปกเกล้าเข้าคุ้มครอง  ยามหม่นหมองหรืออ่อนแอ  จงมีศรัทธาต่อพระพุทธองค์และคุณธรรมความดีไว้เสมอ  หากวันนี้จำต้องพลั้งพลาดล้มลง  ก็ของจงเข้มแข็งลุกขึ้นมาใหม่  แล้วแข็งใจก้าวเดินต่อไป  ในที่สุดความสำเร็จและความภาคภูมิใจย่อมเข้ามาสู่ชีวิตของเรา

 

              จงน้อมเอาวันวิสาขบูชาในปีนี้  เป็นปีแห่งความกล้าหาญและบากบั่นในการสร้างความดีและบุญบารมีให้ยิ่งขึ้น  อย่าให้สิ่งใดหรือบุคคลใดมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินบนหนทางแห่งความดีของเราได้  หากวันนี้ยังมีขวากหนามยากที่จะก้าวเดินไป  ก็จงเข้มแข็งหยุดยืนเพื่อรวบรวมกำลังใจสักครู่  เพื่อก้าวต่อไปที่มั่นคงกว่าเดิม

 

               วิสาขบูชามิใช่เพียงวันที่ให้เราจำได้ว่าเป็นวันประสูติ  ตรัสรู้   ปรินิพพานเท่านั้น  แต่วิสาขบูชาคือวันที่เราจะกล้าแกร่งและเข้มแข็งในการทำความดีและสร้างบุญบารมีให้สูงส่งยิ่งขึ้น  วิสาขบูชาคือวันที่เราจะสลัดทิ้งเสียซึ่งทุกข์ตรมและความเศร้าหมองทั้งปวง  แล้วมีชีวิตใหม่ด้วยความเป็นผู้มีสติและปัญญา

 

               คลื่นมรสุมที่ถาโถมเข้ามาสู่ชีวิตแม้จะมีกี่ระลอก  แต่นาวาชีวิตของเราลำนี้ของเราก็ฝ่ามรสุมเหล่านั้นมาได้เสมอทุกครั้ง  มรสุมลูกนี้ที่กำลังมาเยือน เราก็จะผ่านได้เช่นทุกครั้งไป  จงมีสติตั้งมั่นไว้  เดี๋ยวไม่นาน  คลื่นลมก็สงบลง  แล้วเราก็จะได้สัมผัสกับท้องฟ้าหลังฝนและหลังพายุ ที่งามจับตายิ่งกว่ายามใด

 

               วิสาขบูชาคือวันที่พระองค์ตรัสรู้และชนะหมู่มารคือสรรพกิเลสทั้งปวง  วันนี้จะเป็นวันที่ดวงใจของเราได้เกิดใหม่พบกับความสดใส  อันเป็นดวงใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวังและกำลังใจ  เพราะสามารถเอาชนะใจของตนเองได้และชนะต่ออุปสรรคขวากหนามทั้งปวง

 

               พระพุทธองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ  ได้ชนะสรรพกิเลสจนดวงพระหฤทัยผ่องแผ้วปราศจากธุลีคือความเศร้าหมองใดๆไปก่อนพวกเราแล้ว  ขอให้พวกเราได้น้อมจิตน้อมใจเอาความบริสุทธิ์และพระเมตตากรุณาของพระองค์ให้มาสถิตอยู่ในดวงใจของเรา

 

             แล้วเราจะเดินตามรอยพระพุทธองค์ไปด้วยการเจริญสติสมาธิภาวนา  จนกว่าจิตดวงนี้จะเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งสติและปัญญา เข้าถึงความสะอาด สว่าง สงบ ไม่มีความทุกข์ความเศร้าหมองใดมาแผ้วพานอีกเลยตลอดสาย

 

             นี้คือสาระแห่งวันวิสาขบูชา  ที่เราทั้งหลายได้พากันมาแสดงออกซึ่งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   จึงขออนุโมทนามา  ณ ที่นี้  โดยทั่วกัน

 

 

                                                                               คุรุอตีศะ

                                                                      ๑๓  พฤษภาคม  ๒๕๕๗