ใบเก่าร่วงหล่นไปใบใหม่จึงผลิบาน
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ใบเก่าร่วงหล่นไปใบใหม่จึงผลิบาน
ชีวิตคือการเลื่อนไหล การหยุดนิ่งหรือการไม่มีความเคลื่อนไหวคือจุดสุดท้ายของทุกสิ่ง เหตุที่ชีวิตมีความยิ่งใหญ่และทรงพลานุภาพ ก็เพราะชีวิตปราศจากการหยุดนิ่ง มีแต่การเลื่อนไหลและอยู่กับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สายน้ำช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมีชีวิตชีวา ก็เพราะสายน้ำมีการไหลต่อเนื่องไปไม่ขาดสาย แม่น้ำที่หยุดการไหลเวียนก็คือแม่น้ำตาย ต่อไม่นานก็ย่อมหมักหมม เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลและส่งกลิ่นเน่าเหม็น ดังนั้น การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของกระแสน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้แม่น้ำหรือสายน้ำนั้นทรงอานุภาพและเต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาตลอดคืนและวัน
ชีวิตที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ย่อมเหมือนแม่น้ำที่ตื้นเขินและเป็นแม่น้ำที่ตายแล้ว ชีวิตเช่นนั้นย่อมมีแต่ความดักดานและเสื่อมโทรมทั้งกายและใจ ผลสุดท้ายแม้จะยังมีลมหายใจ แต่ก็เหมือนชีวิตที่ตายแล้ว เพราะไร้พลังสร้างสรรค์ใดๆและไร้การเลื่อนไหล ไร้ความมีชีวิตชีวา
จงกล้าหาญที่จะยิ้มรับความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาเยี่ยมกรายแต่ละช่วงเวลาของชีวิต อย่ายึดติดว่าทุกสิ่งจะคงทนถาวรหรือเหมือนเดิมเหมือนวันคืนที่ล่วงเลยผ่านมาแล้ว จงกล้าที่จะสลัดสิ่งเก่าๆที่ถึงเวลาจะต้องหลุดร่วงไป เมื่อสิ่งนั้นเกินกว่าจะยื้อยุดฉุดรั้งไว้ จงปล่อยสิ่งนั้นไป เพื่อให้สิ่งใหม่ๆได้เข้ามาสู่ชีวิตของเราแทน
จงหันมองต้นไม้ใบหญ้า เหล่าพรรณพฤกษาที่รายล้อมอยู่นี้ ต้นไม่้ใบหญ้ายังแสดงสัจธรรมให้เราได้ตระหนักทุกเวลาและนาที ว่าสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่ว่าชีวิตของมนุษย์หรือพฤกษาล้วนต้องอยู่คู่กับความเปลี่ยนแปลง
ใบไม้เก่าที่เหลืองกรอบอยู่บนต้น ถึงวันหนึ่งก็ร่วงหล่นปลิวไปตามแรงลมร่วงลงสู่พื้น เมื่อใบเก่าได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่แล้วร่วงหล่นไป ต่อมาก็เริ่มมีใบใหม่ที่สดใสผลิบานขึ้นทดแทน
ตราบใดที่ใบเก่ายังไม่ร่วงหล่นไป ใบไม้ใบใหม่ที่เขียวสดใสย่อมไม่อาจแตกผลิขึ้นมาได้ ชีวิตของเราหากเต็มไปด้วยความยึดติด ไม่ยอมรับความจริง หรือไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงใดๆ ชีวิตใหม่อันสวยงามและสดใส ย่อมผลิบานหรือเกิดขึ้นมาไม่ได้ จนกว่าเราจะปล่อยวางให้ทุกสรรพสิ่งในชีวิตดำเนินไป ความมีชีวิตชีวา ความสดใส ความเต็มเปี่ยมในชีวิตจึงจะบังเกิดขึ้นมา
เราไม่ควรกลัวความเปลี่ยนแปลงในชีวิตจนเกินไปนัก เพราะทารกในครรภ์มารดาเผชิญต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างซื่อตรงมิใช่หรือ เมื่อครบกำหนดเวลาเก้าเดือนจึงคลอดออกมาสู่โลกภายนอกได้ เมื่อเด็กน้อยได้เผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงด้วยความสัตย์ซื่อต่อไป จากที่เคยนอนแบเบาะฝ่าเท้าเท่าฝาหอย จึงเติบใหญ่ กลายเป็นหนุ่มสาวที่แข็งแกร่ง เต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวาต่อมาเป็นลำดับ
ตอนที่เรายากจนอดมื้อกินมื้อ ก็เพราะอาศัยความเปลี่ยนแปลงมิใช่หรือ จึงลืมตาอ้าปากและมีรถยนต์ขับเป็นสมบัติส่วนตัวในวันนี้ได้ หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงสถิตอยู่ในโลกใบนี้ไซร้ เราก็ต้องมีชีวิตอดมื้อกินมื้อตลอดไป ไม่มีวันได้พบวันอิ่มท้องตลอดทั้งสามมื้ออย่างทุกวันนี้แน่นอน
ปุถุชนทั่วไปย่อมกลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะมีความยึดติดในความสุขไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงไปไหน แต่พระอริยเจ้าท่านเข้าใจกฎแห่งพระไตรลักษณ์ ท่านกลับที่จะรู้จักขอบคุณความเปลี่ยนแปลงเสมอไป ชีวิตและหัวใจของท่านจึงสดใหม่และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกสถานการณ์
อาจเพราะเรายึดติดความสุขในปัจจุบันจนเกินไป จึงเต็มไปด้วยความหวั่นไหวและวิตกกังวลอยู่เสมอ เหตุใดจึงไม่ลองเปลี่ยนมุมมองหรือเปลี่ยนทัศนคติใหม่ดูบ้าง เพียงเราไม่ยึดติดและปล่อยวาง ความสุขและสิ่งดีๆที่รออยู่ข้างหน้า อาจสุขกว่าและดีกว่าสิ่งที่เรายึดติดอยู่ในวันนี้ก็ได้
จงกล้ายอมรับความจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับชีวิต อย่ายึดติดว่าจะต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น อย่าคิดว่าจะต้องพบแต่สิ่งดีๆไปทุกวัน บางครั้งมีลมพายุหรือฟ้าลั่น ก็เป็นสิ่งมาเติมสีสรรให้แก่ชีวิตของเราเช่นกัน ขอเพียงเราเปิดใจกว้างออกให้มากกว่าวันที่ผ่านมา
หากใบไม้ใบเก่าไม่ยอมร่วงหล่นไป ไฉนเลยใบไม้ใบใหม่จะงอกและผลิบานขึ้นมาได้ ขอเพียงเรากล้าหาญในการเผชิญต่อความเป็นจริงและกล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงไว้ในใจ ชีวิตใหม่และความเจริญเติบโตแห่งจิตวิญญาณภายใน จะอุบัติขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สถิตกลางดวงใจของเรา
มีสติระลึกรู้ต่อทุกปรากฏการณ์ที่ผ่านเข้ามา โดยไม่เลือกว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นความสมหวังหรือความผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์แห่งความรักหรือความชัง ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตในขณะนี้นั้นจะเรียกว่าความล้มเหลวหรือความสำเร็จ
ปล่อยให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย และจงอยู่ท่ามกลางสิ่งนั้นตามความเป็นจริงไว้เสมอ ไม่ต้องกอดรัดเอาสิ่งใดไว้ และไม่พยายามปฏิเสธหรือผลักไสสิ่งใดออกไป นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อันเป็นบ่อเกิดแห่งพลังสติ พลังสมาธิ และพลังแห่งปัญญา
จงปล่อยให้ใบเก่าร่วงหล่นไป เพื่อใบใหม่อันสดใสผลิบานขึ้น ความงดงามของชีวิตย่อมคือการเลื่อนไหลไป ดุจสายน้ำทีไหลเอื่อยไม่ขาดสาย ชีวิตนี้จึงสดใสและเต็มเปี่ยมด้วยพลังเสมอมา
การงานในภายนอกยังคงดำเนินไปตามปกติ แต่ภายในหัวใจที่เข้าใจสัจธรรมของชีวิต ย่อมปล่อยวางและเลื่อนไหลไปไม่ขาดสายดุจสายน้ำ ที่อ่อนโยนแต่มั่นคงเสมอ
ชีวิตเช่นนี้แหละที่จะไม่กลัวหรือหวาดวิตกต่อความเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะทราบชัดในความจริงของสรรพสิ่งแล้วว่า "เมื่อใบเก่าร่วงหล่นไป ใบใหม่ก็จะงอกและผลิบานขึ้นมา"
คุรุอตีศะ
๒๙ เมษายน ๒๕๕๗