ใบเก่าร่วงหล่นไปใบใหม่จึงผลิบาน

ใบเก่าร่วงหล่นไปใบใหม่จึงผลิบาน

 

 

                ชีวิตคือการเลื่อนไหล  การหยุดนิ่งหรือการไม่มีความเคลื่อนไหวคือจุดสุดท้ายของทุกสิ่ง  เหตุที่ชีวิตมีความยิ่งใหญ่และทรงพลานุภาพ  ก็เพราะชีวิตปราศจากการหยุดนิ่ง    มีแต่การเลื่อนไหลและอยู่กับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

 

                  สายน้ำช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมีชีวิตชีวา  ก็เพราะสายน้ำมีการไหลต่อเนื่องไปไม่ขาดสาย  แม่น้ำที่หยุดการไหลเวียนก็คือแม่น้ำตาย  ต่อไม่นานก็ย่อมหมักหมม เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลและส่งกลิ่นเน่าเหม็น  ดังนั้น  การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของกระแสน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญ  ทำให้แม่น้ำหรือสายน้ำนั้นทรงอานุภาพและเต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาตลอดคืนและวัน

 

                  ชีวิตที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง  ย่อมเหมือนแม่น้ำที่ตื้นเขินและเป็นแม่น้ำที่ตายแล้ว  ชีวิตเช่นนั้นย่อมมีแต่ความดักดานและเสื่อมโทรมทั้งกายและใจ  ผลสุดท้ายแม้จะยังมีลมหายใจ  แต่ก็เหมือนชีวิตที่ตายแล้ว  เพราะไร้พลังสร้างสรรค์ใดๆและไร้การเลื่อนไหล  ไร้ความมีชีวิตชีวา

 

                 จงกล้าหาญที่จะยิ้มรับความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาเยี่ยมกรายแต่ละช่วงเวลาของชีวิต  อย่ายึดติดว่าทุกสิ่งจะคงทนถาวรหรือเหมือนเดิมเหมือนวันคืนที่ล่วงเลยผ่านมาแล้ว  จงกล้าที่จะสลัดสิ่งเก่าๆที่ถึงเวลาจะต้องหลุดร่วงไป  เมื่อสิ่งนั้นเกินกว่าจะยื้อยุดฉุดรั้งไว้  จงปล่อยสิ่งนั้นไป  เพื่อให้สิ่งใหม่ๆได้เข้ามาสู่ชีวิตของเราแทน

 

                  จงหันมองต้นไม้ใบหญ้า เหล่าพรรณพฤกษาที่รายล้อมอยู่นี้  ต้นไม่้ใบหญ้ายังแสดงสัจธรรมให้เราได้ตระหนักทุกเวลาและนาที  ว่าสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่ว่าชีวิตของมนุษย์หรือพฤกษาล้วนต้องอยู่คู่กับความเปลี่ยนแปลง

 

                   ใบไม้เก่าที่เหลืองกรอบอยู่บนต้น  ถึงวันหนึ่งก็ร่วงหล่นปลิวไปตามแรงลมร่วงลงสู่พื้น  เมื่อใบเก่าได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่แล้วร่วงหล่นไป  ต่อมาก็เริ่มมีใบใหม่ที่สดใสผลิบานขึ้นทดแทน

 

                   ตราบใดที่ใบเก่ายังไม่ร่วงหล่นไป  ใบไม้ใบใหม่ที่เขียวสดใสย่อมไม่อาจแตกผลิขึ้นมาได้  ชีวิตของเราหากเต็มไปด้วยความยึดติด ไม่ยอมรับความจริง หรือไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงใดๆ  ชีวิตใหม่อันสวยงามและสดใส  ย่อมผลิบานหรือเกิดขึ้นมาไม่ได้  จนกว่าเราจะปล่อยวางให้ทุกสรรพสิ่งในชีวิตดำเนินไป  ความมีชีวิตชีวา  ความสดใส  ความเต็มเปี่ยมในชีวิตจึงจะบังเกิดขึ้นมา

 

                 เราไม่ควรกลัวความเปลี่ยนแปลงในชีวิตจนเกินไปนัก  เพราะทารกในครรภ์มารดาเผชิญต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างซื่อตรงมิใช่หรือ  เมื่อครบกำหนดเวลาเก้าเดือนจึงคลอดออกมาสู่โลกภายนอกได้  เมื่อเด็กน้อยได้เผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงด้วยความสัตย์ซื่อต่อไป  จากที่เคยนอนแบเบาะฝ่าเท้าเท่าฝาหอย  จึงเติบใหญ่  กลายเป็นหนุ่มสาวที่แข็งแกร่ง เต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวาต่อมาเป็นลำดับ

 

                ตอนที่เรายากจนอดมื้อกินมื้อ  ก็เพราะอาศัยความเปลี่ยนแปลงมิใช่หรือ  จึงลืมตาอ้าปากและมีรถยนต์ขับเป็นสมบัติส่วนตัวในวันนี้ได้   หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงสถิตอยู่ในโลกใบนี้ไซร้  เราก็ต้องมีชีวิตอดมื้อกินมื้อตลอดไป  ไม่มีวันได้พบวันอิ่มท้องตลอดทั้งสามมื้ออย่างทุกวันนี้แน่นอน

 

                ปุถุชนทั่วไปย่อมกลัวความเปลี่ยนแปลง  เพราะมีความยึดติดในความสุขไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงไปไหน  แต่พระอริยเจ้าท่านเข้าใจกฎแห่งพระไตรลักษณ์ ท่านกลับที่จะรู้จักขอบคุณความเปลี่ยนแปลงเสมอไป   ชีวิตและหัวใจของท่านจึงสดใหม่และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกสถานการณ์

 

                 อาจเพราะเรายึดติดความสุขในปัจจุบันจนเกินไป  จึงเต็มไปด้วยความหวั่นไหวและวิตกกังวลอยู่เสมอ  เหตุใดจึงไม่ลองเปลี่ยนมุมมองหรือเปลี่ยนทัศนคติใหม่ดูบ้าง  เพียงเราไม่ยึดติดและปล่อยวาง  ความสุขและสิ่งดีๆที่รออยู่ข้างหน้า  อาจสุขกว่าและดีกว่าสิ่งที่เรายึดติดอยู่ในวันนี้ก็ได้

 

                  จงกล้ายอมรับความจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับชีวิต  อย่ายึดติดว่าจะต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น  อย่าคิดว่าจะต้องพบแต่สิ่งดีๆไปทุกวัน  บางครั้งมีลมพายุหรือฟ้าลั่น  ก็เป็นสิ่งมาเติมสีสรรให้แก่ชีวิตของเราเช่นกัน  ขอเพียงเราเปิดใจกว้างออกให้มากกว่าวันที่ผ่านมา

 

                   หากใบไม้ใบเก่าไม่ยอมร่วงหล่นไป  ไฉนเลยใบไม้ใบใหม่จะงอกและผลิบานขึ้นมาได้  ขอเพียงเรากล้าหาญในการเผชิญต่อความเป็นจริงและกล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงไว้ในใจ  ชีวิตใหม่และความเจริญเติบโตแห่งจิตวิญญาณภายใน  จะอุบัติขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สถิตกลางดวงใจของเรา

 

                   มีสติระลึกรู้ต่อทุกปรากฏการณ์ที่ผ่านเข้ามา  โดยไม่เลือกว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์  ไม่ว่าจะเป็นความสมหวังหรือความผิดหวัง  ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์แห่งความรักหรือความชัง  ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตในขณะนี้นั้นจะเรียกว่าความล้มเหลวหรือความสำเร็จ

 

                   ปล่อยให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย และจงอยู่ท่ามกลางสิ่งนั้นตามความเป็นจริงไว้เสมอ  ไม่ต้องกอดรัดเอาสิ่งใดไว้ และไม่พยายามปฏิเสธหรือผลักไสสิ่งใดออกไป  นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่  อันเป็นบ่อเกิดแห่งพลังสติ พลังสมาธิ  และพลังแห่งปัญญา

 

                   จงปล่อยให้ใบเก่าร่วงหล่นไป  เพื่อใบใหม่อันสดใสผลิบานขึ้น  ความงดงามของชีวิตย่อมคือการเลื่อนไหลไป  ดุจสายน้ำทีไหลเอื่อยไม่ขาดสาย  ชีวิตนี้จึงสดใสและเต็มเปี่ยมด้วยพลังเสมอมา

 

                    การงานในภายนอกยังคงดำเนินไปตามปกติ  แต่ภายในหัวใจที่เข้าใจสัจธรรมของชีวิต  ย่อมปล่อยวางและเลื่อนไหลไปไม่ขาดสายดุจสายน้ำ ที่อ่อนโยนแต่มั่นคงเสมอ

 

                  ชีวิตเช่นนี้แหละที่จะไม่กลัวหรือหวาดวิตกต่อความเปลี่ยนแปลงใดๆ  เพราะทราบชัดในความจริงของสรรพสิ่งแล้วว่า  "เมื่อใบเก่าร่วงหล่นไป  ใบใหม่ก็จะงอกและผลิบานขึ้นมา"

 

 

                                                                                    คุรุอตีศะ

                                                                            ๒๙  เมษายน  ๒๕๕๗