จงเห็นอกเห็นใจกัน

จงเห็นอกเห็นใจกัน

 

 

                ในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  เราจงหันหน้าเข้ามาคุยกันและเห็นอกเห็นใจให้มากขึ้นดีกว่า การโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทชิงชัง  นอกจากจะนำมาซึ่งความทุกข์ระทมของทั้งสองฝ่ายแล้ว  ยังทำให้หัวใจที่เคยดีงามและเปี่ยมด้วยความรักความเมตตาที่มีมาแต่เดิมของเรา  ต้องพลอยเสื่อมโทรมและจมอยู่กับความซึมเศร้า  ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งแก่ตัวเองและคนอื่นแม้แต่น้อย

 

                 เราจงพากันเริ่มตั้งสติทบทวนการกระทำของตัวเองเสียแต่วันนี้  อย่าให้ความผิดพลาดที่เคยมีต้องถลำลึกมากไปกว่านี้  จงสละเสียซึ่งทิฐิมานะที่เคยมี  โดยยอมรับความจริงเสียแต่วันนี้ว่าเราทุกคนต่างมีโอกาสที่จะผิดพลาดกันได้เสมอ  ไม่มีใครถูกอยู่ฝ่ายเดียว  และในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครผิดอยู่ฝ่ายเดียวเช่นกัน  ด้วยความคิดที่ตั้งไว้บนพื้นฐานแห่งเมตตาจิตอย่างนี้เท่านั้น  ความเห็นอกเห็นใจกันจึงจะตามมา

 

               ผู้ที่เป็นสามี  จงเห็นอกเห็นใจต่อภรรยา  ที่เธอต้องมาตกระกำลำบาก ต้องพลอยทุกข์พลอยสุขกับเราไปกับเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆไม่เคยเว้นแต่ละวัน  ทั้งที่แต่ก่อนตอนที่เธอยังอยู่กับพ่อแม่ญาติพี่น้อง ยังไม่ได้มาอยู่กับตัวเรานั้น  เธอมีความสุขสะดวกสบายไม่ต้องมีสิ่งใดอนาทรร้อนใจขนาดเท่าทุกวันนี้ จากแต่ก่อนเธอรูปร่างหน้าตาสดใสสวยงามเหมือนนางฟ้า  พอมาอยู่กับเรา ความทุกข์ระทมทำให้เธอไม่สามารถสดใสและสดสวยเหมือนเดิมได้  และบางวันความทุกข์อกยุ่งใจ ก็บีบคั้นให้เธอต้องกลายร่างจากนางฟ้ากลายเป็นนางยักษิณี  เพราะฉะนั้น เราต้องมีเมตตาสงสารและเห็นอกเห็นใจเธอให้มากกว่าเดิม

 

              ผู้ที่เป็นภรรยาก็จงมีความเห็นอกเห็นใจต่อสามีของเรา  จากแต่ก่อนเขาเป็นหนุ่มน้อยมีชีวิตอิสรเสรีไม่เคยรู้จักความรับผิดชอบอันใด  แต่ตัวเรานี้ได้ใช้เวทมนต์คือความสวยและความสาวมัดหัวใจเขาจนสำเร็จ แล้วจับเขามาขังไว้ในคุกอันประดับประดาด้วยความสวยงามในนามว่า "ครอบครัว" จนกระทั่งทุกวันนี้  จากคนที่ทระนงองอาจและใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีไม่เคยสยบต่อสตรีนางใด  แต่สุดท้ายก็มาจำนนต่อเราจนได้ แล้วยังยินดีรับใช้เราในฐานะเจ้าบ่าวด้วยความเต็มใจอีกด้วย  จะหาสตรีใดในโลกหล้าโชคดีเกินกว่าตัวเราเป็นไม่มีอีกแล้ว  ดังนั้น แม้เขาจะเป็นนักโทษที่เกเรหรือพยายามจะแหกคุกบ้างก็จงเห็นใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา  เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังยอมรับว่าเราผู้คุมผู้ยิ่งใหญ่และเขายังมีความจงรักภักดีต่อเราเสมอ

 

                ผู้ที่มีอำนาจเป็นใหญ่หรืออยู่เบื้องบน  ขอจงเห็นอกเห็นใจประชาชนผู้มีความทุกข์ยาก  การที่เขาแข็งข้อหรือกระด้างกระเดื่องไม่ยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจของเราเหมือนเมื่อก่อน  อาจจะไม่ใช่เพราะเขาต้องการเป็นใหญ่อย่างที่เราเข้าใจไปฝ่ายเดียวก็ได้  แต่อาจเกิดจากการถูกเอาเอารัดเอาเปรียบ ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของความมนุษย์และประสบต่อความอยุติธรรมมากเกินไป  ดังนั้น จงเพ่งมองให้เห็นความคับแค้นในหัวใจของผู้อยู่ใต้ปกครองและดำเนินการทุกอย่างตามทำนองคลองธรรม และประกอบด้วยเมตตาธรรมไว้เสมอ  ความเมตตาและความสุจริตใจหวังดีต่อเพื่อนมนุษย์ จะคุ้มครองเราไม่ให้ใช้อำนาจไปในทางที่ผิดพลาดและต้องเสียใจในภายหลัง

 

               ในส่วนของผู้อยู่ใต้การปกครองหรือประชาชนผู้อยู่ในระดับรากหญ้า  ก็จงทำอะไรด้วยความมีสติและมีความยับยั้งชั่งใจไว้เสมอ  อย่าทำอะไรด้วยความเคียดแค้นชิงชังไปฝ่ายเดียว จะยิ่งฉุดตัวเราให้ตกต่ำมากขึ้น  จงมีความเห็นอกเห็นใจผู้ที่ท่านอยู่ในฐานะมีเกียติหรืออยู่เบื้องบน  ว่าจะให้ท่านที่เคยอยู่ในข้างบนมาอยู่ในสภาพเดียวกับฐานะของตนนั้น  ย่อมเป็นความระทมขมขื่นยากที่คนรากหญ้าจะเข้าใจนัก

 

              เพียงแค่การลาออกจากราชการอันมีเกียรติแล้วออกบวชเป็นพระธุดงค์อย่างเต็มใจ  ยังต้องพบกับความขมขื่นและความบีบคั้นมากมายกว่าพระ ป.๔ที่บวชจากชาวบ้านธรรมดาหลายเท่า  ซึ่งชาวบ้านทั่วไปจะไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกนี้

 

              ในทำนองเดียวกัน คนจนทั้งหลายจะไม่มีวันเข้าใจความทุกข์ของคนรวยหรือคนที่มีฐานะอันสูงส่งแล้วตกต่ำลงมา ว่ามีความทุกข์และต้องเผชิญต่อความบีบคั้นของหัวใจสาหัสเพียงใด  ดังนั้น  คนจนหรือคนรากหญ้าหากเข้าใจได้อย่างนี้  จะมีความเมตตาและเกิดความเห็นอกเห็นใจคนร่ำรวยและคนที่อยู่ในฐานะอันสูงส่งในสังคมได้

 

                คนทั้งหลายมักเข้าใจว่ามีแต่ตัวเองเท่านั้นที่ได้รับความอยุติธรรมและถูกเบียดเบียน  แต่ในประวัติศาสตร์ของโลก  คนที่เคยรู้สึกว่าตนถูกเบียดเบียนกลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม  เมื่อต่อสู้และแย่งชิงได้อำนาจมา  คนจำพวกนั้นกลับเบียดเบียนและมีความอยุติธรรมต่อคนที่ตนเองปกครองหนักกว่าคนกลุ่มเดิมด้วยซ้ำ  เพราะจิตใจถูกบ่มเพาะสะสมไว้แต่ความเกลียดชังตลอดมา ดังนั้น พวกเราทั้งหลาย จึงต้องทำอะไรบนพื้นฐานแห่งเมตตาธรรมและยึดคำสอนของพระพุทธองค์ไว้เสมอ  ทั้งผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้ปกครองจึงจะเคารพนับถือกันด้วยความจริงใจและอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข

 

                คนรวยจงเห็นอกเห็นใจคนจน  อย่าดูหมิ่นเหยียดหยามคนจนว่าเขามีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไม่เท่าเทียมกับตน  เพราะเมื่อวันใดบุญกุศลที่ทำไว้แต่อดีตของเราหมด  เราก็อาจทำมาค้าขายไม่ได้ผลกำไรเหมือนเมื่อก่อนและมีฐานะตกต่ำลงมาได้  เราร่ำรวยนั้นดีแล้ว  แต่เราจะไม่ดูถูกใคร  จงทำไว้ในใจอยู่เสมอว่า  คนที่เขายากจนต่ำต้อยในวันนี้  เขาอาจเฟื่องฟูร่ำรวยขึ้นมาในวันหนึ่งก็ได้  เราจะไม่ประมาทใครเป็นอันขาด  แม้เราสุขสบายทุกวันนี้  เราก็จะไม่ประมาทในชีวิต  จะหมั่นสร้างกุศลและต่อบุญไว้เสมอ  ใครดำรงชีวิตด้วยความเป็นผู้มีสติปัญญาเช่นนี้  จะดำรงฐานะและความสุขของตนไว้ได้มั่นคงไปจนตลอด

 

              แม้คนจนก็สามารถดำรงจิตของตนที่จะเกิดความเห็นอกเห็นใจคนรวยกว่าตนก็ได้  แทนที่จะปล่อยใจเอาแต่นึกอิจฉาริษยาคนรวยหรือคนมีเกียรติมีฐานะที่สูงกว่าตน อันเป็นการสร้างอกุศลจิตอย่างเดียวซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร  แทนที่จะเอาแต่รำพึงรำพันน้อยอกน้อยใจในโชคชะตา จงหันมาสวดมนต์ยังจะเป็นการเพิ่มบารมีมากกว่า  และหากสติเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดและความสงบใจเกิดขึ้นมา  โชคดีทั้งหลายที่เคยหายหน้า จะได้ถึงเวลามาเยี่ยมเยียนชีวิตของเราเสียที

 

             จงมีความเห็นอกเห็นใจคนรวย ที่เขาก็มีความทุกข์ต่อการระวังรักษาสมบัติไม่เป็นอันกินอันนอนยิ่งกว่าเราผู้มีทีวีเพียงเครื่องเดียว  จะเปลี่ยนเครื่องรับทีวีจากระบบอะนาล็อกไปเป็นระบบดิจิตอล ตามที่เขากำลังฮือฮากัน ก็ยังทำไม่ได้จนบัดนี้  เพราะอย่าว่าแต่เครื่องรับทีวี  เพียงแต่เงินค่าเทอมของลูกในเทอมหน้านี้  ก็ยังมองไม่เห็นหรือนึกไม่ออกว่า ยังมีอะไรที่จะพอนำไปโรงรับจำนำได้บ้าง

 

              คนรวยเขานอนไม่หลับและเป็นทุกข์ว่าจะบริหารจัดการทรัพย์สินอันมากมายให้ลงตัวได้อย่างไร  แต่เรานอนไม่หลับเพราะนึกไม่ออกว่าพรุ่งนี้จะจำนำอะไร  ดังนั้น  เราจึงต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

 

              อย่าคิดว่าในโลกนี้มีแต่เรามีความทุกข์อยู่คนเดียว  ยังมีผู้ประสบความสูญเสียและพบกับโศกนาฏกรรมอันหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าตัวเราอยู่แทบทุกมุมโลก   ดังนั้น  จงคลายจากความทุกข์และความโศกแล้วมารู้จักภาวนารักษาเยียวยาจิตใจของเราในแต่ละวันให้มากขึ้น

 

             เราอาจยากจนและไม่เท่าเทียมคนอื่นสำหรับวัตถุในภายนอก  แต่เราจะไม่จนใจและยากจนความดีงามในหัวใจของเราเป็นอันขาด

 

              ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในท่ามกลางมรสุมของชีวิตสักเพียงใด  แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เคยเหือดหายไปจากดวงใจ  สิ่งนั้นก็คือเมตตาธรรมและความเห็นอกเห็นใจ  ที่เราจะมีให้แก่เพื่อนมนุษย์อยู่เสมอ

 

 

                                                                            คุรุอตีศะ

                                                                     ๒๑  เมษายน  ๒๕๕๗