ความรักและการภาวนา

ความรักและการภาวนา

 


                 การที่หญิงและชายมีความรักต่อกัน  ความจริงแล้วพวกเขามีโอกาสที่จะเข้าสู่การภาวนาได้ง่ายขึ้น   แต่เพราะไปเอาการภาวนาแบบวิถีของนักบวชมาเป็นมาตรฐานมากเกินไป  หนุ่มสาวหรือหญิงชายส่วนใหญ่จึงพากันหันหลังให้กับการภาวนา


                 ความรักและการภาวนาเป็นปรากฏการณ์ที่ใกล้กันมาก  หากภาวนาได้ถูกต้อง ความรักก็จะไหลหลั่งออกมาจากหัวใจ  ความแห้งผากของหัวใจจะเริ่มหายไป  ความชุ่มชื่นและความสดใสจะเข้ามาสู่หัวใจของเรา  ในขณะเดียวกันหากเรารักใครสักคนอย่างจริงใจ  พลังแห่งการภาวนาจะเติบใหญ่และกลายเป็นความสอดประสานอันลึกซึ้งอยู่ภายในหัวใจของเรา


                  ความรักของหญิงชายที่ไม่รู้จักการภาวนา  คนทั้งสองจะขาดสติและขาดความยับยั้งชั่งใจ  จะไม่สามารถอดทนได้ รอคอยได้  จะเอาแต่ความต้องการของตนเองเป็นหลักอยู่ฝ่ายเดียว  เมื่อจิตไม่รู้หลักแห่งการภาวนา  ความรักจะกลายเป็นความหลงใหลและจะฉุดหัวใจที่เคยอบอุ่น ร่มเย็น ดีงามที่มีอยู่ในตอนแรกนั้น พากันลงสู่ความต้องการตามสัญชาตญาณทางเพศแล้วก็ตกเป็นทาสทางอารมณ์เรื่อยไป


                  ผู้ที่รู้จักความรักและรู้จักการภาวนาด้วย  จะมีสติในการยับยั้งชั่งใจตามเหตุตามผลตามสมควร และยังคงรักษาความรักอันบริสุทธิ์และความไร้เดียงสาในหัวใจของตัวเองไว้ได้  แม้ว่าทางร่างกายจะมีความสัมพันธ์กันในระดับใดก็ตาม  และหากความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงทั้งสองนั้น  ไม่ใช่คู่ที่จะส่งเสริมกันไปในทางดีงามไปในภายภาคหน้า  ความบริสุทธิ์ใจและความไร้เดียงสาไร้เล่ห์เหลี่ยมนั้นจะคุ้มครองให้เกิดความแคล้วคลาดปลอดภัย จนกระทั่งได้พบกับคนใหม่ที่เป็นคู่ส่งเสริมบารมีนำพาชีวิตไปสู่ความดีงาม


                   ผู้ที่รู้จักการภาวนาอย่างแท้จริง  จะรู้สึกเคารพต่อความรักและให้เกียรติต่อเพศตรงกันข้าม  ไว้ตัวแต่พองามและไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสสังคม  หากตัดสินใจจะมีคู่ครองก็ทำด้วยความมีสติและเต็มเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบ  หากมีคู่ครองแล้วก็เคารพนับถือ ซื่อสัตย์จริงใจ เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงต่อกัน  จิตใจจะมีความตั้งมั่นในการบำเพ็ญคุณความดีและเห็นคุณค่าของการภาวนายิ่งขึ้น


                   มีเส้นทางที่ให้เดินอยู่สองทาง  ทางหนึ่ง  คือการเพียรพยายามในการภาวนาด้วยการตื่นรู้อยู่เสมอแล้วความรักจะตามมาภายหลัง  อีกทางหนึ่งคือ  ให้หัวใจของเราเต็มเปี่ยมด้วยความรัก  แล้วการภาวนาคือการตื่นรู้จะตามมาโดยอัตโนมัติ


                      ความรักกับการภาวนาเหมือนด้านสองด้านในเหรียญอันเดียวกัน  เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจอีกด้านหนึ่ง  เพียงสนใจด้านเดียวก็พอแล้ว   ในที่สุดเราจะได้ทั้งสองอย่าง


                      บนเส้นทางของความรัก จะเป็นการง่าย  ธรรมดา  ไร้เดียงสา  ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติกว่า  เราไม่ต้องไปพากเพียรพยายามด้วยความเคร่งเครียดแต่อย่างใด  เพียงเปิดหัวใจออกรับความรักและความดีงามเท่านั้น  ความสุขก็เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราแล้ว


                      บนเส้นทางแห่งการตื่นรู้จะเป็นการยากลำบากมากกว่า  แต่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถมีใจที่อ่อนโยนหรือรักได้โดยง่าย   ขอให้เดินไปบนเส้นทางแห่งการตื่นรู้  คือการหัดมีสติในขณะนี้ไปทีละน้อย  จะช่วยเยียวยารักษาจิตใจให้อ่อนโยนและนุ่มนวลขึ้นด้วยอานุภาพแห่งพลังสติ


                       สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าจะรักได้อย่างไร  ผู้ที่มีหัวใจด้านชา  ผู้ที่ไม่รู้ว่าความโรแมนติคเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะเกิดเพราะการได้รับอบรมมาในวัยเด็ก  หรือเพราะอิทธิพลจากวัฒนธรรม สังคม หรือสิ่งแวดล้อม ที่หล่อหลอมให้เขาเอาความสามารถในการรักทิ้งไป  ในสายตาของเขานั้นโลกใบนี้ทั้งใบไม่ได้ดำเนินไปด้วยความรัก  แต่ดำเนินไปได้ด้วยชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบและอยู่เหนือผู้อื่นให้ได้  เห็นว่าการจะประสบความสำเร็จได้ต้องใช้สมองที่ฉับไว  ไม่ใช่ด้วยความรัก  บุคคลเหล่านี้จะเป็นผู้มีจิตใจด้านชาต่อความรัก  จะไม่สามารถเดินบนเส้นทางแห่งความรัก   จะต้องเดินบนเส้นทางแห่งการตื่นรู้  แล้วความรักจึงจะตามมาและเข้าสู่หัวใจในภายหลัง

  
                        สำหรับผู้ที่มีความสามารถในการที่จะรักได้  จงเปิดหัวใจให้ความรักที่งดงามออกสู่ประตูแห่งการภาวนา  ความรักที่มีอยู่จะได้ไม่มีการโรยรา  เพราะมีรากฐานและภูมิคุ้มกันอันวิเศษคือ "ความรักที่ประกอบด้วยการตื่นรู้" อันเป็นความรักแห่งพุทธะที่มีอยู่ประจำในหัวใจ


                        เพียงแค่มีความรักก็ถือว่าเพียงพอแล้ว  แต่ความรักนั้นต้องไม่ใช่ความรักเพียงแค่ในเชิงชีววิทยาหรือว่าเพียงเป็นไปตามสัญชาตญาณ  ต้องไม่ใช่ความรักที่เป็นส่วนหนึ่งของอีโก้  และต้องไม่ใช่ความรักที่อยู่บนเส้นทางแห่งอำนาจ  ที่มาจากความต้องการที่จะอยู่เหนือใครบางคน


                        หากแต่ความรักของเรานั้นต้องเปี่ยมด้วยความเบิกบาน  เข้าใจ  พร้อมจะเคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุข      เป็นความรู้สึกสนุกสนานและยินดีในการได้ดำรงอยู่ท่ามกลางบุคคลนั้น  ความรักเช่นนี้เองที่จะไม่ใช่ความรักตามธรรมดา  แต่จะเป็นความรักและการภาวนาที่สอดคล้องกันอยู่ในตัว หลังจากนั้นการตื่นรู้ก็จะตามความรักอันบริสุทธิ์นี้มาอย่างเป็นไปเอง


                       หญิงชายทั้งหลายที่กำลังมีความรัก  ขอจงรู้จักการภาวนาประกอบไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตั้งแต่วันนี้ อย่าเอาการภาวนาอันเป็นเพชรล้ำค่าทิ้งไปโดยมุ่งแต่จะรักไปถ่ายเดียว   การภาวนาที่น่ากลัวที่เราได้ยินมานั้นส่วนใหญ่เป็นการภาวนาของนักบวชอันเป็นมาตรฐานโดยทั่วไป  แต่สำหรับหัวใจที่มีความรักอันเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตจริงขณะนี้  เราจงเดินไปบนเส้นทางแห่งความรักที่กำกับด้วยการภาวนา


                        เมื่อรัก ก็ตระหนักรู้ในดวงจิตขณะนี้ว่าเรารัก  เมื่อคิดถึง ก็รู้ตัวว่ากำลังคิดถึง  เมื่อหึงหวงหรือห่วงหาอาลัย  ก็จงตระหนักรู้ลงที่ใจในขณะนี้และรู้อาการของมันตามความเป็นจริง


                        ไม่ต้องห้ามหัวใจไม่ให้รัก  จงรักต่อไปแต่ให้มีสติในรักมากขึ้น  เมื่อรักเขาก็จงแสดงออกไป  โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขว่าเขาจะรักเราตอบหรือไม่  เพียงเท่านั้นหัวใจของเราก็เริ่มยิ่งใหญ่และมีความสุขแล้ว


                         การพยายามบังคับตัวเองไม่ให้รักใคร  จะเป็นการบั่นทอนจิตใจและเป็นการทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  เมื่อเกิดความรักขึ้นมาในใจแล้ว  แทนที่จะตกใจและหวั่นใจ  ควรภาคภูมิใจว่า ช่างเป็นความยิ่งใหญ่ที่หัวใจเคยเต็มไปด้วยความด้านชา ณ บัดนี้  มีความรักงอกงามขึ้นมาเช่นใครอื่นได้เหมือนกัน


                         ใครก็ตามที่กำลังมีความรัก  จงอย่าพลาดโอกาสที่จะอาศัยความปลื้มปีติในความรักและความสุขที่มีอยู่ในขณะนี้นำไปสู่การภาวนา เพื่อเป็นความรักที่ประกอบด้วยการตื่นรู้ต่อไป  ความรักที่มีอยู่ในใจของเราจะสูงส่ง สะอาด และงดงามยิ่งขึ้น  อันเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งในที่สุด

 

                                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                                           ๑๐  เมษายน  ๒๕๕๗