ความรักและการภาวนา
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ความรักและการภาวนา
การที่หญิงและชายมีความรักต่อกัน ความจริงแล้วพวกเขามีโอกาสที่จะเข้าสู่การภาวนาได้ง่ายขึ้น แต่เพราะไปเอาการภาวนาแบบวิถีของนักบวชมาเป็นมาตรฐานมากเกินไป หนุ่มสาวหรือหญิงชายส่วนใหญ่จึงพากันหันหลังให้กับการภาวนา
ความรักและการภาวนาเป็นปรากฏการณ์ที่ใกล้กันมาก หากภาวนาได้ถูกต้อง ความรักก็จะไหลหลั่งออกมาจากหัวใจ ความแห้งผากของหัวใจจะเริ่มหายไป ความชุ่มชื่นและความสดใสจะเข้ามาสู่หัวใจของเรา ในขณะเดียวกันหากเรารักใครสักคนอย่างจริงใจ พลังแห่งการภาวนาจะเติบใหญ่และกลายเป็นความสอดประสานอันลึกซึ้งอยู่ภายในหัวใจของเรา
ความรักของหญิงชายที่ไม่รู้จักการภาวนา คนทั้งสองจะขาดสติและขาดความยับยั้งชั่งใจ จะไม่สามารถอดทนได้ รอคอยได้ จะเอาแต่ความต้องการของตนเองเป็นหลักอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อจิตไม่รู้หลักแห่งการภาวนา ความรักจะกลายเป็นความหลงใหลและจะฉุดหัวใจที่เคยอบอุ่น ร่มเย็น ดีงามที่มีอยู่ในตอนแรกนั้น พากันลงสู่ความต้องการตามสัญชาตญาณทางเพศแล้วก็ตกเป็นทาสทางอารมณ์เรื่อยไป
ผู้ที่รู้จักความรักและรู้จักการภาวนาด้วย จะมีสติในการยับยั้งชั่งใจตามเหตุตามผลตามสมควร และยังคงรักษาความรักอันบริสุทธิ์และความไร้เดียงสาในหัวใจของตัวเองไว้ได้ แม้ว่าทางร่างกายจะมีความสัมพันธ์กันในระดับใดก็ตาม และหากความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงทั้งสองนั้น ไม่ใช่คู่ที่จะส่งเสริมกันไปในทางดีงามไปในภายภาคหน้า ความบริสุทธิ์ใจและความไร้เดียงสาไร้เล่ห์เหลี่ยมนั้นจะคุ้มครองให้เกิดความแคล้วคลาดปลอดภัย จนกระทั่งได้พบกับคนใหม่ที่เป็นคู่ส่งเสริมบารมีนำพาชีวิตไปสู่ความดีงาม
ผู้ที่รู้จักการภาวนาอย่างแท้จริง จะรู้สึกเคารพต่อความรักและให้เกียรติต่อเพศตรงกันข้าม ไว้ตัวแต่พองามและไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสสังคม หากตัดสินใจจะมีคู่ครองก็ทำด้วยความมีสติและเต็มเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบ หากมีคู่ครองแล้วก็เคารพนับถือ ซื่อสัตย์จริงใจ เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงต่อกัน จิตใจจะมีความตั้งมั่นในการบำเพ็ญคุณความดีและเห็นคุณค่าของการภาวนายิ่งขึ้น
มีเส้นทางที่ให้เดินอยู่สองทาง ทางหนึ่ง คือการเพียรพยายามในการภาวนาด้วยการตื่นรู้อยู่เสมอแล้วความรักจะตามมาภายหลัง อีกทางหนึ่งคือ ให้หัวใจของเราเต็มเปี่ยมด้วยความรัก แล้วการภาวนาคือการตื่นรู้จะตามมาโดยอัตโนมัติ
ความรักกับการภาวนาเหมือนด้านสองด้านในเหรียญอันเดียวกัน เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจอีกด้านหนึ่ง เพียงสนใจด้านเดียวก็พอแล้ว ในที่สุดเราจะได้ทั้งสองอย่าง
บนเส้นทางของความรัก จะเป็นการง่าย ธรรมดา ไร้เดียงสา ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติกว่า เราไม่ต้องไปพากเพียรพยายามด้วยความเคร่งเครียดแต่อย่างใด เพียงเปิดหัวใจออกรับความรักและความดีงามเท่านั้น ความสุขก็เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราแล้ว
บนเส้นทางแห่งการตื่นรู้จะเป็นการยากลำบากมากกว่า แต่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถมีใจที่อ่อนโยนหรือรักได้โดยง่าย ขอให้เดินไปบนเส้นทางแห่งการตื่นรู้ คือการหัดมีสติในขณะนี้ไปทีละน้อย จะช่วยเยียวยารักษาจิตใจให้อ่อนโยนและนุ่มนวลขึ้นด้วยอานุภาพแห่งพลังสติ
สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าจะรักได้อย่างไร ผู้ที่มีหัวใจด้านชา ผู้ที่ไม่รู้ว่าความโรแมนติคเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะเกิดเพราะการได้รับอบรมมาในวัยเด็ก หรือเพราะอิทธิพลจากวัฒนธรรม สังคม หรือสิ่งแวดล้อม ที่หล่อหลอมให้เขาเอาความสามารถในการรักทิ้งไป ในสายตาของเขานั้นโลกใบนี้ทั้งใบไม่ได้ดำเนินไปด้วยความรัก แต่ดำเนินไปได้ด้วยชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบและอยู่เหนือผู้อื่นให้ได้ เห็นว่าการจะประสบความสำเร็จได้ต้องใช้สมองที่ฉับไว ไม่ใช่ด้วยความรัก บุคคลเหล่านี้จะเป็นผู้มีจิตใจด้านชาต่อความรัก จะไม่สามารถเดินบนเส้นทางแห่งความรัก จะต้องเดินบนเส้นทางแห่งการตื่นรู้ แล้วความรักจึงจะตามมาและเข้าสู่หัวใจในภายหลัง
สำหรับผู้ที่มีความสามารถในการที่จะรักได้ จงเปิดหัวใจให้ความรักที่งดงามออกสู่ประตูแห่งการภาวนา ความรักที่มีอยู่จะได้ไม่มีการโรยรา เพราะมีรากฐานและภูมิคุ้มกันอันวิเศษคือ "ความรักที่ประกอบด้วยการตื่นรู้" อันเป็นความรักแห่งพุทธะที่มีอยู่ประจำในหัวใจ
เพียงแค่มีความรักก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ความรักนั้นต้องไม่ใช่ความรักเพียงแค่ในเชิงชีววิทยาหรือว่าเพียงเป็นไปตามสัญชาตญาณ ต้องไม่ใช่ความรักที่เป็นส่วนหนึ่งของอีโก้ และต้องไม่ใช่ความรักที่อยู่บนเส้นทางแห่งอำนาจ ที่มาจากความต้องการที่จะอยู่เหนือใครบางคน
หากแต่ความรักของเรานั้นต้องเปี่ยมด้วยความเบิกบาน เข้าใจ พร้อมจะเคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุข เป็นความรู้สึกสนุกสนานและยินดีในการได้ดำรงอยู่ท่ามกลางบุคคลนั้น ความรักเช่นนี้เองที่จะไม่ใช่ความรักตามธรรมดา แต่จะเป็นความรักและการภาวนาที่สอดคล้องกันอยู่ในตัว หลังจากนั้นการตื่นรู้ก็จะตามความรักอันบริสุทธิ์นี้มาอย่างเป็นไปเอง
หญิงชายทั้งหลายที่กำลังมีความรัก ขอจงรู้จักการภาวนาประกอบไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตั้งแต่วันนี้ อย่าเอาการภาวนาอันเป็นเพชรล้ำค่าทิ้งไปโดยมุ่งแต่จะรักไปถ่ายเดียว การภาวนาที่น่ากลัวที่เราได้ยินมานั้นส่วนใหญ่เป็นการภาวนาของนักบวชอันเป็นมาตรฐานโดยทั่วไป แต่สำหรับหัวใจที่มีความรักอันเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตจริงขณะนี้ เราจงเดินไปบนเส้นทางแห่งความรักที่กำกับด้วยการภาวนา
เมื่อรัก ก็ตระหนักรู้ในดวงจิตขณะนี้ว่าเรารัก เมื่อคิดถึง ก็รู้ตัวว่ากำลังคิดถึง เมื่อหึงหวงหรือห่วงหาอาลัย ก็จงตระหนักรู้ลงที่ใจในขณะนี้และรู้อาการของมันตามความเป็นจริง
ไม่ต้องห้ามหัวใจไม่ให้รัก จงรักต่อไปแต่ให้มีสติในรักมากขึ้น เมื่อรักเขาก็จงแสดงออกไป โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขว่าเขาจะรักเราตอบหรือไม่ เพียงเท่านั้นหัวใจของเราก็เริ่มยิ่งใหญ่และมีความสุขแล้ว
การพยายามบังคับตัวเองไม่ให้รักใคร จะเป็นการบั่นทอนจิตใจและเป็นการทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อเกิดความรักขึ้นมาในใจแล้ว แทนที่จะตกใจและหวั่นใจ ควรภาคภูมิใจว่า ช่างเป็นความยิ่งใหญ่ที่หัวใจเคยเต็มไปด้วยความด้านชา ณ บัดนี้ มีความรักงอกงามขึ้นมาเช่นใครอื่นได้เหมือนกัน
ใครก็ตามที่กำลังมีความรัก จงอย่าพลาดโอกาสที่จะอาศัยความปลื้มปีติในความรักและความสุขที่มีอยู่ในขณะนี้นำไปสู่การภาวนา เพื่อเป็นความรักที่ประกอบด้วยการตื่นรู้ต่อไป ความรักที่มีอยู่ในใจของเราจะสูงส่ง สะอาด และงดงามยิ่งขึ้น อันเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งในที่สุด
คุรุอตีศะ
๑๐ เมษายน ๒๕๕๗