ขอบคุณความผิดพลาด
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ขอบคุณความผิดพลาด
หากไม่มีความผิดพลาดมาก่อน เราอาจไม่มีวันที่โชคดีอย่างวันนี้ก็ได้ หากชีวิตเต็มไปด้วยความสุขความราบรื่นมีแต่สิ่งที่ดี เราอาจไม่ได้รับรางวัลชีวิตที่ประเสริฐและพบคนบางคนที่แสนดี ซึ่งมีแต่ชีวิตที่ผ่านอุปสรรคและผ่านความผิดพลาดมาแล้วเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้รับ
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่มีมาคู่กันกับความสำเร็จ ต้องเคยผิดพลาดมาก่อน ความสำเร็จอันแท้จริงจึงจะมีได้ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ในเบื้องหลังความสำเร็จหรือยิ่งใหญ่เหล่านั้น ล้วนผ่านความผิดพลาดและผ่านความล้มเหลวมามากกว่าคนธรรมดาแทบทั้งสิ้น
บุคคลใดที่เอาแต่หวาดกลัวว่าจะผิดพลาด ย่อมไม่อาจประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในสิ่งใดได้ คนที่ประสบความสำเร็จก็คือคนที่กล้าเสี่ยง กล้าตัดสินใจ เป็นคนที่พร้อมจะกล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ตนตัดสินใจทำลงไป แม้ว่าผลที่ตามมาหลังจากนั้นจะดีหรือเลวในสายตาของใครหรือไม่ก็ตาม
ลักษณะของมนุษย์ผู้มีหัวใจเข้มแข็งประการหนึ่ง ก็คือการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรในสิ่งที่ตนเองทำลงไป เป็นผู้มีน้ำใจกล้าหาญไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของใครที่ไม่ได้มาร่วมรับผิดชอบ ยอมให้ใครต่อใครด่าว่าเป็นคนไม่เอาใคร มีหัวใจมุ่งตรงต่อสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จด้วยความแน่วแน่เท่านั้นเพียงอย่างเดียว
การกล้าที่จะรับผิดชอบ กล้าที่จะเผชิญความจริงในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจทำลงไป ไม่หวั่นไหวต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยความมีสติเช่นนั้น เป็นการปฏิบัติธรรมอันสำคัญที่น้อยคนนักจะปฏิบัติได้ และนี่คือการปฏิบัติธรรมในชีวิตจริงที่หลายคนมองข้ามไป เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เคยนึกเฉลียวใจว่าการทำเช่นนี้เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง
จิตที่ประกอบด้วยความความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ กล้ารับผิดชอบ กล้าตัดสินใจ ด้วยความมีสติและความรู้ตัวในขณะนั้น เป็นสติปัฏฐานหรือเป็นวิปัสสนาที่ฉับไวไร้รูปแบบ จิตขณะนั้นประกอบด้วยหลักธรรมที่ชื่อว่า "พละ ๕"อยู่ในตัว คือมีทั้ง ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา คุณภาพอันยอดเยี่ยมของจิตเช่นนั้นจึงเกิดขึ้นได้ "อินทรีย์ ๕" ก็มีในขณะนั้นด้วย เป็นการอบรมจิตให้มีอินทรีย์แก่กล้าขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หากไม่มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญาในขณะนั้น จิตของบุคคลนั้นจะไม่มีประสิทธิภาพพอในการที่จะเกิดความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และกล้าตัดสินใจในขณะนั้นโดยไม่หวั่นไหวได้เลย
ขณะใดที่ดวงจิตมีคุณภาพเช่นนี้เกิดขึ้น จงทราบว่านี้คือผลแห่งการปฏิบัติธรรมอันเกิดจากการเจริญสติได้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ การปฏิบัติธรรมของเราเดินทางมาถูกทางแล้ว
คนที่มีสติ สมาธิ ปัญญาในขณะนั้นไม่เพียงพอ กำลังจิตจะอ่อนแอ ไม่สามารถที่จะกล้ารับผิดชอบหรือกล้าตัดสินใจในเรื่องใดได้ จิตที่ขาดพลังสมาธิจะทำให้เต็มไปด้วยความลังเลสงสัยและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล จิตขณะนั้นจะถูกครอบงำด้วยนิวรณ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะประการสุดท้ายคือ วิจิกิจฉานิวรณ์
การขาดความเข้าใจในเรื่องนี้ นักบวชและนักปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ จึงถูกมองว่าเป็นพวกอ่อนแอ เป็นพวกที่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจและไม่กล้ารับผิดชอบอะไรในสายตาของชาวโลก
สิ่งเหล่านี้เกิดจากความเข้าใจผิดหรือมีทัศนคติที่ผิดประการหนึ่งที่ปลูกฝังกันมาว่า "เป็นนักปฏิบัติธรรม ต้องไม่ทำอะไร" ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิบัติธรรมของพระภิกษุหรือนักบวชที่ต้องการบำเพ็ญสมาธิให้ได้อัปปนาสมาธิเสียก่อนจึงค่อยเจริญวิปัสสนา ซึ่งในคัมภีร์วิสุทธิมรรคอันเป็นคัมภีร์หลักของฝ่ายเถรวาทท่านกล่าวไว้ในส่วน"สมาธินิเทศ"ว่า ผู้ปฏิบัติสมาธิต้องตัดปลิโพธ ๑๐ อย่างเสียก่อนจึงจะปฏิบัติสมาธิได้สำเร็จ
เราทั้งหลายต้องมีความเข้าใจพื้นฐานไว้ประการหนึ่งว่า การอบรมจิตหรือการเจริญภาวนามีสองแนวทางด้วยกัน คือการใช้สมาธิอบรมปัญญา กับการใช้ปัญญาอบรมสมาธิ
การอบรมจิตตามที่ท่านกล่าวไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค คือการใช้สมาธิอบรมปัญญาโดยตรง อันเหมาะกับชีวิตพระภิกษุหรือนักบวชทั่วไปที่ไม่ต้องมีภาระในการประกอบอาชีพหรือทำการงานอะไร ผู้ปฏิบัติต้องเลิกเกี่ยวข้องกามารมณ์เหมือนไม้ที่ยกขึ้นจากน้ำ หลังจากนั้นต้องรักษาศีลให้สะอาดหมดจด ไม่สะสมวัตถุสิ่งของ หยุดการดิ้นรนทะเยอทะยานและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการงานทั้งปวง การบำเพ็ญสมาธิจึงเกิดขึ้นได้ง่าย อันเป็นการปฏิบัติที่เหมาะกับชีวิตของพระภิกษุหรือนักบวชผู้สละความยินดีทางโลกแล้ว
สำหรับผู้ที่ยังใช้ชีวิตในทางฆราวาส หรือผู้ที่ยังต้องทำการงานและต้องเกื้อกูลเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้คน จะต้องใช้หลักการอบรมจิตแบบ "ปัญญาอบรมสมาธิ"จึงจะเป็นการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องและเหมาะสมสอดคล้องในชีวิตจริง
หลักการของปัญญาอบรมสมาธิ เป็นการปฏิบัติธรรมที่ไม่ต้องอาศัยรูปแบบหรือการกำหนดท่าทางและระยะเวลา คือการเจริญสติรู้ตัวในขณะนี้เผชิญกับทุกอารมณ์ตามความเป็นจริงในขณะนี้ไปทีละน้อย จนกระทั่งสติแก่กล้าขึ้นตามลำดับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบและต้องตัดสินใจหรือจัดการงานต่างๆที่เป็นอยู่จริงในชีวิตประจำวัน
การปฏิบัติธรรมโดยไร้รูปแบบเช่นนี้ ภายนอกอาจจะดูเหมือนไม่ได้ปฏิบัติอะไร แต่ภายในนั้นเคร่งครัดด้วยความมีสติ คือเห็นจิตในจิตอยู่เสมอโดยมีตัวเองเป็นพยาน
การดำเนินจิตเช่นนี้ จิตจะมีความแววไว มีไหวพริบปฏิภาณ มีความกล้าหาญในการที่จะตัดสินใจในเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้า จิตใจจะเกิดการพัฒนา กล้าที่จะรับผิดชอบต่อหน้าที่และการงานโดยไม่ย่อท้อ เมื่อถึงจุดหนึ่งสมาธิอันสงบรำงับจะเกิดขึ้นมาเอง โดยไม่มีการพยายามหรือไม่มีการคาดหมายไว้ล่วงหน้า
การบำเพ็ญสมาธิในลักษณะนี้จะเป็นที่รู้จักกันดีในพุทธศาสนานิกายเซน พระเซนในประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ก็คือผู้รู้จักสมาธิชนิดนี้ ส่วนการบำเพ็ญแบบสมาธิอบรมปัญญาที่กล่าวมาในตอนแรกนั้น จะนิยมปฏิบัติและรู้จักกันในพุทธศาสนาแบบเถรวาท หากเราเข้าใจเช่นนี้จะได้หายสงสัยและมีกำลังใจปฏิบัติธรรมให้เหมาะสมกับอุปนิสัยและจริตของตน
ผู้ที่มีความเข้าใจตามหลักการใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ผู้ปฏิบัติจะมีคุณสมบัติที่เด่นชัดอย่างหนึ่งที่ต่างจากนักปฏิบัติธรรมโดยทั่วไป คือจะไม่กลัวความผิดพลาด จิตใจจะองอาจและยิ่งใหญ่ไม่หวั่นเกรงต่อปัญหา ไม่หวาดหวั่นต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะมั่นใจในสัจธรรมข้อที่ว่า "ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทั้งสุขและทุกข์ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน" ดังนั้น เมื่อสะดุดล้มก็ลุกขึ้นมาใหม่ เมื่อพลาดแล้ว ก็ทำในสิ่งที่ถูกต่อไป ไม่มีสิ่งใดต้องยึดมั่นถือมั่นไว้ได้ สุดท้ายทุกสิ่งก็คือความว่างและต้องปล่อยวางในทุกเรื่องราว
หัวใจชนิดไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่าหัวใจที่ไม่หวั่นไหวต่อความผิดพลาด มนุษย์ทั้งหลายล้วนเศร้าหมองอ่อนแอและพากันหมกจมอยู่กับความผิดพลาดในอดีตแทบทั้งสิ้น ส่วนบุคคลที่ไม่กลัวต่อความล้มเหลวหรือความผิดพลาด จะไม่เสียใจต่ออดีตที่ผ่านมา บุคคลเช่นนั้นย่อมควรแก่การกราบไหว้บูชาแม้ว่าอยู่ในมิติใดๆ
หัวใจของบุคคลนั้นย่อมเป็นหัวใจที่ยิ่งใหญ่ สามารถเป็นที่พึ่งทั้งแก่ตนเองและเป็นที่พึ่งให้แก่คนอื่นได้ในทุกสังคม บุคคลเช่นนี้แหละที่โลกต้องการตลอดมาทุกยุคทุกสมัย
จงขอบคุณความผิดพลาดที่เราประสบมาในชีวิต บุคคลที่ไม่เคยผิดพลาด ย่อมคือคนที่ไม่เคยทำอะไรให้เกิดประโยชน์เท่านั้น ยิ่งเกี่ยวข้องกับผู้คนยิ่งมีจิตเกื้อกูลมีเมตตามาก ย่อมมีความผิดพลาดบกพร่องมากเป็นเงาตามกัน เพราะนั่นแสดงถึงว่าเราได้ประกอบการงานและสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อโลกนี้มาไม่น้อยทีเดียว
ความผิดพลาดทั้งปวงล้วนมีคุณต่อเรา อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ขึ้นมาว่าความถูกต้องนั้นคืออย่างไร แล้วเราก็ก้าวเดินต่อไป ความผิดพลาดคือสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตของผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกคน
เพียงเรากล้าหาญและไม่กลัวความผิดพลาด หัวใจของเราจะองอาจและยิ่งใหญ่ จนสามารถขอบคุณได้แม้กระทั่งความผิดพลาดทั้งปวง
หลังจากนั้น หัวใจของเราย่อมไม่มีสิ่งใดให้ต้องหวั่นเกรงอีก เราไม่กลัวอุปสรรคและปัญหาใดๆอีกแล้ว เราย่อมสามารถยกมือไหว้หัวใจที่กล้าหาญและมั่นคงของเราด้วยตัวของเราเอง เพราะหัวใจเช่นนั้ย่อมน่ากราบน่าไหว้น่าเคารพบูชาอย่างที่สุด
คุรุอตีศะ
๔ เมษายน ๒๕๕๗