ในยามที่ต้องเดินคนเดียว

ในยามที่ต้องเดินคนเดียว

 

                 ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไหวหวั่น   แม้หากว่าวันนี้นั้นเราต้องก้าวเดินตามลำพังคนเดียว  เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมหรือความเข้าใจจากใคร  เพราะผู้คนส่วนใหญ่ล้วนมีแต่ความเห็นแก่ตัวและไม่ได้มีหัวใจที่รักความเป็นธรรมแต่อย่างใด

 

                  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  เราอาจได้เคยโอบอุ้มช่วยเหลือเป็นกำลังใจและเป็นเพื่อนให้แก่ผู้คนมามากมาย  แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่เราต้องการความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจจากผู้คนทั้งหลาย  เราอาจไม่เหลือใครที่เข้าใจและเห็นใจ  จากที่เคยมีคนอื่นมาขอความช่วยเหลือและขอกำลังใจ แต่เมื่อถึงวันหนึ่งเราอาจไม่มีใครและสุดท้ายเราอาจกลายเป็นคนที่ต้องก้าวเดินไปบนโลกใบนี้ตามลำพัง

 

                  แม้ว่าชีวิตในวันนี้ไม่มีใคร  แต่เราก็จงก้าวเดินต่อไปด้วยสติอันมั่นคงไว้เสมอ  เราเกิดมาลืมตาดูโลกเราก็มาแต่ตัวและมาคนเดียว  ผู้คนทั้งหลายที่เราได้ข้องเกี่ยวและสัมผัสสัมพันธ์  ล้วนเป็นสิ่งที่เรามาได้พบและได้สัมพันธ์ในภายหลังทั้งสิ้น

 

                   เมื่อมาสู่โลกนี้ทุกคนก็มาคนเดียว  เมื่อยามลาจากโลกนี้ไปก็ต้องไปตามลำพังคนเดียวเช่นกัน  ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเช่นใด ในสัจธรรมความเป็นจริง เราต่างก็ต้องเดินทางคนเดียวอยู่แล้วกันทุกคน  เราจึงขอเอาเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอเหล่านี้เป็นเครื่องฝึกฝนความพร้อมในการเดินคนเดียวไปพลางก่อน

 

                  ความจริงแล้ว  การเดินคนเดียวก็มีความสุขและมีอิสระอย่างหนึ่ง  เราไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังหรือสาละวนกับผู้คนให้เปลืองเวลาและเปลืองสมองอีกแล้ว  เราไม่ต้องรับผิดชอบและวิตกกังวลกับเขาอีกต่อไป   พลังที่มีอยู่ส่วนใหญ่จึงสามารถทุ่มเทให้กับการก้าวเดินได้อย่างเต็มที่  จุดหมายปลายทางที่เรามีที่ถูกถ่วงรั้งด้วยภาระและผู้คนมาช้านานจะได้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว

 

                   หากฤาษีห้าตนที่หลงติดในความเคร่งครัดตามอุปาทานที่ตนยึดถือ ไม่หลงเข้าใจผิดเจ้าชายสิทธัตถะว่าเป็นคนคลายจากความเพียรเวียนมาสู่ความเป็นคนมักมากเป็นคนใช้ไม่ได้ จึงพากันหนีพระองค์ไปแล้วละทิ้งพระองค์ไว้ตามลำพังในครั้งนั้น  เจ้าชายสิทธัตถะอาจไม่มีวันได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ เพราะขาดความอิสระและต้องตกอยู่ภายใต้ความความกดดัน อันเกิดจากความคาดหวังอย่างมากของเหล่าปัญจวัคคีย์ที่รอว่าเมื่อไหร่พระองค์จะค้นพบสัจธรรมหรือตรัสรู้

 

                   ในยามที่อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงหรือท่ามกลางผู้คนที่มากมาย  เราอาจรู้สึกอบอุ่นและสบายใจว่ามีเพื่อนร่วมเดินทางจำนวนมาก  แต่ในท่ามกลางความอบอุ่นนั้น  เราก็ได้รับความวุ่นวายและต้องคอยเอาอกเอาใจใครต่อใครโดยเราไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง

 

                 บุคคลที่ยอมแลกความเป็นตัวของตัวเองเพื่อเอาใจผู้คนอย่างมากมายเหล่านั้น  ในบั้นปลายท้ายที่สุดก็จะพบว่าผู้คนต่างพากันแยกย้ายเดินไปตามทางที่เขาชอบใจโดยไม่ได้ใส่ใจตัวเราเองแทบทั้งนั้น  ไม่ว่าเราจะพยายามดึงดันและเรียกร้องเพียงใด  สุดท้ายเขาก็เอาแต่ตัวของเขา ครอบครัวของเขา แล้วปล่อยให้เราค้างเติ่งอยู่กลางถนนและต้องเดินตามลำพังเหมือนเดิม

 

                  เมื่อในยามนี้ไม่มีใครสมัครใจที่จะก้าวเดินเป็นเพื่อนเราเหมือนเมื่อก่อน  เราก็ไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องมัวอาลัยอาวรณ์ต่อคนทั้งหลายเหล่านั้น  เขาเลือกทางเดินของเขาโดยไม่อาศัยเราและไม่เชื่อฟังเราก็ดีเหมือนกัน  เราจะได้ทำอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่เราไม่สามารถทำได้ในตอนนั้น  แล้วเอามาาทำเสียในตอนนี้ในยามที่พวกเขาเหล่านั้นจากเราไป

 

                 เอาวันเวลาในยามที่ไม่มีใครนี้ มาสร้างสรรค์คุณงามความดีอย่างเป็นอิสระและเบิกบานให้มากขึ้น  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ถูกผู้คนที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวฉุดกระชากลากถู  จนแทบไม่เหลือความเป็นผู้เป็นคนมากเกินพอแล้ว   ความใจดีและใจอ่อน เราจึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธและหักหาญน้ำใจใคร   ก็ต้องรอจนกว่าพวกเขาพากันละทิ้งเราหนีไปเราจึงพบความอิสระในตัวเอง

 

                 แทนที่จะน้อยใจและเสียใจที่พวกเขาพากันทิ้งเราไป  เราควรภาคภูมิใจและมีความสุขที่ทำให้เราได้ค้นพบตัวเองและได้ความอิสระกลับคืนมาจะดีกว่า   บางคนนั้นแบกคนอื่นอยู่จนกระทั่งวันตายไม่เคยได้ใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเองตลอดมา  ส่วนตัวเราโชคดีแล้วที่ได้มีวันพบกับความอิสระและกลับคืนสู่ความเป็นตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

 

                อะไรเล่าจะยิ่งใหญ่เท่ากับการที่มนุษย์คนหนึ่งได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นตัวของตัวเอง  อะไรจะยิ่งใหญ่เกินกว่าอิสรภาพของชีวิต  บุคคลที่ประกาศอิสรภาพได้คนแรกในโลกก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ต่อมาพระอรหันต์ทั้งหลายได้ฟังธรรมแล้วดวงจิตพบความอิสระก็ประกาศอิสรภาพตาม  พระธรรมคำสั่งสอนของผู้เป็นพระบรมครูของชาวโลก ก็คือ หลักการและวิธีการสำหรับมนุษย์และเทวดาใช้ประกาศอิสรภาพจากพันธนาการทั้งปวงนั่นเอง

 

              พระอริยบุคคลก็คือผู้มีวิชาและมีความสามารถในการประกาศอิสรภาพไม่ยอมก้มหัวและเป็นทาสสิ่งใด  ผิดจากปุถุชนทั้งหลายที่ยอมและเป็นทาสได้ทุกสิ่งแม้จะทนทุกข์ทรมานมากมายเพียงใดก็ตามที

 

                  ขอจงกล้าก้าวเดินตามลำพังเสียแต่วันนี้  ขอจงเอาวันนี้เป็นวันแห่งการสถาปนาความเป็นตัวของตัวเองให้บังเกิดขึ้น   ความรักความอบอุ่นอันแท้จริงไม่ใช่เกิดจาการวิ่งตามสังคมและผู้คนที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลมายาเสแสร้งเหล่านั้นแต่อย่างใด  แต่ความรักความอบอุ่นย่อมเกิดจากจิตใจที่อิสระและเป็นตัวของตัวเองต่างหาก

 

                  ไม่ต้องเสียใจที่ผู้คนทั้งหลายพากันตีจากออกจากชีวิตของเราไป  เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่ตีจากไป  ล้วนเป็นคนมาคบหาสัมพันธ์กับเราเพื่อประโยชน์ของตัวเขาแทบทั้งสิ้น  หากเราเอาชีวิตและจิตใจไปผูกมัดกับบุคคลเหล่านั้น  ทำนายได้ว่าอนาคตข้างหน้าก็จะมีแต่น้ำตาเป็นอาจิณ  เมื่อตอนนี้เขาพากันหนีหน้าไปจากเราสิ้น นับเป็นความโชคดีและโอกาสของเราแล้ว

 

                   อันธรรมดานกกาย่อมพากันบินมาเกาะต้นไม้เต็มไปหมด ยามต้นไม้ต้นนั้นมีดอกและผลสะพรั่งอยู่เต็มต้น แต่ยามใดลูกผลของต้นไม้หมด นกกาก็บินจากไปไม่เหลียวแลต้นไม้นั้นอีก  รอจนกว่าต้นไม้ต้นนั้นจะผลิดอกออกผลขึ้นมาใหม่  นกกาที่เคยหนีหน้าจากลาไปไกลแสนไกล ก็จะพากันบินกลับมาใหม่ เพื่อจิกกินผลไม้บนต้นเพื่อความอิ่มหนำสำราญของตนตามเดิม

 

                     การอยู่ท่ามกลางผู้คนส่วนใหญ่ที่มีความเห็นแก่ตนและมุ่งแต่ประโยชน์ของตนเป็นหลัก  ผู้แสวงหาทางรู้แจ้งแห่งสัจธรรมและเกิดมาเพื่อบำเพ็ญบารมีจึงต้องมีหลัก  อย่าได้เอาใจไปผูกพันและจริงจังกับผู้คนผู้หวังแต่ประโยชน์ตนทั้งหลาย  หากเราพอหยิบยื่นพอช่วยเหลือเขาได้  เราก็ช่วยเหลือไป  แต่ไม่ต้องไปผูกพันหรือผูกใจว่าเขาจะคิดเห็นบุญคุณหรือตอบแทนคุณความดีของเรา

 

                     ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงตรัสถึงสิ่งที่หาได้ยากในโลก ๒ ประเภท บุคคลประเภทแรกคือบุพการี ผู้ทำคุณแก่บุคคลอื่นไว้ก่อนโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน ยกตัวอย่างเช่นบิดามารดา เป็นต้น  กับบุคคลประเภทที่สอง คือกตัญญูกตเวที ผู้รู้คุณผู้อื่นที่ทำคุณความดีไว้แก่ตน  บุคคลทั้งสองประเภทคือบุคคลที่หาได้ยากในโลก

 

                      ฉะนั้น การที่บุคคลใดทำคุณความดีหรือทำคุณประโยชน์ไว้กับใคร  จึงต้องมีหลักไว้ในใจที่จะต้องไม่พึงหวังว่าบุคคลนั้นจะมองเห็นความดีหรือมีความกตัญญูรู้คุณ  เพราะการเรียกร้องหรือการหวังเช่นนั้น เป็นการเรียกร้องหรือเป็นการหวังในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เป็นการหาบุคคลที่หาได้ยากในโลก" และเราจะเกิดความผิดหวังอยู่ร่ำไป

 

                       ทำความดีเพื่อความดี  ทำความดีเพื่อบำเพ็ญบารมี  ทำความดีเพื่อก่อสร้างสะสมเสบียงเพื่อไปสู่ภพหน้า  ทำความดีเพื่อช่วยค้ำจุนและจรรโลงพระพุทธศาสนา  เราจงตั้งใจทำความดีเพื่อสิ่งเหล่านี้  หัวใจของเราจึงจะปลอดภัยจากความผิดหวังที่มีต่อผู้คน

 

                     จงเป็นต้นไม้ที่ออกดอกออกผลบานสะพรั่ง  เพื่อให้เหล่านกกาและสรรพสัตว์ได้อาศัย  ไม่ต้องคาดหวังว่านกกาเหล่านั้นจะสำนึก ซาบซึ้ง หรือขอบคุณแต่อย่างใด  เพียงหวังให้พวกเขาได้รับอาหารและอิ่มหนำสำราญสบายใจก็พอแล้ว

 

                     ในยามใดที่ดอกผลที่เคยเต็มต้นนั้นวายไปหมด  เราก็พร้อมและเต็มใจที่ถึงวันนกกาพากันบินไปในที่อื่น   เราจะได้อาศัยโอกาสที่ว่างเว้นและอิสระไม่มีใคร  ค่อยๆฟูมฟักพลังขึ้นมาใหม่  เพื่อต้นไม้ได้ผลิดอกออกผลเพื่อความอิ่มหนำสำราญของพวกนกตามเดิม

 

                      ในยามที่ไม่มีใคร  เราจงก้าวเดินไปตามลำพังด้วยท่วงทีอันงามสง่า  ในยามที่ก้าวเดินตัวคนเดียวนี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่เราอาจพบเพชรพลอยอันล้ำค่าอย่างที่ชีวิตไม่เคยได้พบมาก่อนก็ได้

 

                      สำหรับหัวใจที่เต็มเปี่ยมทั้งความเมตตาและความกล้าหาญ  ใจดวงนี้ย่อมสามารถก้าวเดินได้อย่างองอาจและสง่างามเสมอ  เดินไปในท่ามกลางผู้คนที่มีอยู่มากมาย  แม้ว่าระยะทางในช่วงสุดท้าย ในยามนี้....จะมีแต่เราคนเดียวที่กำลังก้าวเดิน

 

 

                                                                                 คุรุอตีศะ

                                                                         ๓๑  มีนาคม  ๒๕๕๗