วันที่ไม่มีพระจันทร์เต็มดวง

วันที่ไม่มีพระจันทร์เต็มดวง

 

              ในหนึ่งเดือนนั้น  ตลอดระยะเวลาของสามสิบวัน  คืนที่พระจันทร์ส่องสว่างแจ่มกระจ่างเต็มดวงย่อมมีเพียงหนึ่งวัน   ช่วงเวลาอันยาวนานทั้งก่อนและหลังคืนวันเพ็ญนอกจากนั้น  จะมีแต่พระจันทร์เสี้ยวเป็นเพื่อนประดับท้องฟ้า  และบางคราในวันแรมสิบห้าค่ำ กลับเป็นค่ำคืนอันมืดสนิทที่มีแต่ดวงดาว

 

              ความสุข ความเบิกบาน ความสดใส  ย่อมมาสู่ชีวิตของเราอย่างเต็มที่เพียงช่วงใดช่วงหนึ่ง  วันเวลานอกจากนั้น เราต้องอยู่กับความเป็นจริงเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวทั้งในยามข้างขึ้นและข้างแรม

 

               ความทุกข์ความหม่นหมองย่อมมีในชีวิตอย่างมากมาย  เพราะผู้คนทั้งหลายเอาสมอง หัวใจและเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทรอคอยแต่วันพระจันทร์เต็มดวงที่จะมาถึง  พวกเขาไม่ยอมอยู่กับชีวิตที่เป็นจริงที่ในแต่ละเดือนแต่ละวันย่อมมีคืนแห่งพระจันทร์เสี้ยวมากกว่า

 

                ความยึดมั่นถือมั่นและเอาแต่เฝ้ารอคอยคืนวันเพ็ญว่าเมื่อไหร่จะมา  วันเวลาตลอดทั้งยี่สิบเก้าวัน จึงกลายเป็นวันแห่งความโศกเศร้าและทุกข์ระทมของผู้คนทั้งหลายทั่วไป

 

                นักปราชญ์ผู้เข้าถึงสัจธรรมกล่าวไว้ว่า "ถ้าท่านไม่รู้จักความรัก  ท่านจะรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย (lonely) แต่ถ้าท่านรักใครจริงๆสักคน  มีความรักอย่างแท้จริงสักครั้ง ท่านจะกลายเป็นผู้ที่อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว (alone)"

 

                ความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายกับการอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวเป็นคนละอย่างกัน  นี้คือสิ่งที่ต่างกันระหว่างชีวิตพระอริยบุคคลกับปุถุชนประการสำคัญประการหนึ่ง  ความว้าเหว่จึงต่างกับความวิเวก

 

                   ปุถุชนเมื่ออยู่ตามลำพังจะว้าเหว่หงอยเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย  แต่ใจของผู้เข้าถึงสัจธรรมในระดับใดระดับหนึ่งหรือพระอริยบุคคลชั้นต้น  ย่อมจะสามารถมีความสุขได้ด้วยตัวคนเดียวเพราะอานุภาพของสติสมาธิคุ้มครองใจ  ความสุขของพระอริยะเมื่ออยู่ตามลำพังคนเดียวนี้คือความวิเวก

 

                   ความโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นความเศร้า  แต่การอยู่ตามลำพังได้ด้วยตัวคนเดียวคือความสุขจากความวิเวกอันเป็นสมาธิระดับหนึ่ง  นักปฏิบัติธรรมทั้งหลายต่างมุ่งปฏิบัติเพื่อไปสู่ความวิเวกนี้

 

                 ความโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นความรู้สึกของการที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม  เรากำลังต้องการใครสักคนและคนที่เราต้องการก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น  คนเราส่วนใหญ่จึงกลัวการได้อยู่คนเดียวและกลัวความว้าเหว่  มนุษย์ทั้งหลายจึงต้องมีการแต่งงานเพื่อหลีกหนีความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายนี้นั่นเอง

 

                     การอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวไม่ใช่ความโดดเดี่ยวเดียวดาย  การอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวเป็นความรู้สึกว่าได้รับการเติมเต็ม  เป็นความรู้สึกที่เพียงพอแล้วและไม่ต้องการใครอีกแล้ว  และความรู้สึกนี้ย่อมเกิดได้ท่ามกลางหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักเท่านั้น

 

                      อะไรเล่า? ที่ทำให้หัวใจของท่านหญิงยูฮวาและท่านแฮโมซูต่างมีใจรักที่ซื่อสัตย์มั่นคงต่อกันได้จนตลอด  แม้วันเวลาจะผ่านไปถึงยี่สิบปี  ทั้งที่เต็มไปด้วยความพลัดพรากและมีแต่อุปสรรคมากมาย  คนทั้งสองมีความสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียวท่ามกลางความไม่มีอะไรพร้อมในทุกด้าน ไม่มีพิธีแต่งงาน ไม่ได้มีความสุขในเรือนหอ ไม่มีการรับรู้ไม่มีสักขีพยานอะไรจากใคร มีแต่ความรักและความเข้าใจระหว่างคนทั้งสองเท่านั้น ก่อนให้กำเนิดกษัตริย์จูมงผู้ยิ่งใหญ่ผู้เป็นวีรบุรุษของชาวเกาหลีเมื่อครั้งโบราณ

 

                       การเข้าถึงความรักแท้ระหว่างคนทั้งสองนั่นเอง  ที่ทำให้เกิดอานุภาพและมีความมั่นคงต่อกันถึงขั้นนั้นได้  ความรักเช่นนั้นเป็นความรักระดับจิตใจของเทพเจ้า เป็นความรักของพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมี  ซึ่งยากที่คนทั่วไปที่ไม่มีอุดมคติในชีวิตจะเข้าใจและหยั่งถึงหัวใจที่ประเสริฐเหนือมนุษย์เช่นนั้นได้

 

                        ในชีวิตของคนๆหนึ่ง หากใครเข้าถึงความรักในระดับนั้นได้อย่างแท้จริงสักครั้ง  เขาหรือเธอผู้นั้นจะไม่ต้องการความรักจากใครอีกตลอดชีวิตของผู้นั้น  ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกล่าวไว้ว่าบุคคลที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน  ย่อมรักเดียวใจเดียวไปจนวันตาย  แม้สามีหรือภรรยาที่ครองชีวิตร่วมกันมา อีกฝ่ายจะตายไปก่อนปล่อยให้อีกฝ่ายต้องกลายเป็นหม้าย  ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะครองตัวอยู่คนเดียวต่อไปจนถึงวันตาย ไม่มีการหาคนใหม่มาทดแทนคนเดิม  พระโสดาบันไม่จำต้องอาศัยการสมาทานวิรัติศีลข้อสามอีกแล้ว  แต่ที่ท่านไม่นอกใจคู่ครองก็เพราะการเข้าถึงรักแท้  มีความเมตตากรุณาอันสูงส่งประจำดวงจิตและมีสติรักษาใจ

 

                     ที่ท่านสามารถทำได้ในขณะที่คนทั่วไปทำไม่ได้เช่นนั้น  ก็เพราะจิตของพระโสดาบันเข้าถึงความรักแท้ที่ไม่ต้องการใครมาเติมเต็มหรือมีความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย  แต่สำหรับปุถุชนยังตัดสังโยชน์สามข้อเบื้องต้นยังไม่ได้  จิตยังเข้าไม่ถึงความรักแท้  จึงยังต้องอาศัยกามารมณ์เป็นเครื่องหมายแสดงออกซึ่งความรักและความอบอุ่นใจ  ปุถุชนจึงสามารถมีความรักและมีคู่ครองได้เรื่อยไป  จนกว่าหัวใจของเขาจะเข้าถึงความรักชนิดนี้ในวันหนึ่ง  คนที่หัวใจเรียกร้องและแสวงหาความรัก ก็แสวงหาความรักชนิดนี้นั่นเอง

 

                     คนที่มีความรักจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว  จะสัมผัสได้ถึงความเต็มเปี่ยมที่มีอยู่ในตัว  ความรักจะทำให้รู้สึกเต็ม  จะทำให้เกิดพลังสร้างสรรค์และรู้สึกอยากแบ่งปันสิ่งดีงามให้กันและกัน  เป็นพลังงานที่ไหลล้นออกจากอีกฝ่ายหนึ่งมอบให้อีกฝ่ายหนึ่งอย่างเต็มใจ  ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงต้องการความรักกันทั้งโลก

 

                        เมื่อหัวใจยังต้องการความรัก  เราจงอยู่กับความรักให้เต็มที่  หากความรักที่มีอยู่ในหัวใจของเรานี้  มีความหวังดีและแผ่ออกไปด้วยดวงใจที่ประกอบด้วยการเสียสละและเกื้อกูล

 

                           ความรักที่ท่านห้ามไม่ให้ทุ่มเทแก่ใคร คือความรักที่เป็นเพียงแค่ความเสน่หาในกามารมณ์ที่ไร้พลังสร้างสรรค์  หรือความรักที่มีแต่ความสุขและประโยชน์สำหรับตัวเองเพียงคนเดียวต่างหาก

 

                         ความรักอันใดเล่าที่ "พระนางมณีรัตนา" มีต่อองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ยอมเสียสละความทะเยอทะยานไม่ยอมรับตำแหน่งพระมเหสี เพื่อให้พระองค์ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอุทิศตนเพื่อการกู้เอกราช  พระนางทรงมีความสุขตามลำพังอยู่ได้ในกรุงศรีอยุธยาและใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปด้วยการรอคอยการเสด็จกลับมาด้วยความปลอดภัยขององค์ผู้เป็นมหาราช ไม่ได้มีความสุขอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนเหมือนที่คนส่วนใหญ่ได้รับ  แต่พระนางก็ไม่รู้สึกว่าขาดแคลนความรักและเดียวดายแต่อย่างใด

 

                          ความเสียสละในการไม่ยอมรับตำแหน่งพระมเหสี  เพื่อให้พระพี่ยาและพระน้องยาทั้งสองมีความรักใคร่กลมเกลียวกันในการกู้ชาติบ้านเมือง  ทำให้สมเด็จพระเอกาทศรถทรงมีความชอบธรรมในการเสด็จขึ้นครองราชย์ภายหลังการสวรรคตของพระพี่ยาเธอผู้ยิ่งใหญ่   พระนางมณีรัตนาก็รักเดียวใจเดียวจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนเรศวรจนถึงวันสิ้นชีพิตักษัย  ทำให้สมเด็จพระเอกาทศรถทรงซาบซึ้งในพระราชหฤทัยของทั้งสองพระองค์ยิ่งนัก ทรงเคารพและนับถือพี่สะใภ้นอกทำเนียบที่ปิดทองหลังพระ ในการเป็นกำลังใจให้สมเด็จพระนเรศวรกู้เอกราชและสร้างชาติไทยจนเป็นปึกแผ่น ซึ่งพระเอกาทศรถทรงรับรู้ในความรักอันเสียสละและยิ่งใหญ่ของทั้งสองพระองค์มาโดยตลอด

 

                      ด้วยความรักความผูกพันอันยากจะหาใครเสมอเหมือนระหว่างบุคคลทั้งสาม ต่อมาพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ได้ตรัสสั่งให้คนรุ่นหลังสร้างเจดีย์เรียงกันไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักความภักดีของสามพระองค์นี้ ณ วัดแห่งหนึ่งภายในกรุงศรีอยุธยา

 

                     ความรักที่พระนางมณีรัตนาทรงมีต่อพระนเรศวรนี้  จะเหนือกว่าความรักของคนทั่วไป อยู่เหนือความโดดเดี่ยวเดียวดาย  แม้พระนเรศวรจะเสด็จยกทัพไปไกลถึงเชียงใหม่หรือกรุงหงสาวดี  แต่สำหรับหัวใจหรือหฤทัยของพระนางย่อมเต็มอิ่ม และรู้สึกว่าองค์สมเด็จพระนเรศวรทรงอยู่ใกล้และทรงอยู่เคียงข้างพระนางเสมอ    นี้คือความรักของวีรบุรุษวีรสตรีที่ทำให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ในการเสริมส่งบุคคลที่ตนรักและภักดีให้ไปถึงจุดหมายแห่งอุดมการณ์  ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีความสุขกันมาได้ ล้วนได้อาศัยความรักอันยิ่งใหญ่และความเสียสละของบุคคลชนิดนี้อันมีอยู่ในแต่ละมุมโลกตลอดมาทุกยุคทุกสมัย

 

                     ความรักเช่นนี้ย่อมอยู่เหนือกาลเวลาและไม่ขึ้นกับระยะทางใกล้ไกล  ไม่ขึ้นกับว่าต้องได้รับความเสน่หาหรือกามารมณ์มากหรือน้อยแต่อย่างใด  เพราะหัวใจของผู้ที่มีความรักเช่นนี้ย่อมเต็มอิ่มเสมอ

 

                    พระจันทร์แม้จะสถิตอยู่เป็นประจำบนฟากฟ้า  แต่ว่าพระจันทร์ก็ไม่ได้เต็มดวงทุกวัน  ที่ใสกระจ่างอย่างเต็มที่มีสีนวลใยนั้น  ตลอดทั้งสามสิบวันก็มีคืนวันเพ็ญอยู่แค่เพียงคืนเดียว

 

                     ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน  ไม่อาจมีความสุขความเบิกบานไปทุกวันได้  ชีวิตจริงของทุกคนที่ดำเนินและเป็นไป  ส่วนใหญ่คือค่ำคืนที่มีแต่พระจันทร์เสี้ยวคอยเป็นเพื่อนประดับฟ้าอย่างรางเลือนเท่านั้น

 

                     เราได้สูญเสียพลังและเวลาไปอย่างมาก  ที่มุ่งรอแต่คืนวันเพ็ญจะมาถึง  เราได้ปล่อยให้อีกยี่สิบเก้าวันเป็นค่ำคืนแห่งความทุกข์ระทม  โดยหมายมั่นและมุ่งหวังจะเอาแต่คืนพระจันทร์เต็มดวงเพียงวันเดียว

 

                     เราอ่านเรื่องราวชีวิตพระอรหันต์และมุ่งปฏิบัติเพื่อหวังจะบรรลุธรรมชั้นนี้ชั้นนั้น  แต่ลืมไปว่าชีวิตที่แท้จริงของเราในปัจจุบัน  ยังต้องการหาเงินซื้อเครื่องสำอางและหาเงินผ่อนรถยนต์ผ่อนบ้านที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน  สิ่งที่ควรทำในวันนี้และขณะนี้จึงไม่ใช่ชีวิตเรื่องราวของพระอรหันต์ แต่คือการรู้สึกตัวมีสติในปัจจุบัน ในการระลึกรู้ความกลุ้มอกกลุ้มใจและความวิตกกังวลในการจะหาเงินมาให้ได้ ที่ปรากฏอยู่ในใจของเราตามความเป็นจริงขณะนี้ต่างหาก

 

                       ความสุขในชีวิตย่อมเกิดขึ้น  เมื่อเราไม่เอาแต่รอคอยคืนวันเพ็ญว่าเมื่อไหร่จะมาถึง  แต่คือการมีชีวิตอยู่กับความเป็นจริงท่ามกลางคืนข้างขึ้นข้างแรมที่เราอยู่ในวันนี้และขณะนี้

 

                         หากวันนี้คือวันข้างแรมอันมืดมิด เรานี้ก็ต้องอยู่ได้  พอวันพรุ่งนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่ข้างขึ้นของเดือนใหม่  เราก็ต้องอยู่ได้  แม้ยังมองไม่เห็นเศษเสี้ยวของพระจันทร์ตลอดทั้งคืน

 

                        ความสุขในชีวิตไม่จำเป็นต้องรอถึงคืนวันเพ็ญเสมอไป  เพราะพอถึงคืนวันเพ็ญขึ้นมาจริงๆเราอาจทะเลาะกับใครขึ้นมาแล้วไม่มีความสุขทั้งคืนก็อาจเป็นได้   ดังนั้นสู้มีความสุขไปกับค่ำคืนวับๆแวมๆสว่างบ้างมืดบ้างไปตามประสา  ก็ยังดีกว่ารอคอยตั้งอีกสิบห้าวันหรือหนึ่งเดือนกว่าจะถึงคืนวันเพ็ญ

 

                       ความรักและความสุขสามารถมีได้เมื่อเรามีชีวิตอยู่กับความเป็นจริงในขณะนี้  อย่าเอาแต่รอคอยคืนวันเพ็ญและใส่ใจหรือให้ค่าต่อคืนเดือนหงายมากเกินไป  จนลืมคุณค่าของคืนเดือนมืดที่มีอีกมากมายอันมีอยู่ในชีวิตจริงของเรา

 

                      เมื่อคืนวันเพ็ญอันแจ่มกระจ่างบังเกิดขึ้นในชีวิต เราก็ดื่มด่ำกับความสุขความเบิกบานอย่างเต็มที่ ด้วยความมีสติ ค่ำคืนใดมีเพียงพระจันทร์เสี้ยวอันบางเรียวเล็กๆอยู่เป็นเพื่อนแห่งราตรี  เราก็สุขใจและยินดีที่ราตรีอันหม่นมัวนี้  ยังมีเศษเสี้ยวแห่งดวงจันทร์คอยปลอบประโลม

 

                       ไม่ว่าชีวิตจะประสบกับเหตุการณ์อันหวาดหวั่นหรือสดใส  ไม่ว่าจะประสบเรื่องราวแห่งความสมหวังผิดหวังดีใจหรือเสียใจ  ใจดวงนี้ย่อมกล้าหาญและยอมรับได้เสมอ แม้นว่าจะเป็นคืนเดือนแรมอันมืดมิด หรือในวันที่ไม่มีพระจันทร์เต็มดวง

 

 

                                                                          คุรุอตีศะ

                                                                   ๓๐  มีนาคม  ๒๕๕๗