ขอเพียงกล้ายอมรับความจริง
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ขอเพียงกล้ายอมรับความจริง
การกล้ายอมรับความจริง เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้มนุษย์เกิดการพัฒนาและเติบโตทางจิตวิญญาณ เป็นการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ที่จะพลิกชะตาชีวิตของเรา จากเดิมที่เคยมีแต่ความอาภัพอับโชคและมีปมด้อยในชีวิตตลอดมา กลายเป็นคนใหม่ที่มีหัวใจหาญกล้าที่พร้อมจะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคทั้งปวง
ผู้ที่ยังยอมรับความจริงในชีวิตของตนเองไม่ได้ หัวใจจะอ่อนแอและก้าวร้าว จะเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและประชดประชันต่อสิ่งต่างๆและหาเพื่อนแท้ไม่ได้ จะต้องคอยกลบเกลื่อนและบิดเบือนความจริงคอยหลอกตัวเองอยู่เรื่อยไป จึงมีความทุกข์มากและมีความกดดันในชีวิตอยู่เสมอ
นักเรียนทหารไม่ว่าจะเป็นสถาบันใด จะมีการฝึกอันสำคัญประการหนึ่งตั้งแต่เบื้องต้นคือ "ฝึกยอมรับความจริง" หรือฝึกความเป็นลูกผู้ชาย การฝึกความเป็น "ลูกผู้ชายชาติทหาร"นี้ จะถือเป็นเรื่องสำคัญมากของทหาร มีความสำคัญยิ่งไปกว่าการจะมาถือสาหาความต่อความผิดความถูกหยุมหยิมเล็กๆน้อยๆ การฝึกความเป็นลูกผู้ชายดังกล่าวนี้ อันดับแรกก็คือ "การกล้ายอมรับความจริง"
การฝึกให้นักเรียนทหารกล้ายอมรับความจริงนี้ บางทีต้องมีการเรียกแถวทั้งกองร้อยลงไปวิดพื้นที่สนามหญ้ากลางดึก แล้วทำการ"ซ่อม"ทั้งกองร้อย เพื่อบีบให้คนที่แอบสูบบุหรี่กล้าที่จะยืดอกยอมรับผิดขึ้นมาด้วยความกล้าหาญของตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิของศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
ด้วยความรักเพื่อน เพื่อไม่ให้เพื่อนถูกทรมานหรือถูกซ่อมทั้งกองร้อย ความสำนึกผิดที่เกิดขึ้นว่าเพื่อนต้องมาเดือดร้อนทั้งกองร้อยก็เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเราเองเพียงคนเดียว ความสำนึกผิดนั้นถึงขั้นทนไม่ได้ เขาจึงต้องเดินออกมาหน้าแถวแล้วยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายว่าตัวเองเป็นคนสูบบุหรี่ พอนักเรียนทหารนายนั้นกล้ายอมรับความจริงเช่นนั้น เขาจะเกิดความกล้าหาญและความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต หลังจากนั้นจิตสำนึกของความเป็นลูกผู้ชายนี้จะติดตัวเขาไปตลอด
ความเป็นลูกผู้ชายจะเกิดขึ้นในจิตวิญญาณของเขานับแต่นั้น เพื่อนทั้งกองร้อยก็จะรักและไว้วางใจต่อคนนั้น ด้วยเหตุนี้ทหารจึงมีความรักเพื่อนและสามารถตายแทนกันได้ในสนามรบ ซึ่งพลเรือนส่วนใหญ่จะไม่ได้ฝึกความเป็นลูกผู้ชายเช่นนี้ จึงยากที่จะเข้าใจผู้ที่เป็นทหาร พลเรือนกับทหารจึงไม่สามารถเข้าใจในสปิริตในข้อนี้ของกันและกัน ความเป็นลูกผู้ชายหรือความเป็นผู้กล้ายอมรับความจริงนี้นั้น ย่อมทำให้ทหารได้ใจกันและสามารถร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคปัญหาทั้งปวง
การเป็นทหารคือการรบกับข้าศึกศัตรูภายนอก ส่วนการปฏิบัติธรรมในศาสนาคือการรบกับข้าศึกภายในคือกิเลส การฝึกวิชาทหารย่อมฝึกความเป็นลูกผู้ชายคือการกล้ายอมรับความจริง ฉันใด การปฏิบัติธรรมอันเป็นการฝึกเพื่อต่อสู้กับกิเลสภายใน ก็ต้องฝึกการยอมรับความจริงให้ได้ยิ่งกว่าการเป็นทหารหลายเท่า
ทหารที่ขาดความเป็นลูกผู้ชาย อาจพาเพื่อนไปตายทั้งกองร้อยกองพัน บุคคลที่ไม่สามารถยอมรับความจริงของตัวเองได้ ย่อมสร้างปัญหาให้แก่คนรอบข้างและสร้างปัญหาให้แก่สังคมโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว เมื่อใดที่รู้จักตนเองตามความเป็นจริงและยอมรับความจริงได้ เมื่อนั้นความสุขใจก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ มักจะมองข้ามเรื่องนี้ไป การปฏิบัติธรรมจึงกลายเป็นการกลบเกลื่อนความจริงไปเรื่อยๆสำหรับบางคน หากวันใดยอมรับความจริงได้ การปฏิบัติธรรมย่อมเกิดผลอันแท้จริงต่อบุคคลนั้น เขาหรือเธอจะพบกับชีวิตใหม่ มีหัวใจดวงใหม่ ที่ไม่หวาดหวั่นต่ออนาคตอีกต่อไป
บุรุษบางคนมีชีวิตที่มีแต่ความราบรื่นมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยจากบ้าน จากพ่อแม่พี่น้อง ไม่เคยรู้จักว่าความทุกข์ความบีบคั้นจิตใจจากการพลัดพรากบ้านเกิดพ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างไร เมื่อจะแต่งงานมีครอบครัวก็ไม่ได้ต่อสู้อุปสรรคเหมือนคนอื่น ชีวิตราบรื่นจนถึงวัยกลางคน แต่เพราะไม่รู้เท่าทันจิตใจตัวเองว่า แท้จริงแล้วตัวเองเบื่อความราบรื่นจำเจ เบื่อภรรยาและลูกที่อยู่กันมานานโดยที่ตลอดมาไม่เคยได้ต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันเท่าใดนัก จึงขาดความรักและความเห็นอกเห็นใจกัน สุดท้ายก็จึงอยากออกจากบ้านเพื่อหาประสบการณ์อย่างอื่นและแสวงหาพระอริยเจ้าตามที่พรรณนาไว้ในหนังสือ
ความไม่รู้จักตนเองตามความเป็นจริงว่า ตนเองเพียงเบื่อความจำเจในครอบครัว เบื่อภรรยาที่ขี้บ่นชอบพูดเหน็บแนมประชดประชันและมักข่มสามีว่าเป็นคนไม่มีความสามารถ จึงอยากหลบออกจากบ้านเพื่อหาความสบายใจเท่านั้นจึงมุ่งหน้าเข้าวัด การที่ไม่กล้ายอมรับความจริงว่า แท้จริงแล้วตัวเองไม่ได้ต้องการปฏิบัติธรรมอะไร แต่ก็ฝืนทำตนเป็นคนเคร่งในศีลธรรมเพื่อให้ภรรยาและลูกมองเห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามว่าไร้ความสามารถ ความอยากเอาชนะภรรยาจึงหันมารักษาศีลปฏิบัติธรรม
การที่ต้องการเป็นผู้นำในครอบครัวแต่เป็นไม่ได้ แม้จะปฏิบัติธรรมไปเพียงใดก็ไม่ใช่ความจริง สุดท้ายก็หลอกตนเองและหลอกคนอื่นต่อไปไม่ได้ ต้องไปเริ่มต้นสร้างวิบากกรรมอันใหม่ด้วยการมีภรรยาอีกคน อันเป็นการชดเชยปมด้อยในใจที่ชีวิตตกอยู่ภายใต้อำนาจภรรยาคนเดิมมาช้านาน นี้คือผลจากการมีจิตใจที่ซ่อนเร้นไม่ยอมรับความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วตนเองต้องการมีภรรยาที่อยู่ในอำนาจและเชื่อฟัง
หากเขากล้ายอมรับความจริงว่า แท้จริงแล้วเขาต้องการเป็นผู้ชายที่มีอำนาจในครอบครัว แทนที่จะทำตัวยอมภรรยาและตามใจไปทุกอย่าง จนกระทั่งภรรยาเข้าใจผิดว่าเขาไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นำในครอบครัว เขาก็ต้องแสดงตัวและแสดงความต้องการเช่นนั้นตั้งแต่ต้นเพื่อให้ภรรยารู้ความต้องการและตัวจริงของเขา ไม่ใช่ตนเองต้องการเป็นผู้นำในครอบครัว แต่ไปทำตัวเป็นผู้ตามและตามใจภรรยาไปทุกอย่างอันไม่ใช่น้ำใสใจจริงของตัวเอง การทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวจริงของเขา ทำให้เขาหมดความเชื่อมั่นในตนเองนับแต่นั้น กว่าจะค้นพบปมด้อยของตนเองและเริ่มต้นใหม่ อายุก็เลยวัยกลางคนแล้ว
ชีวิตของการเป็นสามีภรรยาหรือการมีครอบครัว พระพุทธองค์จึงทรงวางหลักให้มนุษย์ทุกคนที่หวังความรักความจริงใจความร่วมทุกข์ร่วมสุขระหว่างสามีภรรยา ให้ปฏิบัติธรรมหมวดหนึ่งซึ่งชื่อว่า "ฆราวาสธรรม" ได้แก่ ๑.สัจจะ ความจริงใจต่อกัน ๒.ทมะ ความอดกลั้นต่อการกระทบกระทั่งระหว่างกันดุจลิ้นกับฟัน ๓.ขันติ รู้จักอดทนรอคอยเวลาเพื่อให้ทุกสิ่งดีขึ้น รู้จักรอคอยให้โอกาสแก่อีกฝ่ายหนึ่ง รู้จักรอคอยความสำเร็จ ไม่ใจร้อน ๔.จาคะ รู้จักเสียสละต่อกัน ให้อภัยไม่ถือสากันในความผิดพลาดบกพร่องของกันและกัน เหมือนท่อไอเสียรถยนต์ การไม่ถือสาหาความกันนี้เองคือคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ที่ครองใจกันไว้
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงถือเอาสัจจะ ความจริงใจต่อกัน เป็นคุณธรรมข้อต้นสำหรับชีวิตการครองเรือน คนเรานั้นหากไม่มีความจริงใจต่อกัน ถือว่าแก่นสารหรือเนื้อแท้ของความเป็นสามีภรรยากันยังไม่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง แม้จะแต่งงานมีลูกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองจะยังคงชะงักอยู่เพียงในระดับคู่รักเท่านั้นโดยที่คนทั้งสองไม่รู้ตัว
สามีภรรยาคู่ใด ที่ความรักความเข้าใจยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นมีความจริงใจและไว้วางใจต่อกัน ความสัมพันธ์จะอยู่ในระดับคู่รักเท่านั้น จะไม่กล้าแสดงความต้องการตามความรู้สึกอันแท้จริงของตนออกมา ความรักระหว่างคนทั้งสองจะเป็นการเมืองมากกว่าความรัก การแต่งงานจะกลายเป็นการลงทุนทำธุรกิจระหว่างกันมากกว่าความรัก จะมีการใช้วิชาการเมืองคอยแย่งชิงผลประโยชน์จากกันและกัน
จงกล้ายอมรับความจริงเสียแต่วันนี้ บุรุษต้องกล้าหาญและกล้ายอมรับความจริงเยี่ยงบุรุษ อย่าทำอะไรแอบแฝงอันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา บุรุษคนใดกล้ายอมรับความจริงว่า แท้จริงแล้วตนไม่ได้ต้องการปฏิบัติธรรมอะไร แต่ต้องการภรรยาคนใหม่ที่ส่งเสริมความเป็นผู้นำของตัวเอง หากเขามีวาสนาในทางธรรม เขาจะออกบวชได้และเป็นพระที่เป็นที่พึ่งของผู้คนได้ในวันหนึ่ง หากเขาไม่ได้สั่งสมเนกขัมมะบารมีในเรื่องนี้ไว้ เขาก็จะกลายเป็นผู้ชายคนใหม่ที่มีความกล้าหาญ มีภาวะผู้นำและมีบารมี
ขอเพียงกล้ายอมรับความจริงเสียแต่วันนี้ ชีวิตอันสดใสที่เราปรารถนาจะบังเกิดขึ้นทั้งชายและหญิง พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นนาถะเป็นที่พึ่งของชาวโลก พระองค์ประกาศพระธรรมอันประเสริฐเพื่อเป็นที่ซับน้ำตาของสัตว์โลกทั้งแก่บรรดาคนดีและคนชั่ว ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้บรรลุธรรมทั้งพระเขมาเถรี ผู้เป็นอัครสาวิกาเบื้องขวาผู้เลิศด้วยปัญญา ผู้เคยมีฐานะอันสูงศักดิ์ถึงขั้นพระอัครมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร และพระวิมลาเถรีที่บรรลุธรรมถึงขั้นพระอรหันต์ แม้ภูมิหลังจะเคยเป็นผู้มีชีวิตที่ถูกเหยียดหยามที่สุดคือเป็นหญิงโสเภณีมาก่อน นี้คือความมหัศจรรย์ของพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้
การยอมรับความจริงนี้ มิใช่การตอกย้ำปมด้อยหรือความบกพร่องของตนเอง อันจะทำให้จิตใจของตนเศร้าหมอง แต่การยอมรับความจริงคือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่จะทำให้เรามีชีวิตใหม่ อันทำให้ในแต่ละวันผาสุกและร่มเย็นมากขึ้น
ยอมรับความจริงอย่างองอาจกล้าหาญว่า ตัวเรานี้ก็มีความชั่วติดตัวอยู่ไม่น้อย เรื่องอะไรจะทำความชั่วต่อไป สู้รีบเร่งทำความดีและสร้างกุศลดีกว่า ความชั่ว ความเกเร การตามกิเลส ตามใจตัวเอง เราก็ยังกล้าที่จะทำได้โดยไม่แคร์ใครมาแล้ว แล้วเหตุใดในวันนี้ เราจะกล้าหาญทำความดีหรือกล้าหาญในการปฏิบัติธรรมไม่ได้ หากใครคิดได้เช่นนี้ หัวใจของผู้นั้นจะกลายเป็นหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ความสุขและความสดใสย่อมอยู่ไม่ไกลจากเขาแน่นอน
แม้ชีวิตของบุคคลนั้นอาจจะเคยผิดพลาดบกพร่องมามากเพียงใด เทพยดาก็จะอำนวยอวยชัยให้เขาก้าวข้ามอุปสรรคและพบกับความสุขในชีวิต โดยไม่ต้องพูดก็ได้ว่าบรรลุธรรมหรือไม่บรรลุธรรม ขอเพียงหัวใจดวงนั้นเริ่มต้นใหม่ด้วยการมีใจที่กล้าหาญและกล้ายอมรับความจริง
ขอให้ทุกคนตั้งสติเริ่มต้นยอมรับและรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงเสียแต่วันนี้ แล้วทุกสิ่งจะดีขึ้น ชีวิตของมนุษย์คนเรานั้น ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ไม่มีใครเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ยกเว้นแต่ทารกที่อยู่ในครรภ์
ขอเพียงกล้ายอมรับความจริง ทุกสิ่งที่เราแสวงหาและไขว่คว้ามาเนิ่นนาน จะเริ่มฉายฉานสู่ความเป็นจริงในชีวิตของเรา การบรรลุธรรมหรือธรรมะทั้งหลาย แท้ที่จริงแล้วอยู่ตรงนี้กับเราเสมอมา เพียงแค่ว่าเรากล้าเปิดหัวใจยอมรับความจริง
คุรุอตีศะ
๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗