ความทุกข์ของคนดี

ความทุกข์ของคนดี

 


             ผู้คนส่วนใหญ่มีความสนใจและเข้าใจดีว่า คนที่ทำชั่ว ทำผิดพลาด ต้องประสบกับความทุกข์และมักให้ความเห็นใจแก่ผู้คนที่ทำผิดเหล่านั้นอยู่มากมาย  แต่คนดีอีกหลายคนที่ไม่ได้เบียดเบียนใคร  บางทีต้องทนต่อแรงกดดันอะไรมากมาย  ต้องได้รับผลจากการกระทำของคนอื่น  แต่ก็มีน้อยนักที่จะมีคนเห็นใจ มองเห็นหัวอกและความทุกข์ของคนดีเหล่านั้น


              เรามักเห็นใจคนชั่ว คนเลวที่มีทุกข์  แต่คนที่ทำความดีมาตลอด  กลับไม่มีใครสนใจในความทุกข์และเห็นใจในความอดทนอดกลั้นของคนดีมีศีลธรรมและเสียสละเหล่านั้น


              การทำความชั่ว ความเลว ทำในสิ่งที่ผิดพลาด  เป็นสิ่งที่ทำได้โดยง่าย  จะทำเวลาใดก็ได้ และคนส่วนใหญ่มักมีใจน้อมที่จะทำความชั่วกันอยู่แล้ว  ดังนั้น คนทั้งหลายจึงเข้าใจหัวอกคนชั่วได้ง่ายกว่าการจะเข้าใจในหัวอกของคนดี


               คนเกเร คนอันธพาลจะมีเพื่อนมาก จะมีคนเข้าใจได้ง่าย  แต่วันใดคนที่เคยเกเรเคยเป็นอันธพาลคนนั้นกลับตัวกลับใจหันมาสนใจในบุญกุศลและคุณธรรมความดี  เพื่อนของเขาจะหายหน้าไป  เขาจะเริ่มโดดเดี่ยวไม่มีเพื่อนมากมายเหมือนแต่ก่อน


               เพราะคนส่วนใหญ่กลัวการไม่มีเพื่อน กลัวจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว  จึงมักจะเลือกที่จะอยู่ท่ามกลางคนชั่วด้วยกันมากกว่าที่จะเลือกคุณธรรมความดี  ทั้งที่ๆทุกคนก็รู้แก่ใจดีว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แต่ก็มักเลือกที่จะทำในสิ่งที่ไม่ดีตามคนอื่นเพราะกลัวจะไม่มีเพื่อนไม่มีคนเข้าใจนี้นั่นเอง


               การทำความชั่ว เป็นสิ่งที่ทำได้โดยง่าย  จะทำตอนนี้ก็ได้เพราะไม่ต้องใช้ความอดทนหรือฝืนใจอะไร  ดุจการปล่อยให้เรือหรือสวะลอยไปตามกระแสน้ำ  เราไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถอะไรมากมายนักก็ทำความชั่วได้สำเร็จแล้ว


                การทำความดี คือการพายเรือทวนกระแส  จึงเป็นสิ่งที่ทำได้โดยยากและเป็นสิ่งที่ต้องใช้กำลังใจอย่างมากจึงจะทำได้สำเร็จ  ในโลกนี้จึงมีคนทำความดีน้อย มีคนทำชั่วมากกว่า  และที่เคยทำดีตลอดมา ก็พลัดตกลงไปทำความชั่วเหมือนคนอื่นก็มีอีกมาก  คนในโลกส่วนมากจึงไม่อยากทำความดีเพราะเหตุนี้


                ไม่ว่าเราจะเลือกทำความชั่ว ปล่อยตัวหรือปล่อยชีวิตให้ลอยไปตามกระแส ตามคนอื่น หรือตามสังคมสักเพียงใด  แต่ผลสุดท้ายสักวันหนึ่ง เราและเขาเหล่านั้นก็ต้องตัดสินใจพายเรือทวนกระแสน้ำกลับขึ้นไปสู่ฝั่งวันยังค่ำ คือสุดท้ายก็ต้องกลับตัวกลับใจมาทำความดี  แล้วเหตุใดเราจึงไม่รีบตัดสินใจละจากความชั่วแล้วรีบเร่งทำความดีเสียแต่วันนี้  ก่อนที่เรือลำนี้จะจมลงใต้น้ำและสายเกินไป


                ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำสุภาษิตว่า "ทางเตียนเวียนลงนรก  ทางรกวกขึ้นสวรรค์"  หมายความว่า หนทางที่จะนำเราไปพบความวิบัติ ความทุกข์ความหม่นหมอง นำไปสู่นรกนั้น  ผู้คนทั้งหลายพากันเดินไปมากมายจนหนทางเตียนโล่งไปหมดทุกเมื่อเชื่อวัน


              ส่วนเส้นทางที่จะขึ้นไปสู่สวรรค์ ที่จะพบกับความสุขความรื่นรมย์ในบั้นปลายนั้น เต็มไปด้วยป่ารกเพราะไม่ค่อยมีคนเดิน  คนที่ตั้งใจทำความดีหรือที่จะได้ไปสวรรค์จึงจำต้องเดินสวนทางกับคนอื่นที่กำลังเดินอยู่มากมายเหล่านั้น  และต้องมีสติปัญญาอันแยบคายที่รู้ทันว่า ทางขึ้นสวรรค์นั้นซ่อนอยู่ในป่ารกที่คนทั่วไปมองไม่เห็นและไม่ค่อยมีใครเดิน  ผู้ที่มีปัญญาอันลึกซึ้งอย่างนี้เท่านั้นจึงจะพบทางขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จ


                โจรย่อมเข้าใจและเห็นอกเห็นใจโจรด้วยกัน  โจรย่อมไม่มีความเห็นใจตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเป็นธรรมดา   วันใดที่โจรเข้าใจและเห็นใจเจ้าหน้าที่  วันนั้นเขาย่อมเลิกเป็นโจรแน่นอน


                บุคคลผู้ใฝ่ดีหรือตั้งใจทำความดีทั้งหลาย  จึงต้องมีสติปัญญาอันแยบคายในการดำเนินชีวิตประการหนึ่งว่า  ทางแห่งความดีหรือทางไปสวรรค์นั้นถูกซ่อนอยู่ในที่รกเพราะนานๆทีจึงจะมีคนเดิน  ส่วนทางที่เตียนโล่งผู้คนพากันเดินฉุยฉายหัวเราะร่ากันอยู่นั้น  เขากำลังพากันเดินลงเหวไปสู่นรก  แต่เขาพากันคิดว่าทางนั้นเป็นทางไปสวรรค์ด้วยความหลงผิดเท่านั้น  เราอย่าไปให้ค่าหรือใส่ใจต่อคนที่กำลังประมาทเหล่านั้นจนตัวเองเกิดความหวั่นไหว  แต่จงรีบพายจ้ำทวนกระแสน้ำขึ้นไปสูฟากฝั่งที่ปลอดภัยดีกว่า  การตั้งหน้าตั้งตาประคองสติมั่นในการพายเรือเพื่อให้ถึงจุดหมายต่างหากคือภาระหน้าที่ของเราขณะนี้โดยตรง


                  ทางแห่งความดีนั้น  ย่อมทำยากในตอนแรกเหมือนการตัดสินใจพายเรือทวนกระแสน้ำ  ความยากอันดับแรก คือการละจากความชั่ว ทำอย่างไรใจจึงจะเข้มแข็งพอในการที่จะละเว้นจากความชั่วเหล่านั้นได้  ความยากในขั้นต่อไป คือการทำความดีให้เต็มที่เต็มกำลัง  ทำอย่างไรจึงจะมีกำลังใจทำความดีอย่างไม่มีการท้อแท้เบื่อหน่าย  จนหัวใจเต็มไปด้วยความปีติและภูมิใจว่าเกิดมาชาตินี้เราได้ทำความดีอย่างเต็มที่แล้ว


                   ความยากประการสุดท้าย คือการทำอย่างไรที่จะให้ใจดวงนี้ไม่หวั่นไหว มีความผ่องใส ไร้ความวิตกกังวล  ไม่ต้องเป็นคนดีที่มีความทุกข์  อันเป็นความดีที่พิเศษที่ยืนอยู่เหนือดีเหนือชั่ว เหนือกว่าชาวโลกทั่วไป  ความดีประเภทนี้เองที่ชาวโลกจะรู้จักได้  ก็ต่อเมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้เท่านั้น


                   หากไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พวกเราทั้งหลายจะรู้จักแต่คำสอนที่สอนว่า "ไม่ให้ทำความชั่ว ให้ทำแต่ความดี"  แต่คนที่ทำความดีแล้ว ยังมีความยึดมั่นถือมั่น มีความวิตกกังวลนั้นจะทำอย่างไรต่อไป  ยกเว้นแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว  จะไม่มีใครสอนวิชาเหนือดีเหนือชั่ว เพื่อให้คนดีเหล่านั้นทั้งหลายอิสระจากความทุกข์ ความคับแค้นและความบีบคั้นในหัวใจได้เลย


                    การจะเข้าถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ต้องเริ่มต้นที่การละจากความชั่วเหมือนการล้างเหงื่อไคลล้างตัวให้สะอาดเสียก่อน  หลังจากนั้นก็ทำความดีให้ถึงพร้อมเหมือนการปะแป้งแต่งตัวให้สวยงามอย่างเต็มที่  ต่อจากนั้นก็ฝึกฝนจิตใจให้ดีให้มีความผ่องใสไร้กังวลเหมือนคนที่ออกสังคมนอกจากแต่งตัวสวยแล้วยังมีมารยาทและจิตใจงามพร้อมอีกด้วย  ชีวิตเช่นนี้จึงจะมีความสุขและสมบูรณ์


                    ความทุกข์ของคนดีแทบทั้งหมด เกิดมาจากความยึดมั่นถือมั่น  เมื่อตนเองทำความดีแล้วก็อยากบังคับหรือบงการให้คนอื่นเขาทำเหมือนตนเองด้วย  เห็นคนเขาเดินบนทางโล่งๆแต่เรารู้ว่าเขาจะพากันไปตกเหวตาย  จึงพยายามจะเคี่ยวเข็ญให้เขามาเดินเส้นทางนี้ที่ตนกำลังเดิน  แต่บังเอิญทางนี้เป็นทางรกมากแทบมองไม่เห็นทาง  ผู้คนเหล่านั้นนอกจากจะไม่ยอมเดินแล้วเขายังตะคอกใส่หน้าตัวเองอีกด้วยว่า "แกนี่ช่างโง่เขลา  ทางที่เตียนโล่งกลับไม่เดินเหมือนคนอื่น  กลับมาทำในเรื่องที่โง่เง่า มาเดินอะไรในป่ารกแบบนี้  นึกว่าจะมีสติปัญญา แต่กลับมาทำอะไรในสิ่งไร้ประโยชน์ ช่างเป็นคนสิ้นคิดอะไรเช่นนี้"


                     ฝ่ายคนที่ตั้งอกตั้งใจประพฤติความดีมาเป็นเวลานาน  บางคนทนไม่ไหวก็หอบเสื้อผ้ากลับบ้าน กลับไปเดินทางเตียนเป็นเพื่อนกับพวกนั้นดีกว่า  บางคนก็ยังใจแข็งและมั่นคงอยู่ได้แต่ก็ต้องเสียน้ำตา  ด้วยความเสียใจว่า "เราทำแต่ความดีไม่ได้เบียดเบียนใครแท้ๆ  แต่ทำไมมีแต่คนมาทำร้ายจิตใจเรา"


                     นักปราชญ์ทั้งหลายในโลกท่านบอกผู้คนมาทุกยุคทุกสมัยว่า การทำความดีหรือการสร้างกุศลสร้างบารมีนั้น  ย่อมเหมือนการพายเรือทวนกระแสน้ำ  ตอนแรกก็ต้องพบกับความลำบากและต้องผ่านความทุกข์ยากเป็นธรรมดา  แต่เมื่อผ่านความเชี่ยวกรากของสายน้ำขึ้นไปได้แล้ว  ก็จอดเรือวางฝีพายไว้ริมฝั่งแล้วนอนพักได้อย่างสบาย   ขอเพียงออกแรงแข็งใจพายขึ้นไปอีกสักหน่อยก็ถึงจุดหมายแล้ว


                     โลกมนุษย์ของเรานี้  เปรียบเหมือนชุมทางใหญ่ซึ่งเป็นที่รวมของเส้นทางทุกสายแบบสถานีรถไฟหัวลำโพงหรือสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต   เป็นภพภูมิกลางๆที่ใครจะเลือกเดินไปทางไหนก็ได้  ใครจะเลือกเดินทางเพื่อไปเป็นเทวดาก็ทำได้  หรือใครจะเลือกไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน  ไปเป็นเปรต  ไปเป็นอสุรกาย หรือเป็นสัตว์นรก  ก็สามารถเลือกได้ตามใจทั้งสิ้น


                     หากต้องการไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์หรือได้กลับมาเป็นมนุษย์อีก  ก็เลือกเส้นทางที่รกคือหมั่นอดทนอดกลั้นต่อการสร้างบุญกุศลและการบำเพ็ญบารมี  หากอยากไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ก็ทำได้ง่ายคือเดินทางที่เตียนโล่งซึ่งใครๆก็เดินกันอยู่แล้ว คือหมั่นมีความโลภมากๆ  โกรธแค้นอาฆาตพยาบาทมากๆ  ลุ่มหลงมัวเมาให้มากเข้าไว้  รับรองว่าได้ไปเกิดในสถานที่เหล่านั้นสมใจ     แต่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกได้เมื่อไหร่ ข้อนี้ไม่มีใครกล้าพยากรณ์หรือรับรอง


                      พระพุทธองค์ทรงตรัสเตือนพวกเราว่า "เมื่อทำความดีแล้ว จงรักษาคุณความดีของตนไว้ ดุจเกลือรักษาความเค็ม"  แสดงว่าการทำความดีนั้นต้องมีสติอยู่เสมอ  อย่าให้สิ่งใดหรือบุคคลใดมาทำลายความดีที่ตนอุตส่าห์ประพฤติบำเพ็ญ  เหมือนเกลือที่รักษาคุณค่าความเค็มของเกลือไว้อย่างมั่นคง


                    ความทุกข์ของคนดีคือความทุกข์จากความยึดมั่นในความดีแล้วเกลียดคนชั่ว  การทำความดีอย่างเดียวจึงยังไม่เป็นการเพียงพอ  ต้องรู้จักการเจริญสติในชีวิตประจำวันด้วย  สติจะได้เป็นปราการคุ้มครองใจไม่ให้ถือสาต่อความผิดพลาดและความชั่วของใครที่เขายังใช้ชีวิตด้วยความประมาทอยู่


                    คนดีที่รู้จักเจริญสติอย่างเป็นธรรมชาติ  จะมีความมั่นคงในการรักษาคุณงามความดีของตน  จะรู้จักอดทนในสิ่งที่ควรอดทน  รู้จักที่จะใช้ความกล้าหาญในการแก้ปัญหาและอุปสรรค  จะมีความรักความเข้าใจและมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่อยากซ้ำเติมคนที่ทำความผิดพลาดและสำนึกผิดแล้ว  จะเป็นผู้สามารถให้กำลังใจแก่คนที่กำลังทำความดี  มีความเห็นอกเห็นใจคนที่ทำผิดทำชั่วหรือมีความผิดพลาดในชีวิต  คนดีเช่นนี้จะเป็นที่พึ่งที่พักพิงให้แก่ผู้คนได้อย่างกว้างขวางทั้งคนดีและคนชั่ว


                    สำหรับคนที่ทำความผิดพลาดในชีวิตมาแล้ว ขอจงมีกำลังใจและเลิกสนใจอดีตเสียแต่วันนี้ จงเชื่อมั่นและเข้มแข็งในการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่  เพียงแข็งใจลุกขึ้นอีกนิดเดียว เราก็จะพบชีวิตใหม่ที่สดใสแล้ว


                 ขอให้ผู้ที่ตั้งใจทำกุศลคุณความดีทั้งหลาย  จงมีกำลังใจและบากบั่นทำความดีต่อไป  บุคคลใดเป็นผู้สูงส่งด้วยคุณธรรมความดีอยู่แล้ว  ขอจงรักษาความสูงส่งของตนไว้ อย่าให้สิ่งใดดึงเราลงสู่ที่ต่ำเป็นอันขาด  จงรักษาคุณความดีของตน ดุจเกลือคงไว้ซึ่งความเค็มไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดกาล

 


                                                                             คุรุอตีศะ
                                                                     ๒๗  มีนาคม  ๒๕๕๗