การประพฤติพรหมจรรย์

การประพฤติพรหมจรรย์

 


               คนเราเมื่อกระทำบำเพ็ญคุณงามความดีด้วยทาน ศีล ภาวนาอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและด้วยความสม่ำเสมอแล้ว  จะเกิดวิวัฒนาการของชีวิตขึ้นมาในทางที่งดงามและสูงส่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ  จิตจะก้าวสู่ความเจริญงอกงามด้วยคุณธรรมภายใน ทำให้เกิดความรู้สึกอยากประพฤติธรรมให้เคร่งครัดและประณีตสูงขึ้นถึงในขั้น "การประพฤติพรหมจรรย์" อันเป็นมงคลประการที่ ๓๒ ในมงคล ๓๘ ซึ่งพระสงฆ์จะนำมาสวดในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในงานมงคลเพื่อทำน้ำมนต์ทุกงานที่ได้รับอาราธนานิมนต์


                การประพฤติพรหมจรรย์ คือ การประพฤติอย่างพรหม การมีชีวิตอย่างประเสริฐอย่างพรหม เป็นการประพฤติตามคุณธรรมต่างๆในทางพระพุทธศาสนาให้เคร่งครัดยิ่งขึ้น  เพื่อไม่ให้กิเลสฟูกลับขึ้นมาอีก


                 ตามธรรมดาของปุถุชน  แม้จะทำความดีและมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมสักเพียงใด  เมื่อถึงจุดหนึ่ง หากเกิดความประมาทกิเลสก็ฟูกลับขึ้นมาได้  กลายเป็นคนหันหลังให้กับการทำความดีหรือเลิกประพฤติธรรม ซึ่งเรามักพบเห็นได้ทั่วไป ที่บางคนเคยไปวัดรักษาศีลมีลักษณะของผู้ใฝ่ในการประพฤติธรรมอย่างเคร่งครัด ต่อมาภายหลังเขากลับหันหลังให้กับการประพฤติธรรมกลายเป็นคนทำตัวไหลไปตามกระแสกิเลสแบบชาวโลกทั่วไป  ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เขาประมาทไม่รีบประพฤติพรหมจรรย์ให้ยิ่งขึ้นไป ในขณะที่จิตใจกำลังเต็มเปี่ยมด้วยกุศลธรรมความดี  ชีวิตของเขาจึงตกต่ำลงไปอย่างที่เห็น


                  ชาวสวนชาวไร่  หลังจากแผ้วถางป่า เผาหญ้ากำจัดวัชพืชเรียบร้อยแล้ว  ต้องรีบปลูกพืชผักผลไม้ลงไป  ก่อนที่หญ้าและวัชพืชจะงอกระบาดขึ้นมาใหม่  คนเราเมื่อบำเพ็ญตบะด้วยทาน ศีล ภาวนา ทำความเพียรในการก่อสร้างกุศลบารมีจนกิเลสในใจเบาบางแล้ว  ก็ต้องรีบปลูกฝังคคุณธรรมต่างๆลงในใจด้วยการประพฤติพรหมจรรย์  เพื่อยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น  ก่อนที่กิเลสจะฟูกลับขึ้นมาใหม่อีก


                   ในมงคลสูตรหรือที่เรามักได้ยินบ่อยๆว่า "มงคล ๓๘" ท่านจึงกล่าวถึงมงคลข้อที่ ๓๒ ว่าด้วยการประพฤติพรหมจรรย์นี้ว่าเป็นมงคลอันสูงสุดประการหนึ่งในบรรดามงคลทั้ง ๓๘ ประการ  เพราะจะทำให้บุคคลที่อุตส่าห์บำเพ็ญกุศลความดีด้วยความเหนื่อยยากพากเพียรตลอดมานั้น  ไม่มีวันต้องตกต่ำหรือถอยหลังกลับในการทำความดีอีก  เหมือนคนที่ผ่านด่านสำคัญของชีวิตที่มีแต่จะก้าวหน้าไปอย่างเดียว


                     การประพฤติพรหมจรรย์นั้น  ท่านแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ  ตามความเข้มแข็งของจิตใจหรืออินทรีย์ของแต่ละคน  แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นๆจะปฏิบัติได้ในพรหมจรรย์ขั้นไหนในชีวิตจริงของตน  ใครปฏิบัติได้ในระดับใด  ก็ย่่อมปลอดโปร่งหัวใจและมีความสงบสุขร่มเย็นในชีวิตของตนตามภูมิจิตนั้นๆ


                        พรหมจรรย์ชั้นต้น  สำหรับผู้ครองเรือน  ก็ให้ประพฤติพรหมจรรย์ด้วยการพอใจเฉพาะคู่ครองของตนเท่านั้น  พรหมจรรย์ชั้นต้นนี้ ก็คือการรักษาศีล ๕ ไม่นอกใจภรรยาสามี  ภาษาบาลีท่านใช้คำว่า "สทารสันโดษ" (สะ-ทา-ระ-สัน-โดด)  ใครปฏิบัติได้ในข้อนี้  ท่านก็ยกย่องว่าบุคคลนั้นได้ประพฤติพรหมจรรย์เหมือนกัน  เพราะต้องเป็นผู้มีสติและมีจิตใจที่เข้มแข็งหนักแน่นจึงจะประพฤติและปฏิบัติได้ นี้คือการปฏิบัติธรรมอันสำคัญสำหรับผู้ครองเรือน  อันเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นต้น


                        พรหมจรรย์ชั้นกลาง  สำหรับผู้ครองเรือนอีกเช่นกัน  แต่ประพฤติปฏิบัติให้สูงขึ้นไปอีกและใช้กำลังใจที่สูงกว่า  คือนอกจากรักษาศีล ๕ แล้ว ก็ให้รักษาศีล ๘ เป็นคราวๆไปและหมั่นฝึกจิตใจให้มีพรหมวิหาร ๔  พรหมจรรย์ชั้นนี้หากใครปฏิบัติได้ คู่สามีภรรยาจะเริ่มพัฒนาจากความเป็นสามีภรรยาธรรมดา  กลายเป็นคู่บารมีและเกิดความรักความเคารพกันยิ่งขึ้น  หากยังไม่สิ้นกิเลสไปเกิดและพบกันในชาติใหม่  ก็จะเป็นคู่สร้างคู่สมพากันสร้างความดีต่อไป  กรรมจะจัดสรรให้เกิดในวัยและอายุที่มีความเหมาะสมกัน  และตราบใดที่ยังไม่พบคู่ที่แท้จริงของตน ก็จะไม่สับสนในการเลือกคู่เหมือนปุถุชนคนอื่น


                        พรหมจรรย์ชั้นสูง  สำหรับผู้ไม่ครองเรือน  ถ้าเป็นฆราวาสอย่างน้อยก็รักษาศีล ๘ ตลอดชีวิต  โดยมีจุดหมายประจำดวงจิตที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางเพศเลย  หรือออกบวชเป็นพระภิกษุ เจริญสมาธิวิปัสสนา  ปฏิบัติธรรมตามหลักไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อความเจริญงอกงามในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่  การประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นนี้นั่นเองที่เราเข้าใจกันโดยทั่วไป


                              ความสุขในภูมิชั้นของโลกียภูมิ  ย่อมมีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากันไป  ความสุขในชั้นนี้ย่อมมีการยักย้ายถ่ายเทขึ้นลงได้ตลอด  เอาอะไรแน่นอนไม่ได้  มีลูกมีครอบครัวก็คิดว่าจะสุข  พอมีเข้าจริงก็มีเรื่องให้กลุ้มใจให้ทุกข์จนได้ คนที่ยังหาคู่ไม่ได้ ก็มักคิดว่าหากแต่งงานวันไหน ชีวิตนี้จะมีความสุข พอแต่งแล้วกลับพบกับความทุกข์ที่หนักกว่าเดิมหลายเท่า  แต่ก็ไม่อาจบอกใครได้  จึงต้องฝืนยิ้มกล้ำกลืนกันไป  อยากกลับไปเป็นโสดใหม่ ก็หมดโอกาสอีกแล้วตลอดชีวิต นี้คือโมหะที่มาบังตาให้ผู้คนหลงวนอยู่ในโลก   หากไม่ได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระอริยเจ้าด้วยใจที่เคารพ  จะไม่มีปัญญามองเห็นความจริงข้อนี้เลย


                                ความสุขในทางโลกท่านเปรียบเหมือนพยับแดด ซึ่งพอเข้าไปใกล้กลับไม่เห็นมีอะไร สุขทางโลกีย์ก็เหมือนกัน  ได้แต่หวังว่าจะเจอสุข  แต่พอเจอเข้าจริงกลับกลายเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป


                                คนชาวโลกที่หลงวิ่งตามความสุขและเข้าใจว่าตัวเองมีความสุขกันอยู่นั้น  เพราะไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมและเกิดปัญญามองเห็นความจริงของชีวิตอย่างที่พระอริยเจ้าท่านมองเห็น  หากวันใดบุคคลนั้นเกิดปัญญาอันแท้จริง บุคคลนั้นจะเกิดความสลดสังเวชในการที่ตนหลงเล่นอุจจาระเล่นดินดุจเด็กน้อยมาช้านาน  ผู้ที่เห็นคุณค่าพระนิพพานหรือการประพฤติพรหมจรรย์จนสละทางโลกได้  จึงมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ที่ทั้งมนุษย์และเทวดาตลอดทั้งภพภูมิที่อยู่ในภาคกายทิพย์ต่างพากันสรรเสริญและอนุโมทนา


                        หากเราเป็นผู้ครองเรือน  เราจงประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นต้นและชั้นกลางเพื่อประคองชีวิตของเราไม่ให้ไหลลงไปสู่ทางที่ชั่วหรือตกต่ำลงไปเหมือนคนอื่น  แม้จะยังยินดีและพอใจในความสุขที่ยังอาศัยกามารมณ์เป็นหลักอยู่  แต่ก็เป็นการบริโภคกามอย่างมีสติ  ดุจคนมีปัญญารู้จักใช้ไฟในการหุงข้าวต้มแกง  แต่ก็รู้จักโทษของไม้ขีดไฟว่าไม้ขีดเพียงก้านเดียวก็สามารถทำให้ไฟไหม้บ้านวอดวายทั้งหลังได้  ผู้อยู่ครองเรือนจึงต้องมีสติระวังในการบริโภคใช้สอยกามารมณ์ไม่ให้เกิดทุกข์โทษตามมา คือครองตนอยู่ในศีล ๕ ไว้


                       การประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นนี้  จะส่งผลให้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันในชีวิตนี้หากรู้จักการเจริญสติภาวนา  หากเกิดใหม่ในชาติหน้าจะไม่อาภัพรักและได้พบคู่แท้ในการสร้างบารมีต่อไป


                         นักปฏิบัติธรรมควรมีความเข้าใจเรื่องการประพฤติพรหมจรรย์กำกับไว้ด้วย  จึงจะไม่หลงผิดเดินออกนอกทางหรือถูกมารล่อลวงให้ติดบ่วง เป็นเครื่องกั้นการเจริญอริยมรรคของตน มิฉะนั้น จิตจะเต็มไปด้วยนิวรณ์ทั้ง ๕ ทำให้ใจเกิดความขุ่นมัวหรือเกิดความเศร้าหมอง  ทำสมาธิเท่าไหร่ใจก็ไม่สงบลงได้


                        บุคคลใดปรารถนาปฏิบัติธรรมเพื่อการสู่มรรคผลหรือการมีชีวิตอยู่กับการเจริญสติที่รู้ ตื่น เบิกบาน  ต้องมีพื้นฐานของการประพฤติพรหมจรรย์ขั้นต้นรองรับ  มิฉะนั้นการปฏิบัติธรรมจะได้เพียงความสบายใจเป็นครั้งคราว  แล้วความทุกข์ก็เกิดใหม่วนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนคนเป็นโรคเรื้อรังที่ความเจ็บปวดทุเลาลงบ้างเป็นบางครั้งเพราะกินยาระงับความเจ็บปวด  ไม่นานความเจ็บปวดก็หวนกลับมาใหม่


                        พระภิกษุที่มิใช่บวชด้วยเจตนาอย่างอื่น แต่มุ่งออกบวชเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ด้วยเจตนาบริสุทธิ์อันแท้จริง  เมื่อประพฤติพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัดตามพระวินัยบัญญัติ ภายในเวลา ๕ พรรษา หากเจริญสมถภาวนาก็จะได้อัปปนาสมาธิ หากเจริญวิปัสสนาหรือเจริญสติภาวนาก็จะได้บรรลุโสดาบันมีจิตใจมั่นคงในพระศาสนา  ยกเว้นมีวิบากกรรมบางอย่าง  พระในสมัยก่อนท่านจึงมักเป็นพระแท้มีความสงบมั่นคง   บางองค์บางท่านแม้จิตยังเป็นปุถุชน แต่ก็มุ่งมั่นสร้างกุศลบารมีตามอย่างพระโพธิสัตว์


                            ฆราวาสผู้ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ด้วยเจตนางดเว้นจากกามารมณ์  จิตใจจะแจ่มใสและมักรู้เห็นอะไรแปลกๆอันเป็นผลจากจิตใจใสสะอาดจากกามารมณ์  หากเป็นสตรีจะไม่เป็นคนที่โหยหาความรักและจะมีอำนาจในตัวเองทำให้บุรุษนึกเคารพยำเกรงอยู่ในที จิตใจจะแจ่มใสเป็นปกติ


                                บุรุษเพศผู้ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ชั้นต้น  จะทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองได้รวดเร็ว และจะทำให้เกิดอานิสงส์ได้พบพระอริยเจ้าแม้ตนเองอาจไม่รู้จักว่าท่านเป็นพระอริยะ  ส่วนสตรีผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในขั้นต้น  จะมีใจร่มเย็นมีความสุขและมีสมาธิอยู่ในตัว  จะมีความโอบอ้อมอารีมีน้ำใจและมีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  จิตใจจะน้อมไปสู่การประพฤติพรหมจรรย์ที่สูงขึ้นไป


                               ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นกลาง  ที่สามารถตกลงพร้อมใจกันละเว้นกามารมณ์ในวันโกนวันพระตามแบบภูมิปัญญาแห่งบรรพกาล  อานิสงส์ในการทำในสิ่งที่ฆราวาสทั่วไปทำได้ยากนี้  จะทำให้เทวดายินดีคุ้มครองรักษาครอบครัวนั้น  การทะเลาะเบาะแว้ง การหึงหวงการหวาดระแวงจะหายไป


                             ทั้งสองจะมีความรักความเมตตาและความเคารพนับถือกัน  มีความรักที่สะอาดสูงส่งขึ้นดุจเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์  จะมีหัวใจที่ไม่เคยขาดแคลนความรักอีกต่อไป จะเป็นผู้บริโภคกามารมณ์อย่างมีสติและจิตใจจะไม่รู้สึกว่าตนขาดแคลนกามารมณ์เหมือนบางครอบครัวหรือบางคู่ คู่สามีภรรยาที่ประพฤติพรหมจรรย์ชั้นกลางได้ จะกลายเป็นอุบาสกอุบาสิกาผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองเรือนด้วยการประพฤติธรรม กลายเป็นผู้มีพลังกายพลังใจในการอุปถัมภ์ค้ำชูพระศาสนาได้จนตลอดชีวิต


                              การประพฤติพรหมจรรย์ไม่ว่าจะเป็นระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง  ล้วนเป็นสิ่งที่ทำได้โดยยาก  ต้องเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจเข้มแข็งจริงๆจึงจะปฏิบัติธรรมในข้อนี้ได้  ดังนั้นพระพุทธองค์จึงจัดไว้เป็นมงคลข้อที่ ๓๒ อันใกล้ข้อสุดท้ายแล้ว  บุคคลใดปฏิบัติได้ ชีวิตของบุคคลนั้นย่อมอยู่ใกล้พระนิพพาน หากเป็นฆราวาสก็จะได้เป็นพระโสดาบันก่อนตาย


                            ในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ว่า "บุคคลย่อมเข้าถึงความเป็นกษัตริย์ ด้วยพรหมจรรย์ชั้นต่ำ ย่อมเข้าถึงความเป็นเทพ  ด้วยพรหมจรรย์ชั้นกลาง  ย่อมหมดจดจากกิเลส ด้วยพรพรหมจรรย์ชั้นสูง"


                             นอกจากนั้น  ท่านยังได้กล่าวถึงอานิสงส์การประพฤติพรหมจรรย์ไว้ดังนี้


                   ๑. ทำให้ปลอดโปร่งใจ ไม่ต้องกังวลหรือหวาดระแวง
                   ๒. ทำให้เป็นอิสระ เหมือนนกน้อยบินไปในอากาศ
                   ๓. ทำให้มีเวลามากในการทำความดี
                   ๔. ทำให้เป็นที่สรรเสริญของบัณฑิตทั้งหลาย
                   ๕. ทำให้ ศีล สมาธิ ปัญญา เจริญรุดหน้าไม่ถอยกลับ
                   ๖. ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่าย


                การปฏิบัติธรรมที่จะได้ผลอันแท้จริง หากเป็นฆราวาสต้องประพฤติพรหมจรรย์ขั้นต้นให้ได้เสียก่อน  ไม่ใช่ปฏิบัติธรรมเพียงแค่การแสวงหาความสบายใจเป็นครั้งคราวเหมือนการไปปิกนิกเท่านั้น  พอสบายใจนิดหน่อยก็ไปเล่นกับไฟหรือเพลิดเพลินหลงระเริงใหม่  พอไม่สบายใจก็ค่อยหันมาปฏิบัติธรรม  หากไม่รู้เท่าทันกิเลสของตัวเอง  จะกลายเป็นคนลบหลู่ครูบาอาจารย์หรือลบหลู่การปฏิบัติธรรมเมื่อไม่ได้ดั่งใจในภายหลัง   ผู้รักการปฏิบัติธรรมที่เห็นภัยในวัฏฏสงสารทั้งหลายพึงมีสติสำรวมระวังและตรวจสอบตัวเองในข้อนี้ไว้เสมอ  การไปวัดเพื่อหาความสบายใจกับการไปวัดเพื่อมุ่งประพฤติพรหมจรรย์ย่อมมีผลต่างกัน


               สำหรับการประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นต้นนี้  หากเป็นสตรีโสด ไม่มีคู่ครองอย่างสมบูรณ์เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป  ก็ต้องประพฤติพรหมจรรย์ชั้นต้นในฐานะของตนให้ได้  ด้วยการไม่ยอมไปเป็นอนุภรรยาหรือภรรยาลับของใครให้จิตใจของตนเกิดปมด้อย


               หากเราไม่อาจประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นนี้ได้  เราก็ต้องตัดใจเลือกเอาความสุขทางโลก หรือเลือกเอาทรัพย์สินเงินทองความสะดวกสบายแทนการคิดที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุมรรคผล  เพราะถึงจะนั่งสมาธิไปมากเท่าใด  มรรคผลก็ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน  เหมือนคนที่ต้องการเรียนจบแต่ไม่ยอมเรียนวิชาพื้นฐานหรือวิชาบังคับ  ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จการศึกษา  ผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมให้ได้ผล ก็ต้องประพฤติพรหมจรรย์ชั้นต้นไว้เป็นพื้นฐานของชีวิต  ความรักที่งดงามและความอบอุ่นในชีวิตจึงจะเกิดขึ้นตามมา


              บุคคลใดที่ไม่อาจประพฤติพรหมจรรย์ในชั้นต้นได้  กำลังใจที่อ่อนแอเช่นนั้น  ต้องหมั่นบริจาคทานและฟังธรรมเพื่อเสริมกำลังใจไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งศีลที่บกพร่องของเราบริบูรณ์ขึ้นมาเพราะหมดวิบากกรรม  สมาธิจะบังเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ  ความทุกข์ความหม่นหมองที่มีมาตลอดนั้นจะหายไปทันที


            หลังจากนั้นสติธรรมชาติจะบังเกิดขึ้น  มีชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปด้วยความมีสติ รู้ ตื่น เบิกบาน อย่างเป็นไปเอง  เราจะกลายเป็นคนใหม่ ชีวิตใหม่  ปมด้อยในชีวิตทั้งหลายจะหายไป  อดีตทั้งหลายจะเป็นสิ่งไร้ความหมายสำหรับเรา  นี้คืออานิสงส์อันยิ่งใหญ่ของการประพฤติพรหมจรรย์

 


                                                                              คุรุอตีศะ
                                                                      ๒๓  มีนาคม  ๒๕๕๗