ชีวิตที่ผ่อนคลาย
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ชีวิตที่ผ่อนคลาย
พวกเราส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้ตัวว่า หัวใจอันแท้จริงของเราต้องการความผ่อนคลาย หัวใจของเราที่เคยแบกอะไรที่หนักอึ้งมาตลอด ต้องการพักผ่อน ต้องการปลดปล่อยความหน่วงหนักทั้งหลาย แล้วได้อยู่กับชีวิตที่ผ่อนคลาย ที่ไม่ต้องรู้สึกว่าหัวใจได้แบกสิ่งใดไว้อีก
พวกผู้ชายที่ชอบแอบหนีไปเที่ยวตามคลับตามบาร์สถานเริงรมย์ทั้งหลาย ก็คือส่วนหนึ่งของการแสวงหาชีวิตที่ผ่อนคลาย แต่เพราะไม่ได้ฟังธรรมจนเข้าใจจนกระทั่งมีสติระวังรักษาใจ ความเพลิดเพลินในอารมณ์จนจิตขาดสติเกิดความอ่อนแอ เขาจึงพ่ายแพ้ต่อรูปที่สวยทางตา เสียงที่ไพเราะทางหู แล้วก็ถลำลึกไปจนถึงขั้นตกเป็นทาสของโผฏฐัพพารมณ์คือผัสสะที่น่าหลงใหล เสียผู้เสียคนสร้างปัญหาให้แก่ครอบครัวไปมากต่อมาก
ผู้ที่ไม่ได้ฟังธรรมและฝึกสติไว้ ย่อมตกเป็นทาสรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเป็นธรรมดา หากบุคคลใดฝึกสติจนสามารถคุ้มครองใจ เขาอาจดูนักร้องสวยๆ ฟังเสียงเพราะๆ มีใจที่ผ่อนคลายเพราะสมองฝั่งซ้ายได้หยุดพัก แต่สติจะคุ้มครองใจของเขาไว้ไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านั้น จนกลายเป็นปัญหาครอบครัว นี้คือความต่างกันของคนปฏิบัติธรรมกับคนที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม
ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านมองเห็นโทษของอบายมุข เพราะทำให้ผู้คนมักหลงลืมสติ จึงมักสอนในทำนองห้ามไม่ให้ไปในสถานที่เช่นนั้น เพราะคนธรรมดาสามัญย่อมขาดสติได้ง่ายต่อรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันเป็นอารมณ์ภายนอกทั้งหลาย
จึงเป็นความปลอดภัยมากกว่า ในการที่จะหลีกเลี่ยงสถานที่อบายมุขทั้งปวง ถ้ามุ่งหวังจะประคองตนให้อยู่ในหนทางแห่งการประพฤติธรรม เหมือนกับพ่อแม่จำเป็นต้องคอยห้ามปรามบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเรียน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้ามเพราะกลัวจะเรียนไม่จบ แม้รู้อยู่เต็มอกว่ายากนักที่จะห้ามของพวกนี้ได้ แต่ก็ต้องควบคุมบังคับไว้จนกว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่รู้วิธีคุ้มครองตัวเอง ศีลหรือข้อห้ามทั้งหลาย ก็คือรั้วคอยป้องกันไม่ให้ผู้คนที่สติยังไม่เข้มแข็งเหล่านั้น ดำเนินชีวิตออกนอกเส้นทางของความเป็นผู้มีสติเพื่อไปสู่ความรู้แจ้งนั่นเอง
ข้อห้ามที่พระพุทธองค์ทรงห้าม ก็ทรงมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองผู้คนที่มีสติยังอ่อนให้ดำเนินชีวิตด้วยความปลอดภัย จนกว่าจะเติบโตด้วยสติในภายใน ดำเนินเข้าสู่ทางอริยมรรค
ในยุคใดที่ผู้คนในดินแดนถิ่นนั้น เป็นผู้มีความประพฤติอยู่ในศีลธรรมและมีความเคร่งครัดในศีลเป็นปกติ คนผิดศีลมีสัดส่วนที่น้อย ในยุคนั้นท่านจะสอนให้คนรักษาศีล แล้วสอนสมาธิตามขั้นตอนปกติ
ในยามใดผู้คนส่วนใหญ่ไม่อาจเคร่งครัดในศีลได้ เพราะความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีทำให้ผู้คนหลงลืมสติไม่อาจรักษาศีลครบทุกข้อได้ การสอนให้รู้จักตัวสติโดยไม่ต้องคำนึงว่าบุคคลนั้นจะรักษาศีลได้กี่ข้อ ย่อมเป็นความเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกผู้มีความหม่นหมองคับแค้นใจ ให้เขาได้มีที่พึ่งที่พำนักของหัวใจ สามารถมีกำลังใจในการประพฤติคุณธรรมความดีต่อไปได้
นี้คือหลักใหญ่ของการอนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกของพระโพธิสัตว์เจ้า ผู้มีเมตตามหาศาล ซึ่งเป็นที่พึ่งของผู้คนได้อย่างกว้างขวางทั้งผู้ที่มีศีลมาอย่างดีและผู้ที่ไม่เคยรู้จักรักษาศีลมาก่อน
ดังตัวอย่างข้างต้น ผู้ชายสองคนไปทานอาหารฟังเพลงในสถานเริงรมย์อย่างเดียวกัน คนหนึ่งทำไปด้วยความหลงเพลิดเพลินเพราะไม่รู้จักการเจริญสติ ย่อมตกเป็นทาสของรูปรส กลิ่น เสียงในทันที จิตจะถูกครอบงำด้วยกิเลสอย่างเต็มที่โดยที่ผู้นั้นจะไม่รู้ตัว
สำหรับอีกคนหนึ่งซึ่งรู้จักตัวสติตามธรรมชาติ ดูรูปสวยเหมือนกัน ฟังเพลงไพเราะเหมือนกัน แต่อำนาจของสติจะเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้จิตไหลลงต่ำจนกระทั่งผิดศีลผิดธรรมเหมือนคนแรก สติสัมปชัญญะที่เข้มแข็งจะแสดงอานุภาพออกมาในทันทีที่ประสบกับอารมณ์
บางคนอาจไม่เคยรักษาศีลมาก่อน แต่ต่อมาได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจว่าอาการของสติเป็นอย่างไร ต่อไปเขาไปดูนักร้องและฟังเพลงสถานที่แห่งเดิม แต่จิตของเขาจะไม่หลงเพลิดเพลินแบบเดิมอีก ต่อมาเขาจะเริ่มกลายเป็นคนมีศีลขึ้นมาโดยเขาไม่เคยนับดูศีลเป็นข้อๆ จากคนที่ไม่เคยรักษาศีล จะกลายเป็นคนมีศีลเพราะอำนาจสติที่เกิดขึ้นทีละน้อย การเจริญสติทำให้เขากลายเป็นคนมีศีล หลังจากนั้นศีลของเขาจะมั่นคงแม้ไม่มีการกล่าวคำสมาทาน ลักษณะนี้คือสติและปัญญาทำให้เกิดศีล วิธีนี้ย่อมเหมาะสำหรับคนสมัยนี้ที่จิตใจมีแต่ความฟุ้งซ่านสับสนโดยเฉพาะ
การปฏิบัติวิธีนี้ ต้องมีใจที่ผ่อนคลายเป็นสำคัญ สติจะทำหน้าที่ของเขาเองโดยไม่ต้องมีการหมายมั่นให้ต้องมีสติมากๆ ทุกขณะที่จิตใจผ่อนคลาย นั่นคือจิตกำลังปฏิบัติของเขาเองแล้ว ไม่ต้องมีเราเข้าไปพยายามปฏิบัติแต่อย่างใด การพยายามควบคุมบังคับใดๆ ล้วนเป็นการทำลายและทำให้การดำเนินจิตชะงักหยุดลง การปล่อยใจสบายๆและรู้ตัวอยู่บ่อยๆ นั่นแหละคือการเดินทางอย่างคนเหาะไป ไม่ใช่การเดินทางบนพื้นดินอันทุลักทุเลและเหนื่อยยาก
ท่านใดที่เข้าใจรหัสนัยข้อนี้ จะพบเคล็ดลับการปฏิบัติที่ ลัด สั้น ตรง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จะมีความรู้ขึ้นมาภายในเองว่า นี้คือเส้นทางที่ถูกต้อง และไม่ปรารถนาไปปฏิบัติแบบอื่นให้ลำบากโดยไม่จำเป็นอีก
เมื่อไปเที่ยวทะเล จะมองเห็นคลื่นและทะเลที่ต่างไปจากแต่ก่อน ฟังเพลงก็จะเหมือนมีคนหนึ่งมองเห็นเรากำลังฟังเพลงอยู่ด้วย จะแต่งตัวก็จะแต่งด้วยความพอเหมาะพอดีไม่ลุ่มหลงแฟชั่นเหมือนเดิม จะเดินไปในห้างสรรพสินค้าก็เบิกบานแต่พอดีไม่ตื่นเต้นจนสุดขีดแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
บุคคลที่รู้จักเคล็ดลับในการรักษาจิตเช่นนี้ ชีวิตของผู้นั้นจะมีความผ่อนคลายตลอด การยืน การเดิน การนั่ง การนอนย่อมเป็นการปฏิบัติธรรมตลอดเวลา เพราะเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์พยายามสอนตลอดมา ก็คือการใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายเช่นนี้นั่นเอง
คุรุอตีศะ
๙ มีนาคม ๒๕๕๗