ชีวิตที่ผ่อนคลาย

ชีวิตที่ผ่อนคลาย

 


               พวกเราส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้ตัวว่า  หัวใจอันแท้จริงของเราต้องการความผ่อนคลาย หัวใจของเราที่เคยแบกอะไรที่หนักอึ้งมาตลอด ต้องการพักผ่อน ต้องการปลดปล่อยความหน่วงหนักทั้งหลาย  แล้วได้อยู่กับชีวิตที่ผ่อนคลาย ที่ไม่ต้องรู้สึกว่าหัวใจได้แบกสิ่งใดไว้อีก


              พวกผู้ชายที่ชอบแอบหนีไปเที่ยวตามคลับตามบาร์สถานเริงรมย์ทั้งหลาย  ก็คือส่วนหนึ่งของการแสวงหาชีวิตที่ผ่อนคลาย  แต่เพราะไม่ได้ฟังธรรมจนเข้าใจจนกระทั่งมีสติระวังรักษาใจ  ความเพลิดเพลินในอารมณ์จนจิตขาดสติเกิดความอ่อนแอ เขาจึงพ่ายแพ้ต่อรูปที่สวยทางตา เสียงที่ไพเราะทางหู  แล้วก็ถลำลึกไปจนถึงขั้นตกเป็นทาสของโผฏฐัพพารมณ์คือผัสสะที่น่าหลงใหล เสียผู้เสียคนสร้างปัญหาให้แก่ครอบครัวไปมากต่อมาก


              ผู้ที่ไม่ได้ฟังธรรมและฝึกสติไว้  ย่อมตกเป็นทาสรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเป็นธรรมดา  หากบุคคลใดฝึกสติจนสามารถคุ้มครองใจ  เขาอาจดูนักร้องสวยๆ ฟังเสียงเพราะๆ มีใจที่ผ่อนคลายเพราะสมองฝั่งซ้ายได้หยุดพัก  แต่สติจะคุ้มครองใจของเขาไว้ไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านั้น จนกลายเป็นปัญหาครอบครัว  นี้คือความต่างกันของคนปฏิบัติธรรมกับคนที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม


             ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านมองเห็นโทษของอบายมุข เพราะทำให้ผู้คนมักหลงลืมสติ จึงมักสอนในทำนองห้ามไม่ให้ไปในสถานที่เช่นนั้น  เพราะคนธรรมดาสามัญย่อมขาดสติได้ง่ายต่อรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันเป็นอารมณ์ภายนอกทั้งหลาย


             จึงเป็นความปลอดภัยมากกว่า ในการที่จะหลีกเลี่ยงสถานที่อบายมุขทั้งปวง ถ้ามุ่งหวังจะประคองตนให้อยู่ในหนทางแห่งการประพฤติธรรม  เหมือนกับพ่อแม่จำเป็นต้องคอยห้ามปรามบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเรียน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้ามเพราะกลัวจะเรียนไม่จบ  แม้รู้อยู่เต็มอกว่ายากนักที่จะห้ามของพวกนี้ได้  แต่ก็ต้องควบคุมบังคับไว้จนกว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่รู้วิธีคุ้มครองตัวเอง   ศีลหรือข้อห้ามทั้งหลาย ก็คือรั้วคอยป้องกันไม่ให้ผู้คนที่สติยังไม่เข้มแข็งเหล่านั้น   ดำเนินชีวิตออกนอกเส้นทางของความเป็นผู้มีสติเพื่อไปสู่ความรู้แจ้งนั่นเอง


               ข้อห้ามที่พระพุทธองค์ทรงห้าม ก็ทรงมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองผู้คนที่มีสติยังอ่อนให้ดำเนินชีวิตด้วยความปลอดภัย  จนกว่าจะเติบโตด้วยสติในภายใน ดำเนินเข้าสู่ทางอริยมรรค


               ในยุคใดที่ผู้คนในดินแดนถิ่นนั้น  เป็นผู้มีความประพฤติอยู่ในศีลธรรมและมีความเคร่งครัดในศีลเป็นปกติ  คนผิดศีลมีสัดส่วนที่น้อย  ในยุคนั้นท่านจะสอนให้คนรักษาศีล แล้วสอนสมาธิตามขั้นตอนปกติ


              ในยามใดผู้คนส่วนใหญ่ไม่อาจเคร่งครัดในศีลได้ เพราะความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีทำให้ผู้คนหลงลืมสติไม่อาจรักษาศีลครบทุกข้อได้  การสอนให้รู้จักตัวสติโดยไม่ต้องคำนึงว่าบุคคลนั้นจะรักษาศีลได้กี่ข้อ  ย่อมเป็นความเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกผู้มีความหม่นหมองคับแค้นใจ ให้เขาได้มีที่พึ่งที่พำนักของหัวใจ สามารถมีกำลังใจในการประพฤติคุณธรรมความดีต่อไปได้


             นี้คือหลักใหญ่ของการอนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกของพระโพธิสัตว์เจ้า ผู้มีเมตตามหาศาล ซึ่งเป็นที่พึ่งของผู้คนได้อย่างกว้างขวางทั้งผู้ที่มีศีลมาอย่างดีและผู้ที่ไม่เคยรู้จักรักษาศีลมาก่อน


             ดังตัวอย่างข้างต้น  ผู้ชายสองคนไปทานอาหารฟังเพลงในสถานเริงรมย์อย่างเดียวกัน คนหนึ่งทำไปด้วยความหลงเพลิดเพลินเพราะไม่รู้จักการเจริญสติ ย่อมตกเป็นทาสของรูปรส กลิ่น เสียงในทันที  จิตจะถูกครอบงำด้วยกิเลสอย่างเต็มที่โดยที่ผู้นั้นจะไม่รู้ตัว

 
            สำหรับอีกคนหนึ่งซึ่งรู้จักตัวสติตามธรรมชาติ ดูรูปสวยเหมือนกัน ฟังเพลงไพเราะเหมือนกัน  แต่อำนาจของสติจะเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้จิตไหลลงต่ำจนกระทั่งผิดศีลผิดธรรมเหมือนคนแรก  สติสัมปชัญญะที่เข้มแข็งจะแสดงอานุภาพออกมาในทันทีที่ประสบกับอารมณ์


           บางคนอาจไม่เคยรักษาศีลมาก่อน  แต่ต่อมาได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจว่าอาการของสติเป็นอย่างไร  ต่อไปเขาไปดูนักร้องและฟังเพลงสถานที่แห่งเดิม  แต่จิตของเขาจะไม่หลงเพลิดเพลินแบบเดิมอีก  ต่อมาเขาจะเริ่มกลายเป็นคนมีศีลขึ้นมาโดยเขาไม่เคยนับดูศีลเป็นข้อๆ  จากคนที่ไม่เคยรักษาศีล จะกลายเป็นคนมีศีลเพราะอำนาจสติที่เกิดขึ้นทีละน้อย  การเจริญสติทำให้เขากลายเป็นคนมีศีล  หลังจากนั้นศีลของเขาจะมั่นคงแม้ไม่มีการกล่าวคำสมาทาน ลักษณะนี้คือสติและปัญญาทำให้เกิดศีล   วิธีนี้ย่อมเหมาะสำหรับคนสมัยนี้ที่จิตใจมีแต่ความฟุ้งซ่านสับสนโดยเฉพาะ


            การปฏิบัติวิธีนี้  ต้องมีใจที่ผ่อนคลายเป็นสำคัญ  สติจะทำหน้าที่ของเขาเองโดยไม่ต้องมีการหมายมั่นให้ต้องมีสติมากๆ  ทุกขณะที่จิตใจผ่อนคลาย นั่นคือจิตกำลังปฏิบัติของเขาเองแล้ว  ไม่ต้องมีเราเข้าไปพยายามปฏิบัติแต่อย่างใด  การพยายามควบคุมบังคับใดๆ ล้วนเป็นการทำลายและทำให้การดำเนินจิตชะงักหยุดลง  การปล่อยใจสบายๆและรู้ตัวอยู่บ่อยๆ นั่นแหละคือการเดินทางอย่างคนเหาะไป  ไม่ใช่การเดินทางบนพื้นดินอันทุลักทุเลและเหนื่อยยาก


             ท่านใดที่เข้าใจรหัสนัยข้อนี้  จะพบเคล็ดลับการปฏิบัติที่ ลัด สั้น ตรง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  จะมีความรู้ขึ้นมาภายในเองว่า นี้คือเส้นทางที่ถูกต้อง และไม่ปรารถนาไปปฏิบัติแบบอื่นให้ลำบากโดยไม่จำเป็นอีก


            เมื่อไปเที่ยวทะเล จะมองเห็นคลื่นและทะเลที่ต่างไปจากแต่ก่อน  ฟังเพลงก็จะเหมือนมีคนหนึ่งมองเห็นเรากำลังฟังเพลงอยู่ด้วย  จะแต่งตัวก็จะแต่งด้วยความพอเหมาะพอดีไม่ลุ่มหลงแฟชั่นเหมือนเดิม  จะเดินไปในห้างสรรพสินค้าก็เบิกบานแต่พอดีไม่ตื่นเต้นจนสุดขีดแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว

 
            บุคคลที่รู้จักเคล็ดลับในการรักษาจิตเช่นนี้  ชีวิตของผู้นั้นจะมีความผ่อนคลายตลอด  การยืน การเดิน การนั่ง การนอนย่อมเป็นการปฏิบัติธรรมตลอดเวลา  เพราะเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์พยายามสอนตลอดมา ก็คือการใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายเช่นนี้นั่นเอง

 

                                                                                                 คุรุอตีศะ
                                                                                           ๙  มีนาคม  ๒๕๕๗