กระแสบารมีพระพุทธองค์

กระแสบารมีพระพุทธองค์

 


             ในยามหม่นหมอง ชีวิตเต็มไปด้วยความท้อแท้สับสน  จงนึกน้อมเอาพระบารมีของพระพุทธองค์เข้ามาสู่ดวงใจของเรา  บุคคลอื่นใดที่อุบัติขึ้นมาในโลกนี้  ที่จะประเสริฐยิ่งกว่าพระพุทธองค์ย่อมไม่มีอีกแล้ว  พระองค์คือพระมหาบุรุษผู้เป็นเอกหนึ่งเดียวของจักรวาลนี้ จนกว่าจะถึงยุคของพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่ คือพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้ในกาลอนาคต


             ดินแดนแห่งใดบนโลกใบนี้  หากยังมีพระพุทธศาสนา ยังมีร่มผ้ากาสาวพัสตร์หรือธงชัยของพระอรหันต์โบกสะบัด  ดินแดนแห่งนั้นย่อมต้องมีพระโพธิสัตว์ปกป้องคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัย จนกว่าจะสิ้นอายุพระศาสนาของพระสมณโคดมนี้เมื่อครบห้าพันปี


              ดินแดนแห่งใดยังมีบาตรและกลดของพระธุดงค์ปรากฏอยู่  ดินแดนแห่งนั้น ย่อมไม่ไร้ผู้รู้และพระอริยเจ้าทั้งหลาย  หากยังมีผู้ดำเนินจิตตามมหาสติปัฏฐานอยู่ตราบใด โลกนี้ย่อมไม่ไร้พระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะอย่างแน่นอน


             ดินแดนสุวรรณภูมิและประเทศสยามของเรานี้  เป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา  ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนจงเชื่อมั่นและศรัทธาว่า แม้จะมีวิกฤติน่าหวาดหวั่นสักเพียงใด ประเทศชาติบ้านเมืองก็จะผ่านพ้นอันตรายไปได้และอยู่รอดปลอดภัยอย่างแน่นอน


            เราต่างทุ่มเทชีวิตจิตใจ กำลังสมอง ทรัพย์สินเงินทอง ในการต่อสู้เอาชนะกันจนต่างฝ่ายต่างหมดเรี่ยวแรงกันพอสมควรแล้ว  ต่อไปนี้จงหันมาตรวจสอบทบทวนตัวเองกันใหม่ ว่าแท้ที่จริงแล้ว แต่ละคนนี้เกิดมาทำไม เราทุ่มเททุกสิ่งลงไปทั้งหมดนั้นเราทำเพื่อใคร แล้วเราจะได้อะไรที่เป็นสาระของชีวิตอย่างแท้จริงบ้างจากสิ่งที่ทุ่มเทลงไปดังกล่าว


            หากเรารู้สึกว่าการน้อมระลึกถึงพระบารมีของพระพุทธองค์ และพระอรหันต์ทั้งหลายนั้นยากจนเกินไป  อาจน้อมระลึกถึงคุณของมหาบุรุษผู้เป็นพระโพธิสัตว์เกิดมาเพื่อกู้ชาติไทย ซึ่งทรงเทิดทูนพระพุทธศาสนาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของพระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแห่งความกล้าหาญและองอาจยิ่งนัก


               ในวันที่เกิดกบฏพระยาสรรค์  ขณะนั้นพระองค์กำลังทรงปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน  เมื่อทราบว่าเกิดกบฏล้อมพระราชวัง  ในตอนแรกพระองค์ทรงนึกว่าเป็นข้าศึกหรือพม่า ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเองคิดกบฏต่อพระองค์


               ในขณะที่ขุนนางและทหารลากปืนใหญ่ขึ้นเชิงเทินเพื่อเตรียมระดมยิงข้าศึก  ขณะนั้นพระองค์ทรงถือพระแสงดาบอยู่ในพระหัตถ์ทรงพระราชอำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ทรงตรัสขึ้นว่า “เมื่อสิ้นบุญของพ่อแล้ว  อย่าต้องให้ยากลำบากแก่ไพร่พลเลย” แล้วพระองค์ก็ให้หยุดการต่อสู้ทั้งที่ถ้าพระองค์จะทรงทำก็ทำได้ เพราะขณะนั้นพระองค์ทรงอยู่ในวัย ๔๘ พระชันษาเท่านั้น


               พระองค์เลือกเส้นทางของความเป็นลูกผู้ชาย เมื่อคนที่เคยทรงชุบเลี้ยงมาคิดคดกลายเป็นกบฏ ก็ไม่ทรงต้องการให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง นี้คือความเสียสละและคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพระองค์  ซึ่งในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยปรากฏพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเหมือน


               คุณสมบัติอันยิ่งใหญ่เช่นนี้คือน้ำพระทัยของพระโพธิสัตว์  จึงมีพระทัยสูงส่งไม่ยึดติดต่อพระราชอำนาจ ไม่ยึดติดต่อฐานันดรของความเป็นพระมหากษัตริย์เช่นนั้นได้ การปราบดาภิเษกพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็เกิดจากเจตนาเพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นในการกู้เอกราชเพื่อชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงต้องการอำนาจหรือต้องการเป็นกษัตริย์ก็หาไม่ นี้คือ วิสัยของพระโพธิสัตว์ที่เกิดมาทำหน้าที่ในฝ่ายบ้านเมืองในคราวยุคเข็ญ


                ในห้วงเวลานี้  เราทุกคนไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะน้อมเอาชีวิตและหัวใจให้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น  เราต้องมีสติระวังรักษาใจ  รักษาคุ้มครองร่างกายและจิตใจให้อยู่ในทำนองคลองธรรม  ผู้ใดมีสติระวังรักษาคุ้มครองใจ  ผู้นั้นจะชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง


               แม้ผู้ทรงพระราชอำนาจอย่างเด็ดขาดอย่างพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อทรงรู้ว่าพระองค์เองเริ่มหมดบุญหมดอำนาจ ก็สละเสียซึ่งความปรีชาสามารถในการรบ  พระองค์ทรงเลิกจับดาบในการสู้รบที่ทรงกวัดแกว่งอยู่บนหลังม้ามาถึง ๑๕ ปีนั้นเสีย แล้วเลือกที่จะยอมแพ้เพื่อมิให้ประชาชนต้องล้มตายเพราะผู้เป็นใหญ่แย่งชิงอำนาจกัน นั่นคือ ความเสียสละที่ทำให้คุณความดีของพระองค์ตราตรึงอยู่ในหัวใจของคนไทย แม้วันเวลาจะผ่านไปแล้วถึง ๒๔๖ ปี


               ไม่มีเส้นทางสายใด จะยิ่งใหญ่ไปกว่าเส้นทางแห่งพระบารมีของพระพุทธองค์อีกแล้ว เส้นทางของพระองค์เป็นเส้นทางแห่งสันติ คือความสงบ  อหิงสา คือการไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน  การทำสิ่งใดที่มุ่งความสงบและไม่สร้างความเดือดร้อน  นั่นคือการอยู่ใต้ร่มเงาแห่งพระบารมีของพระพุทธองค์ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ ณ มุมใดของโลก  ย่อมควรแก่การสรรเสริญ


              หากเราเป็นลูกศิษย์พระตถาคตอย่างแท้จริง  เราทุกคนต้องไม่หลงเดินออกนอกเส้นทางสายนี้ ดุจพระเจ้าตากสินทรงปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง  การกระทำเช่นนั้นไม่ใช่ความโง่หรือความอ่อนแอ แต่คือวิธีการที่ผู้องอาจเข้มแข็งเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้


             ชีวิตของพระพุทธองค์ ทรงมีมารผจญและทรงถูกเบียดเบียนมามากมาย  แต่ทรงเอาชนะได้ด้วยสันติคือความสงบ และอหิงสาคือความไม่เบียดเบียนใครมาทั้งสิ้น


             พระนางมาคันทิยาผู้ผูกใจเจ็บ ผูกความอาฆาตพยาบาท จ้างให้คนมารุมด่าพระองค์ในขณะทรงออกบิณฑบาตในกรุงโกสัมพีติดต่อกันถึงเจ็ดวัน  พระองค์ก็ทรงมีขันติธรรมเอาชนะด้วยสันติและอหิงสาจนคนที่มารุมด่าเลิกราไปในที่สุด เป็นชัยชนะที่ขาวสะอาดและชนะใจคน


              พระเทวทัตคู่เวรของพระองค์  คบคิดกับพระเจ้าอชาตศัตรูให้นายขมังธนูและช้างนาฬาคีรีมุ่งทำร้ายพระองค์ให้ถึงแก่ชีวิต  เมื่อทำไม่สำเร็จพระเทวทัตถึงกับขึ้นไปบนเขาคิชฌกูฏกลิ้งก้อนหินหวังให้ทับพระองค์ จนกระทั่งมีสะเก็ดหินมากระทบพระบาทจนถึงกับห้อพระโลหิต อันเป็นอนันตริยกรรมครั้งสุดท้ายที่พระเทวทัตได้กระทำก่อนที่พระธรณีจะสูบในเวลาต่อมา


              แม้พระองค์จะทรงถูกกระทำและได้รับการเบียดเบียนจากศัตรูและพระเทวทัตถึงเพียงนั้น  แต่พระองค์ก็ไม่เคยทรงมีแม้แต่ความคิดที่จะตอบโต้หรือคิดร้ายต่อพระเทวทัตแม้แต่น้อย สุดท้ายศัตรูทั้งหลายก็พ่ายแพ้ไป  ทำให้พระองค์กลายเป็นพระศาสดาเอกของโลกผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวโลกทั้งหลายเคารพบูชาตลอดระยะเวลาอันยาวนานมาถึง ๒,๖๐๐ ปี


                  ผู้ที่จะเป็นใหญ่ในยุคต่อไป  ขอจงยกย่องเชิดชูพระศาสนาของพระพุทธองค์ดุจดังพระเจ้าตากสินมหาราช  ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน  เราเอาพระศาสนาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้อยู่ภายใต้สำหรับคอยรับใช้การเมืองและการปกครองเท่านั้น  ประชาธิปไตยอันแท้จริงจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ในสังคมไทย  พระพุทธศาสนาที่ดำเนินมาส่วนใหญ่จึงมีแต่เปลือกนอกตามวัฒนธรรมและประเพณี   ผลแห่งกรรมที่ทุกคนต่างทำมานั้นจึงถึงเวลาให้ผลแล้วในวันนี้


                 ถึงเวลาแล้วที่พวกเราทั้งหลาย จะได้ช่วยกันประกาศพระบารมีของพระพุทธองค์ให้ปรากฏแก่ชาวโลก  ช่วยกันประกาศว่าพระองค์คือมนุษย์ตัวอย่างที่หลุดพ้นไปแล้วจากความปรารถนาในอำนาจและความยิ่งใหญ่ทั้งปวงแบบชาวโลก  ทรงปราศจากความเศร้าโศกและความวิตกกังวลทั้งหลาย  ทรงเป็นผู้ยืนอยู่เหนือความเกิดแก่เจ็บตาย  สิ้นแล้วซึ่งพันธนาการสิ่งร้อยรัดทั้งหลายไม่หลงเหลือความทุกข์ใดๆในพระทัยอีกเลย


                 เพียงเราน้อมใจระลึกถึงพระองค์ครั้งใด  ความหวาดหวั่น ความขนพองสยองเกล้า ความกลัวทั้งหลายจะหายไป  เมื่อนึกน้อมถึงกระแสพระบารมีของพระองค์คราใด  ปัญหาชีวิตที่มากมายทั้งหลาย จะเริ่มได้รับการเยียวยาบำบัดรักษาและคลี่คลายได้เสมอด้วยพระพุทธบารมี


                การน้อมใจเช่นว่ามานี้  คือตัวอย่างของการมี “พุทธานุสติ”ในชีวิตประจำวัน ซึ่งพระโสดาบันบุคคลขึ้นไป  ท่านจะมีปกติในการมีสติระลึกถึงพระพุทธองค์อยู่เสมอ


                การคิดถึงพระพุทธองค์ คิดถึงคุณของพระธรรม และซาบซึ้งในองค์คุณของเหล่าพระอริยสงฆ์ ซึ่งมีอยู่ประจำนิสัยของพระอริยบุคคล ย่อมทำให้ดวงใจของท่านมีความแจ่มใสและเกิดภูมิคุ้มกันจิตใจให้ความทุกข์ทั้งหลายห่างไกลออกไปจากชีวิตผิดจากเมื่อก่อน นี้คือการมีชีวิตอยู่ในร่มเงาแห่งกระแสบารมีของพระพุทธองค์   อันเป็นชีวิตที่มีเกราะป้องกันตลอดเวลา

 

                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                             ๘  มีนาคม  ๒๕๕๗