ศีลย่อมคุ้มครองรักษา

ศีลย่อมคุ้มครองรักษา

 


                เมื่อเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมา  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชีวิตส่วนตัว หรือจะเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติบ้านเมือง  ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านมักจะบอกว่าให้ไปรักษาศีลหรือไปปฏิบัติธรรม ซึ่งหลายคนก็ไม่เข้าใจว่า ปัญหาเรื่องความรัก ปัญหาครอบครัว ปัญหาธุรกิจการค้า หรือปัญหาชาติบ้านเมือง  จะเกี่ยวกับการรักษาศีลได้อย่างไร  ก็เลยไม่สนใจหรือบางทีก็นึกดูหมิ่นในใจอยู่ลึกๆว่า ช่างเป็นคำแนะนำที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย  คนส่วนใหญ่จึงไม่เห็นความสำคัญในการรักษาศีล  และบางทีก็ดูหมิ่นคนมีศีลหรือคนที่รักษาศีลก็มี


                คำว่า “ศีล”แปลว่า “ความเป็นปกติ” หรือแปลว่า “ความเย็น” คนมีศีลก็คือคนที่รักษาความเป็นปกติของมนุษย์ไว้ได้  ทำให้เกิดความเยือกเย็นใจและใช้ชีวิตด้วยความปกติสุข


               การที่พระและผู้คนติดพิธีกรรมการสมาทานศีล จนกลายเป็นธรรมเนียมมากเกินไป สังคมส่วนใหญ่จึงกลายเป็นมองเห็นการรักษาศีลเป็นของเด็กเล่นไป มีแต่พิธีกรว่าไปตามธรรมเนียมแล้วผู้คนทั้งหลายก็ว่าตามไป แต่ในใจที่แท้จริงไม่ได้ตั้งใจสมาทานแต่อย่างใด


              การสมาทานศีลของผู้คนส่วนใหญ่จึงกลายเป็นการลดคุณค่าของศีลไปโดยไม่รู้ตัว ผลสุดท้ายทุกคนก็มองไม่เห็นประโยชน์ในการรักษาศีล  ซ้ำยังนึกดูหมิ่นชาวบ้านที่รักษาศีลว่าต่ำต้อยกว่าตนเสียอีกด้วย  ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เคารพกันที่ศีล แต่พวกเรากลับไปเคารพกันที่ความมีเกียรติ ความร่ำรวยเงินทองมากกว่า  นี้แหละคือความหลงผิดที่กัดกินสังคมตลอดมา  พวกเราทั้งหลายจึงได้มีแต่คราบน้ำตาและพบแต่ความไม่สบายใจในชีวิตเป็นปกติ


               การรักษาศีล แท้จริงแล้วก็คือการรักษาความปกติของชีวิตนั่นเอง  การไม่รักษาศีลก็คือการทำลายความปกติสุขของชีวิตตนเอง  เมื่อเราไม่เห็นคุณค่าของศีลหรือดูหมิ่นผู้มีศีลโดยเอาเกียรติหรือความร่ำรวยเป็นใหญ่ ก็คือเราเลือกที่จะทำลาย “ความเย็น” ในชีวิตของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว


               หากเราเริ่มมองเห็นความสำคัญของการรักษาศีล หรือเคารพผู้มีศีลด้วยความจริงใจในวันใด ชีวิตที่เคยเต็มไปด้วยความระหกระเหินเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ จะเริ่มเกิดความร่มเย็นและเกิดความหวังที่สดใส มีความปลอดโปร่งหัวใจอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทันที


              คนที่มองเห็นคุณค่าและมีศีล ๕ ประจำใจ จะเกิดความอัศจรรย์ในชีวิตที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้อยู่บ่อยๆ  การมีศีล ๕ ที่ว่านี้ เราไม่จำเป็นต้องไปสมาทานที่วัดหรือสมาทานกับพระก็ได้  แต่ความเป็นผู้มีศีลย่อมเกิดขึ้นในขณะที่เราเกิดการวิรัติคือตั้งใจงดเว้นขึ้นมาในจิตใจ แม้ว่าขณะนั้นอาจจะกำลังโหนรถเมล์อยู่ก็ได้ เมื่อเกิดสติสำรวมจิตใจในการที่มีเจตนารักษาศีล เพียงเท่านั้น  การสมาทานรักษาศีลก็สำเร็จตามเจตนาแล้ว


              นี้คือข้อปฏิบัติสำหรับผู้ไม่สามารถไปวัด หรือไม่มีโอกาสพบพระในการเปล่งวาจาตามธรรมเนียม หากมีหิ้งพระหรือก่อนออกจากบ้าน เราจะสมาทานเองก็ได้  แล้วเราจะสังเกตได้เองว่า ในวันนั้นจิตใจของเราจะเยือกเย็นมั่นคงกว่าทุกวัน นี้คืออานิสงส์ของการรักษาศีลที่พิสูจน์ได้


             เหตุใด ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงแนะนำผู้ที่ได้รับการทำนายทายทักจากหมอดูว่ามีเคราะห์ ให้ไปปฏิบัติธรรม รักษาศีลหรือไปบวช?


            คำตอบก็คือว่า การรักษาศีลคือการชาร์จแบตเตอรี่ต่อชีวิตได้เร็วที่สุด ผู้ที่มีศรัทธาตั้งใจสมาทานรักษาศีลจะเกิดแสงออร่ามีรัศมีรอบตัว แต่จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาของมนุษย์ธรรมดา ในทางวิทยาศาสตร์ค้นพบแต่แสงออร่า แต่ในทางผู้มีความรู้ทางอภิญญาท่านไม่เรียกว่า“ออร่า” แต่ท่านบอกว่าคือมีเทวดามารักษาบุคคลนั้นเพื่อเขาจะได้อนุโมทนาบุญด้วย  ผู้มีศีลจึงมีสิ่งคุ้มครองรักษา  แม้ไม่ได้แขวนพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง  เพราะมีของขลังที่เหนือกว่าคือ “ศีล”ที่ตัวเองรักษาคอยคุ้มครองผู้นั้นตลอดเวลา


            ยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้นมาอีกหน่อย เช่น มีบางคนประสบปัญหาครอบครัว ทุกข์ใจมาก ไปหาพระ คนทรง หรือหมอดู แล้วก็ได้รับการทำนายว่ากำลังมีเคราะห์ ให้ไปรักษาศีล ไปบวช หรือไปปฏิบัติธรรม ซึ่งผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่จะเรียนแต่วิทยาศาสตร์ทางด้านวัตถุในด้านเดียว  ก็จะมองว่าเป็นเรื่องงมงายหรือไม่เห็นจะช่วยแก้ปัญหาอะไรได้  แต่ความจริงแล้วกลับแก้ได้และถูกจุดที่สุดอย่างที่หลายคนเคยประสบมาแล้ว  แต่ให้เหตุผลไม่ได้ เช่นพอรักษาศีลกลับบ้านไปแล้ว อะไรต่อมิอะไรก็ดีไปหมด จากที่ทะเลาะกันมาสามเดือน ชวนกันเลิกวันละสามหน ก็กลับกลายเป็นคนละคน  พูดอะไรก็ว่าตามกัน  บ้านก็กลายเป็นสวรรค์ในทันตา


             บางคนไปทวงหนี้ทวงแล้วทวงอีกเขาก็ไม่ให้ แถมบางทียังโดนไล่และแสดงความอาฆาตมาดร้ายเสียอีก แต่พอกลับจากวัด อยู่ดีๆเขาก็กลับเอาเงินมาใช้หนี้ พร้อมกับแสดงออกซึ่งมิตรไมตรีอย่างไม่น่าเป็นไปได้  นี้ก็คืออานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีล


           คนที่หมอดูทำนายว่ามีเคราะห์ส่วนใหญ่ก็เพราะมีเรื่องไม่สบายใจ การมีแต่เรื่องไม่สบายใจ ก็คือพลังแห่งบุญที่ค้ำจุนชีวิตอ่อนกำลัง  เหมือนกวางที่ถูกหมาป่าไล่มานานใกล้หมดแรง พลังชีวิตอันเปรียบดุจแบตเตอรี่ดูริบหรี่ใกล้หมด  ต้องรีบชาร์จแบตเตอรี่ให้ทันการ


            พลังบุญหรือพลังชีวิตที่มีอานุภาพย่อมเกิดจากทานศีลภาวนา  แต่ว่าในขณะที่ชีวิตตกอยู่ในช่วงคับขันหรือวิบากกรรมมาจวนตัว  การทำทานจะไม่มีพลังเพียงพอ ต้องบำเพ็ญศีล จึงจะเกิดพลังที่ได้สัดส่วนทันแก่เหตุการณ์อันจะทำให้รอดพ้นจากวิบากกรรมที่จะเข้ามาเล่นงานได้


            ในช่วงที่อยู่ในวัดรักษาศีล เทวดาที่อารักขาอยู่ในสถานที่นั้นก็จะช่วยป้องกันผู้ที่รักษาศีลจากเหล่าบริวารของท้าวเวสสุวรรณ  ตลอดทั้งการอยู่ในร่มเงาของครูบาอาจารย์ พวกยักษ์หรือวิญญาณชั้นต่ำย่อมไม่กล้าทำอันตราย พอวันเวลาผ่านไป ท่านก็เรียกผู้นั้นว่า”พ้นเคราะห์”


            ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่เคยไปอยู่  เจ้าสำนักแห่งนั้นเป็นสตรีเพศที่มีบารมี มีลูกศิษย์บริวารมาก วันหนึ่งมีญาติพาผู้หญิงคนหนึ่งมาขอให้ช่วย เจ้าสำนักได้สั่งว่า “ภายในเจ็ดวันนี้ ห้ามใครพาผู้หญิงคนนี้ออกจากสำนักเด็ดขาด” ทุกคนก็เชื่อฟัง หลังจากนั้นสามวันอาการป่วยของผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มหายไป  พอครบเจ็ดวันทั้งร่างกายและจิตใจก็แข็งแรง หน้าตาดูสดใสเหมือนไม่เคยเจ็บไข้อะไรมาก่อน  แล้วญาติก็รับผู้หญิงคนนั้นกลับบ้านไป


            เมื่ออยู่ตามลำพังแล้ว ศิษย์คนหนึ่งก็ถามท่านผู้เป็นอาจารย์ว่า  “เหตุใดจึงสั่งห้ามไม่ให้คนที่เพิ่งกลับบ้านไปไม่ให้ออกนอกสำนักเด็ดขาดถึงเพียงนั้น” อาจารย์ท่านนั้นท่านตอบว่า “มีคนตามเขามา แล้วรออยู่หน้าประตูสำนักเข้ามาไม่ได้ เขาเฝ้ารอจะเอาชีวิตผู้หญิงคนนั้นไปให้ได้ พอครบเจ็ดวัน เขาจึงกลับไปตามภพภูมิของเขา คนนั้นจึงไม่ตายและจะอายุยืนไปจนหมดอายุขัย  เพราะอานุภาพแห่งศีลที่เขารักษาคุ้มครองเขาไว้ทันเวลา”


             จะมีสักกี่คนที่จะโชคดีได้พบผู้ทรงอภิญญาช่วยคลี่คลายวิบากกรรมได้อย่างนั้น  เราทุกคนจึงควรหมั่นบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ไว้เสมอ  หากวิบากกรรมยังไม่ถึงที่หรือไม่มีกรรมที่รุนแรงมาตัดรอนเร็วเกินไป  ปัญหาชีวิตไม่ว่าจะหนักหน่วงเพียงใด ย่อมผ่านพ้นไปได้แน่นอน


             คุณของศีลอีกประการหนึ่งคือ  จะทำให้แคล้วคลาดจากคนอันธพาลสันดานชั่ว สตรีที่มีศีลประจำตัว แม้อยู่ในท่ามกลางสังคม  จะแคล้วคลาดจากจิ้งจอกสังคมแม้ไม่ทันรู้ตัว  หากมีผู้ชายคิดร้ายหรือล่อลวงด้วยเล่ห์กลประการใด ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือไว้อย่างทันท่วงที


            บุรุษผู้มีศีลจะแคล้วคลาดจากสตรีที่มุ่งร้าย  ผู้หญิงอื่นจะทำลายครอบครัวก็จะแพ้ภัยอย่างคาดไม่ถึง  นอกจากตนเองจะเกิดจิตอกุศลลบหลู่ศีลหรือลบหลู่การปฏิบัติธรรมเพราะการไม่รู้เท่าทันมารในวันใด  เทวดาทั้งหลายย่อมไม่รักษาคนนั้นผู้ไม่เคารพในศีลที่ตนเคยประพฤติ


           การแก้ปัญหาชีวิตหรือปัญหาต่างๆ ที่โบราณท่านบอกให้ออกบวชประพฤติธรรมหรือรักษาศีล ไม่ใช่ความงมงายหรือเป็นเรื่องไร้เหตุผลแต่อย่างใด แต่คือการสร้างพลังบุญ พลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ ที่กรรมวิธีอื่นใดในโลกเทียบไม่ได้เลยทีเดียว


         ศีลย่อมเป็นเกราะที่ช่วยคุ้มครองป้องกันรักษา ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก

 

                                                                                                                 คุรุอตีศะ
                                                                                                          ๒๗  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๗