ศีลย่อมคุ้มครองรักษา
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ศีลย่อมคุ้มครองรักษา
เมื่อเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชีวิตส่วนตัว หรือจะเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติบ้านเมือง ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านมักจะบอกว่าให้ไปรักษาศีลหรือไปปฏิบัติธรรม ซึ่งหลายคนก็ไม่เข้าใจว่า ปัญหาเรื่องความรัก ปัญหาครอบครัว ปัญหาธุรกิจการค้า หรือปัญหาชาติบ้านเมือง จะเกี่ยวกับการรักษาศีลได้อย่างไร ก็เลยไม่สนใจหรือบางทีก็นึกดูหมิ่นในใจอยู่ลึกๆว่า ช่างเป็นคำแนะนำที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คนส่วนใหญ่จึงไม่เห็นความสำคัญในการรักษาศีล และบางทีก็ดูหมิ่นคนมีศีลหรือคนที่รักษาศีลก็มี
คำว่า “ศีล”แปลว่า “ความเป็นปกติ” หรือแปลว่า “ความเย็น” คนมีศีลก็คือคนที่รักษาความเป็นปกติของมนุษย์ไว้ได้ ทำให้เกิดความเยือกเย็นใจและใช้ชีวิตด้วยความปกติสุข
การที่พระและผู้คนติดพิธีกรรมการสมาทานศีล จนกลายเป็นธรรมเนียมมากเกินไป สังคมส่วนใหญ่จึงกลายเป็นมองเห็นการรักษาศีลเป็นของเด็กเล่นไป มีแต่พิธีกรว่าไปตามธรรมเนียมแล้วผู้คนทั้งหลายก็ว่าตามไป แต่ในใจที่แท้จริงไม่ได้ตั้งใจสมาทานแต่อย่างใด
การสมาทานศีลของผู้คนส่วนใหญ่จึงกลายเป็นการลดคุณค่าของศีลไปโดยไม่รู้ตัว ผลสุดท้ายทุกคนก็มองไม่เห็นประโยชน์ในการรักษาศีล ซ้ำยังนึกดูหมิ่นชาวบ้านที่รักษาศีลว่าต่ำต้อยกว่าตนเสียอีกด้วย ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เคารพกันที่ศีล แต่พวกเรากลับไปเคารพกันที่ความมีเกียรติ ความร่ำรวยเงินทองมากกว่า นี้แหละคือความหลงผิดที่กัดกินสังคมตลอดมา พวกเราทั้งหลายจึงได้มีแต่คราบน้ำตาและพบแต่ความไม่สบายใจในชีวิตเป็นปกติ
การรักษาศีล แท้จริงแล้วก็คือการรักษาความปกติของชีวิตนั่นเอง การไม่รักษาศีลก็คือการทำลายความปกติสุขของชีวิตตนเอง เมื่อเราไม่เห็นคุณค่าของศีลหรือดูหมิ่นผู้มีศีลโดยเอาเกียรติหรือความร่ำรวยเป็นใหญ่ ก็คือเราเลือกที่จะทำลาย “ความเย็น” ในชีวิตของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว
หากเราเริ่มมองเห็นความสำคัญของการรักษาศีล หรือเคารพผู้มีศีลด้วยความจริงใจในวันใด ชีวิตที่เคยเต็มไปด้วยความระหกระเหินเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ จะเริ่มเกิดความร่มเย็นและเกิดความหวังที่สดใส มีความปลอดโปร่งหัวใจอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทันที
คนที่มองเห็นคุณค่าและมีศีล ๕ ประจำใจ จะเกิดความอัศจรรย์ในชีวิตที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้อยู่บ่อยๆ การมีศีล ๕ ที่ว่านี้ เราไม่จำเป็นต้องไปสมาทานที่วัดหรือสมาทานกับพระก็ได้ แต่ความเป็นผู้มีศีลย่อมเกิดขึ้นในขณะที่เราเกิดการวิรัติคือตั้งใจงดเว้นขึ้นมาในจิตใจ แม้ว่าขณะนั้นอาจจะกำลังโหนรถเมล์อยู่ก็ได้ เมื่อเกิดสติสำรวมจิตใจในการที่มีเจตนารักษาศีล เพียงเท่านั้น การสมาทานรักษาศีลก็สำเร็จตามเจตนาแล้ว
นี้คือข้อปฏิบัติสำหรับผู้ไม่สามารถไปวัด หรือไม่มีโอกาสพบพระในการเปล่งวาจาตามธรรมเนียม หากมีหิ้งพระหรือก่อนออกจากบ้าน เราจะสมาทานเองก็ได้ แล้วเราจะสังเกตได้เองว่า ในวันนั้นจิตใจของเราจะเยือกเย็นมั่นคงกว่าทุกวัน นี้คืออานิสงส์ของการรักษาศีลที่พิสูจน์ได้
เหตุใด ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงแนะนำผู้ที่ได้รับการทำนายทายทักจากหมอดูว่ามีเคราะห์ ให้ไปปฏิบัติธรรม รักษาศีลหรือไปบวช?
คำตอบก็คือว่า การรักษาศีลคือการชาร์จแบตเตอรี่ต่อชีวิตได้เร็วที่สุด ผู้ที่มีศรัทธาตั้งใจสมาทานรักษาศีลจะเกิดแสงออร่ามีรัศมีรอบตัว แต่จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาของมนุษย์ธรรมดา ในทางวิทยาศาสตร์ค้นพบแต่แสงออร่า แต่ในทางผู้มีความรู้ทางอภิญญาท่านไม่เรียกว่า“ออร่า” แต่ท่านบอกว่าคือมีเทวดามารักษาบุคคลนั้นเพื่อเขาจะได้อนุโมทนาบุญด้วย ผู้มีศีลจึงมีสิ่งคุ้มครองรักษา แม้ไม่ได้แขวนพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เพราะมีของขลังที่เหนือกว่าคือ “ศีล”ที่ตัวเองรักษาคอยคุ้มครองผู้นั้นตลอดเวลา
ยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้นมาอีกหน่อย เช่น มีบางคนประสบปัญหาครอบครัว ทุกข์ใจมาก ไปหาพระ คนทรง หรือหมอดู แล้วก็ได้รับการทำนายว่ากำลังมีเคราะห์ ให้ไปรักษาศีล ไปบวช หรือไปปฏิบัติธรรม ซึ่งผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่จะเรียนแต่วิทยาศาสตร์ทางด้านวัตถุในด้านเดียว ก็จะมองว่าเป็นเรื่องงมงายหรือไม่เห็นจะช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ แต่ความจริงแล้วกลับแก้ได้และถูกจุดที่สุดอย่างที่หลายคนเคยประสบมาแล้ว แต่ให้เหตุผลไม่ได้ เช่นพอรักษาศีลกลับบ้านไปแล้ว อะไรต่อมิอะไรก็ดีไปหมด จากที่ทะเลาะกันมาสามเดือน ชวนกันเลิกวันละสามหน ก็กลับกลายเป็นคนละคน พูดอะไรก็ว่าตามกัน บ้านก็กลายเป็นสวรรค์ในทันตา
บางคนไปทวงหนี้ทวงแล้วทวงอีกเขาก็ไม่ให้ แถมบางทียังโดนไล่และแสดงความอาฆาตมาดร้ายเสียอีก แต่พอกลับจากวัด อยู่ดีๆเขาก็กลับเอาเงินมาใช้หนี้ พร้อมกับแสดงออกซึ่งมิตรไมตรีอย่างไม่น่าเป็นไปได้ นี้ก็คืออานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีล
คนที่หมอดูทำนายว่ามีเคราะห์ส่วนใหญ่ก็เพราะมีเรื่องไม่สบายใจ การมีแต่เรื่องไม่สบายใจ ก็คือพลังแห่งบุญที่ค้ำจุนชีวิตอ่อนกำลัง เหมือนกวางที่ถูกหมาป่าไล่มานานใกล้หมดแรง พลังชีวิตอันเปรียบดุจแบตเตอรี่ดูริบหรี่ใกล้หมด ต้องรีบชาร์จแบตเตอรี่ให้ทันการ
พลังบุญหรือพลังชีวิตที่มีอานุภาพย่อมเกิดจากทานศีลภาวนา แต่ว่าในขณะที่ชีวิตตกอยู่ในช่วงคับขันหรือวิบากกรรมมาจวนตัว การทำทานจะไม่มีพลังเพียงพอ ต้องบำเพ็ญศีล จึงจะเกิดพลังที่ได้สัดส่วนทันแก่เหตุการณ์อันจะทำให้รอดพ้นจากวิบากกรรมที่จะเข้ามาเล่นงานได้
ในช่วงที่อยู่ในวัดรักษาศีล เทวดาที่อารักขาอยู่ในสถานที่นั้นก็จะช่วยป้องกันผู้ที่รักษาศีลจากเหล่าบริวารของท้าวเวสสุวรรณ ตลอดทั้งการอยู่ในร่มเงาของครูบาอาจารย์ พวกยักษ์หรือวิญญาณชั้นต่ำย่อมไม่กล้าทำอันตราย พอวันเวลาผ่านไป ท่านก็เรียกผู้นั้นว่า”พ้นเคราะห์”
ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่เคยไปอยู่ เจ้าสำนักแห่งนั้นเป็นสตรีเพศที่มีบารมี มีลูกศิษย์บริวารมาก วันหนึ่งมีญาติพาผู้หญิงคนหนึ่งมาขอให้ช่วย เจ้าสำนักได้สั่งว่า “ภายในเจ็ดวันนี้ ห้ามใครพาผู้หญิงคนนี้ออกจากสำนักเด็ดขาด” ทุกคนก็เชื่อฟัง หลังจากนั้นสามวันอาการป่วยของผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มหายไป พอครบเจ็ดวันทั้งร่างกายและจิตใจก็แข็งแรง หน้าตาดูสดใสเหมือนไม่เคยเจ็บไข้อะไรมาก่อน แล้วญาติก็รับผู้หญิงคนนั้นกลับบ้านไป
เมื่ออยู่ตามลำพังแล้ว ศิษย์คนหนึ่งก็ถามท่านผู้เป็นอาจารย์ว่า “เหตุใดจึงสั่งห้ามไม่ให้คนที่เพิ่งกลับบ้านไปไม่ให้ออกนอกสำนักเด็ดขาดถึงเพียงนั้น” อาจารย์ท่านนั้นท่านตอบว่า “มีคนตามเขามา แล้วรออยู่หน้าประตูสำนักเข้ามาไม่ได้ เขาเฝ้ารอจะเอาชีวิตผู้หญิงคนนั้นไปให้ได้ พอครบเจ็ดวัน เขาจึงกลับไปตามภพภูมิของเขา คนนั้นจึงไม่ตายและจะอายุยืนไปจนหมดอายุขัย เพราะอานุภาพแห่งศีลที่เขารักษาคุ้มครองเขาไว้ทันเวลา”
จะมีสักกี่คนที่จะโชคดีได้พบผู้ทรงอภิญญาช่วยคลี่คลายวิบากกรรมได้อย่างนั้น เราทุกคนจึงควรหมั่นบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ไว้เสมอ หากวิบากกรรมยังไม่ถึงที่หรือไม่มีกรรมที่รุนแรงมาตัดรอนเร็วเกินไป ปัญหาชีวิตไม่ว่าจะหนักหน่วงเพียงใด ย่อมผ่านพ้นไปได้แน่นอน
คุณของศีลอีกประการหนึ่งคือ จะทำให้แคล้วคลาดจากคนอันธพาลสันดานชั่ว สตรีที่มีศีลประจำตัว แม้อยู่ในท่ามกลางสังคม จะแคล้วคลาดจากจิ้งจอกสังคมแม้ไม่ทันรู้ตัว หากมีผู้ชายคิดร้ายหรือล่อลวงด้วยเล่ห์กลประการใด ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือไว้อย่างทันท่วงที
บุรุษผู้มีศีลจะแคล้วคลาดจากสตรีที่มุ่งร้าย ผู้หญิงอื่นจะทำลายครอบครัวก็จะแพ้ภัยอย่างคาดไม่ถึง นอกจากตนเองจะเกิดจิตอกุศลลบหลู่ศีลหรือลบหลู่การปฏิบัติธรรมเพราะการไม่รู้เท่าทันมารในวันใด เทวดาทั้งหลายย่อมไม่รักษาคนนั้นผู้ไม่เคารพในศีลที่ตนเคยประพฤติ
การแก้ปัญหาชีวิตหรือปัญหาต่างๆ ที่โบราณท่านบอกให้ออกบวชประพฤติธรรมหรือรักษาศีล ไม่ใช่ความงมงายหรือเป็นเรื่องไร้เหตุผลแต่อย่างใด แต่คือการสร้างพลังบุญ พลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ ที่กรรมวิธีอื่นใดในโลกเทียบไม่ได้เลยทีเดียว
ศีลย่อมเป็นเกราะที่ช่วยคุ้มครองป้องกันรักษา ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
คุรุอตีศะ
๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗