เมื่อหัวใจไร้ที่พึ่ง
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
เมื่อหัวใจไร้ที่พึ่ง
เมื่อสิ่งต่างๆรุมเร้ามากเกินไป จนรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะรับไม่ไหว จงเชื่อฟังเสียงเรียกร้องที่อยู่ภายในของตนเอง แล้วตัดสินใจออกจากเหตุการณ์หรือมรสุมที่กำลังรุมเร้านั้นให้เร็วที่สุด บางครั้งถ้าใครจะมองว่าเราเพี้ยนหรือจะเสียคนในสายตาของใครก็ต้องยอม จงเชื่อฟัง “เสียงเรียกร้องที่เกิดมาจากข้างใน”ให้มากกว่าเชื่อคนอื่น แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆไปได้
สำหรับผู้ทรงอภิญญาจิตที่ฝึกฝนจิตสำเร็จแล้ว สิ่งนี้ท่านเรียกว่า “ญาณหยั่งรู้” ส่วนสำหรับบุคคลโดยทั่วไป สิ่งเหล่านี้เรามักรู้จักกันในชื่อว่า “ลางสังหรณ์” เพราะเป็นความรู้ที่ไม่ค่อยชัดเจนหรือไม่เกิดความมั่นใจว่าจะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี เนื่องจากจิตใจของคนทั่วไปยังขุ่นมัวเต็มไปด้วยความลังเลสงสัย จึงไม่แจ่มใสชัดเจนเหมือนท่านที่บำเพ็ญสมาธิฝึกฝนจิตไว้ดีแล้ว
“การใช้ลางสังหรณ์” ที่จะไม่ผิดพลาด ต้องเกิดจากจิตที่ประกอบด้วยเมตตาธรรมและเป็นกุศลจิต หากจิตขณะนั้นเจือด้วยความโกรธ อาฆาตพยาบาทเคียดแค้น ลางสังหรณ์จะใช้ไม่ได้ผล การตัดสินใจในขณะนั้นต้องใช้การตรึกตรองด้วยเหตุด้วยผลด้วยสมองฝั่งซ้ายตามที่คนทั่วไปใช้ตามปกติ การตัดสินใจจึงจะไม่ผิดพลาดหรือเกิดความเสียหายน้อยที่สุด
การตัดสินใจในยามคับขัน ที่ไม่มีเวลาตรึกตรองหาเหตุผล การปล่อยให้สมองฝั่งขวาทำหน้าที่อย่างอิสระเต็มที่ การตัดสินใจในเรื่องนั้นจะไม่มีการผิดพลาด
ความผิดพลาดถ้าจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นเกิดความลังเลหรือไม่ไว้วางใจในสมองฝั่งขวา แล้วปล่อยให้สมองฝั่งซ้ายเข้ามาแทรกแซง คือเริ่มมองหาเหตุผลหรือวิตกกังวล อันเป็นการขัดจังวะหรือทำลายความอิสระของสมองฝั่งขวา
แต่ถ้าปล่อยให้สมองฝั่งขวาทำงานอย่างเต็มที่และเต็มเปี่ยมด้วยความไว้วางใจ การตัดสินใจในยามคับขันเช่นนั้นจะไม่มีการผิดพลาด นี้คือบ่อเกิดอัจฉริยบุคคลที่เหนือกว่าคนทั่วไป และนี้คือการอธิบายแบบหลักการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้คนสมัยนี้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
สตรีจะมีคุณสมบัติพิเศษประจำตัวที่เหนือกว่าบุรุษโดยทั่วไป ในเรื่องการมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ ในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติในชีวิตเกิดขึ้น บุรุษที่เป็นอัจฉริยบุคคลหรือที่มีบุญญาธิการทั้งหลาย มักจะยอมให้สตรีตัดสินใจด้วยความเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นในใจของเธอในขณะนั้น หลังจากที่เขาไม่อาจมองหาเหตุผลต่างๆด้วยสมองฝั่งซ้ายได้อีกแล้ว
บุรุษและสตรีที่มีบุญบารมี จึงพากันฟันฝ่าอันตรายและรอดพ้นจากวิกฤติทั้งหลายมาได้ ก็ด้วยการใช้ลางสังหรณ์นี้มามากต่อมาก อัจฉริยบุคคลของโลกส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่รู้จักใช้สมองฝั่งขวานี้เอง จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จเหนือกว่าคนทั่วไป
ผู้คนสมัยนี้ที่หัวใจไร้ที่พึ่งหรือขาดความสุข เป็นเพราะเราเรียนหนังสือกันมากเกินไป สมองของเราถูกฝึกให้ใช้แต่ฝั่งซ้ายมาตลอด โดยเฉพาะสตรียิ่งเรียนสูงมากเท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งแห้งแล้งและขาดความสุข เพราะไม่ได้มีชีวิตอยู่กับความเป็นจริงที่ผู้หญิงนั้นมีความสามารถและถนัดในการใช้สมองฝั่งขวา แต่ไปมุ่งพัฒนาสมองฝั่งซ้ายเพื่อให้มีความสามารถทัดเทียมผู้ชาย แต่สมองฝั่งขวาของเธอไม่ค่อยได้ใช้ ความร่มเย็นและความเบิกบานในจิตใจจึงเกิดขึ้นได้น้อยกว่าสตรีในยุคก่อน
ผู้หญิงทั้งหลายจึงไม่ค่อยมีความสุขในชีวิตโดยที่ตัวเองก็หาเหตุผลไม่ได้ ในขณะที่ผู้ชายทั้งหลายก็ขาดความสุข เพราะหาผู้หญิงที่มีความเต็มเปี่ยมด้วยความรื่นเริงด้วยสมองฝั่งขวา ที่จะมาชดเชยหรือช่วยเยียวยาหัวใจที่หยาบกระด้างของตนก็หาได้ยาก
ทั้งหญิงและชายจึงไม่รู้สึกเคารพนับถือให้เกียรติกันเท่าที่ควรจะเป็น ต่างคนจึงต่างใช้ความรุนแรงต่อกัน ความรักที่เคยสูงส่งจึงเหลือเพียงเพศสัมพันธ์ที่มอบให้แก่กัน ส่วนความรักความงดงามในหัวใจที่ต่างฝ่ายต่างเรียกร้องเอาจากกันนั้น ได้กลายเป็นสิ่งที่เกินกว่าใจจะไขว่คว้าสำหรับผู้คนสมัยนี้ไปเสียแล้ว
เรียนรู้อะไรมามากต่อมากแล้ว ต่อไปนี้จงเรียนรู้หัวใจของเราเองให้มากขึ้น ในฐานะที่เคยเป็นเด็กนักเรียนเรียนเก่งสอบได้ที่หนึ่งเป็นประจำ แล้วในชีวิตก็เรียนและสอบอะไรสำเร็จมามากมาย ก็อยากใช้เครดิตนี้บอกกล่าวต่อท่านท่านทั้งหลายว่า ในยามนี้ขอจงหันมาเรียนหัวใจของเราให้เข้าใจตัวเองให้มากขึ้นกันดีกว่า
เรียนวิชาอื่นข้างนอก เรียนไปมากแค่ไหนก็ไม่พ้นคราบน้ำตา ต้องมาเรียนวิชาแห่งการพ้นทุกข์ของพระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นศาสดาเอกของโลก ชีวิตนี้จึงจะอยู่เหนือความผิดหวังทั้งหลายและไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป ขอให้รักษาหัวใจให้สงบสุขในยามนี้ย่อมเป็นสิ่งดีที่สุด
หากยังไม่เข้าใจวิธีเจริญสติธรรมชาติตามที่สอน จะยืน เดิน นั่ง นอน ลองลดความรีบร้อนกระหืดกระหอบลงบ้างก็ได้ หากอยู่บ้านคนเดียวหรืออยู่ที่ทำงานคนเดียวไม่มีใคร ก็ปิดโทรศัพท์ ปิดทีวี ปิดคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีทั้งหลาย แล้วหลับตาลงพร้อมกับดูลมหายใจที่เข้าออกเบาๆ จะทำให้สบายใจขึ้น
บางคนที่อาจกำลังเผชิญกับความกดดันหรือปัญหาต่างๆ จิตใจในยามนี้เต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านและสับสน จะนั่ง จะยืน จะเดิน ก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ก็ลองหันมองย้อนหลังชีวิตของตนตั้งแต่ยังไม่มีอะไร
แต่ก่อนบางวันได้กินข้าวไม่ครบทั้งสามมื้อเราก็ยังอยู่มาได้ ไม่ได้เคยคำนึงถึงโภชนาการหรือสุขนามัยอะไรก็ยังมีชีวิตรอดมาได้จนทุกวันนี้ ธุรกิจการค้าอะไรทั้งหลายก็ไม่เคยรู้จักนอกจากการเอาขนมไปขายให้เพื่อนที่โรงเรียนเท่านั้น ส่วนตอนนี้มีเงินเริ่มจากหลักพัน จนกลายเป็นเงินหลักล้านไปแล้ว ชีวิตนี้จะยากไร้ในข้อไหนลองถามตัวเองดูที
หากคิดอย่างไรก็ยังหาความสบายใจอะไรไม่ได้ ก็ลองคิดถึงมรณานุสติดูบ้างก็ได้ คนเรานี้จะยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยเพียงใดก็ไม่พ้นความตาย จะเป็นมหาเศรษฐีหรือขอทานที่ยากไร้ก็ไม่พ้นความตายกันทุกคน ก่อนที่ความตายจะมาถึงซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อาจเป็นพรุ่งนี้ก็ได้ เราจะขอทำความดีและสร้างกุศลไว้อย่างสุดความสามารถ ด้วยความไม่ประมาทในชีวิต
พระอาทิตย์ส่องแสงอุทัยขึ้นมาในยามเช้าทางทิศตะวันออก ก็บ่ายหน้าไปทีละน้อยแล้วตกลับหายไปทางทิศตะวันตก ฉันใด มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็ล้วนบ่ายหน้าไปสู่ความตายกันทุกถ้วนทั่ว ไม่ต้องมีใครฆ่าใครทำลายใคร ทุกคนก็ต้องตายไม่มีเหลือแม้แต่คนเดียว
แม้ผู้ที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่เพียงใดก็ล้วนไม่รอดพ้นจากความตายทั้งสิ้น ดังนั้น ปัญหาอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ย่อมไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เหนือกว่าความตายไปได้ เราจงรักษาหัวใจและชีวิตของเราให้อยู่ในคุณงามความดีแม้ลมหายใจสุดท้าย ชีวิตนี้ก็เพียงพอและมีความสุขแล้ว สิ่งอื่นย่อมแก้ไขจัดการไปตามเหตุตามปัจจัย แต่จงดำรงสติอันมั่นคงไว้อยู่ภายในเสมอ
เมื่อหัวใจดวงนี้ไร้ที่พึ่ง จงกลับคืนสู่ความจริงของตัวเองให้เร็วที่สุด จงเชื่อฟังลางสังหรณ์หรือคำเรียกร้องที่อยู่ภายใน นั่นคือคำตักเตือนด้วยความหวังดีที่ซื่อสัตย์ที่สุด
จงหาทางปลีกตัวออกมานอกเหตุการณ์ เหมือนนักมวยยึดเอามุมเวทีของตนเป็นที่พึ่งเป็นที่ตั้งหลักเพื่อให้น้ำ การตัดสินใจในยามคับขันเช่นนั้น เราจะแคล้วคลาดจากอันตรายที่จะไม่มีการเสียใจในภายหลังเลย นอกจากนั้นก็จงหาโอกาสไปกราบพระพุทธรูป เจดีย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิริมงคลของชีวิต แล้วอธิษฐานจิตมุ่งหน้าสร้างกุศลและคุณงามความดีต่อไป
ในยามใดที่คิดมากจนนอนไม่หลับ แสดงว่าการใช้สมองฝั่งซ้ายเกินโหลดหรือเกินพิกัดแล้ว จงยอมให้สมองฝั่งขวาที่เรามองข้ามหรือหลงลืมเขามานาน ให้เขาได้ออกมาทำงานเพื่ออภิบาลคุ้มครองเราโดยไม่ต้องมีความคิดใดๆ
ชีวิตของเราผู้เคารพและให้เกียรติต่ออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ย่อมได้รับการพิทักษ์คุ้มครองปกปักรักษา เป็นชีวิตที่มอบความไว้วางใจอันเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา
ในที่สุดเราจะพบว่า การมอบหมายให้ชีวิตดำเนินไปด้วยสมองฝั่งขวา ช่างเปี่ยมล้นด้วยความอัศจรรย์และน่าพิศวงแท้
ในยามที่หัวใจดวงนี้ไร้ที่พึ่ง จงเลือกเส้นทางสายนี้ แล้วเราจะพบทางออกและพบที่พึ่งอย่างยิ่งใหญ่ชนิดคาดไม่ถึงในชีวิตนี้ นี้คือเส้นทางของอัจฉริยบุคคล และเป็นเส้นทางของผู้เดินไปสู่ทางธรรมที่ลี้ลับตลอดมา
คุรุอตีศะ
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗