ตั้งมั่นอยู่ในความสงบ
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ตั้งมั่นอยู่ในความสงบ
เหตุการณ์บ้านเมืองหรือสังคมจะขัดแย้งรุนแรงวุ่นวายเพียงใด ขอให้พวกเราทั้งหลายจงมีสติตั้งมั่น ดำรงความสงบไว้เสมอ
เราไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความขัดแย้ง หรือเป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงเสียเอง ลำพังเพียงแต่ละคนแต่ละฝ่ายที่กำลังต่อสู้ ขัดแย้ง รุนแรงต่อกันอยู่นั้น เขาก็ทุกข์ยากลำเค็ญแสนสาหัสพอแรงอยู่แล้ว
เหมือนช้างติดหล่ม แม้อยากจะขึ้นจากหล่มเจียนใจจะขาด ก็ขึ้นจากหล่มไม่ได้ หากเราไม่อยู่ในฐานะที่มีกำลังที่เหนือกว่าที่จะช่วยช้างขึ้นจากหล่มได้แล้วไซร้ เราไม่ควรกระโดดลงไปเพิ่มหลุมบ่อให้กว้างและลึกยิ่งกว่าเดิม
ตามที่เคยกล่าวไปบ้างแล้วว่า นี้คือชะตากรรมของบ้านเมืองที่ถึงคราวจะต้องเป็นไป แม้ไม่มีใครอยากให้เกิด ก็ต้องเกิดขึ้นจนได้ตามกระแสวิบากของกฎแห่งกรรม
หน้าที่ของเราในตอนนี้ คือรักษาความสงบมั่นคงของดวงจิต แล้วช่วยกันแผ่พลังแห่งเมตตาจิตไปยังทุกคนทุกฝ่าย โดยไม่เลือกเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ขอให้แต่ละคนบังเกิดสติและคิดได้ ไม่จมอยู่กับมายาคติและตกเป็นทาสของอกุศลมูลจนเกินไป ขอให้ผู้ที่กำลังขัดแย้งและมีชีวิตตกอยู่ในท่ามกลางความรุนแรงเหล่านั้น ได้มีชีวิตที่ปลอดภัย ไม่ต้องบาดเจ็บล้มตายและประสบความสูญเสียอื่นใดให้ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
เพราะเมื่อสถานการณ์ในเวลานี้ผ่านไป เราทุกคนล้วนต้องเผชิญกับความบอบช้ำทั้งกายและใจจนยากจะลืมเลือนกันทุกคน จะไม่มีฝ่ายใดชนะอย่างแท้จริง ทุกดวงใจจะมีแต่ผู้พ่ายแพ้ต่ออำนาจกิเลสกันทั้งสิ้น
สำหรับบุคคลใดที่ชีวิตของตนไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของการเมือง ยังสามารถประคองตนให้อยู่นอกสถานการณ์ในเวลานี้ได้ ขอจงช่วยกันรักษาความสงบภายในจิตใจ หมั่นทำสมาธิภาวนาและแผ่เมตตาให้แก่ชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัย อย่าให้ประเทศไทยต้องถึงขั้นถูกแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ เหมือนกับบางประเทศที่เคยเป็นมาแล้ว เพราะหากมีการแยกกันแล้วเพราะการแตกความสามัคคีจนไม่สามารถอยู่ร่วมเป็นประเทศเดียวกันได้ ย่อมเป็นการยากที่จะรวมกันเป็นปึกแผ่นขึ้นมาได้ใหม่
การรู้จักอะลุ้มอล่วย รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว จะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในความเป็นคนไทยเท่าเทียมกัน เราทุกคนเกิดมาแล้ว ล้วนต้องประสบกับความแก่ ความเจ็บป่วย และความตายด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่ควรโกรธเกลียดกันนานจนเกินไป
เราทุกคนสามารถมีชีวิตยืนยาวอยู่บนผืนแผ่นดินนี้นั้น อย่างมากก็ไม่ถึงร้อยปี ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่เราจะอาฆาตพยาบาทโกรธเกลียดกัน จนถึงขั้นจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
เราจึงควรตัดสินใจยอมกันและให้อภัยกัน มอบความรัก ความเมตตาให้กันดีกว่า ความมีเมตตาและรู้จักให้อภัยต่อกัน คือคุณธรรมพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ความสุขของมนุษย์ทุกคน ก็อยู่ตรงที่การมีหัวใจดวงนี้ประกอบด้วยความรักความเมตตานี้เอง ท่านจึงเรียกคุณธรรมพื้นฐานนี้ว่า “มนุษยธรรม”
ประเทศชาติบ้านเมืองในยามนี้ต้องการผู้กล้าหาญที่กล้าดำรง “ความมีมนุษยธรรม”นี้ให้ยิ่งกว่าความกล้าหาญในการต่อสู้ เพราะที่ต่อสู้กันอยู่นี้คือการต่อสู้ของคนภายในครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่การต่อสู้กับศึกสงครามที่ข้าศึกศัตรูเข้ามารุกรานแต่อย่างใด ยิ่งต่อสู้กันเท่าใด ยิ่งจะพบแต่ความล่มจมและความเสียใจเพียงอย่างเดียวเสมอหน้ากัน
ความกล้าหาญชนิดนี้คือความกล้าหาญแบบมหาตมะ คานธี และเนลสัน แมนเดลลา มหาบุรุษของโลกในยุคสมัยปัจจุบันได้ทำไว้เป็นเยี่ยงอย่างมาแล้ว
การต่อสู้กับความอยุติธรรมที่ได้ผลและประสบกับความสำเร็จที่งดงามที่สุด คือการต่อสู้ด้วยดวงจิตที่ยึดมั่นในมนุษยธรรม จงยึดมั่นในหลักการนี้ไว้ เราจะไม่มีวันแพ้ภัยตัวเองและจะไม่มีการเสียใจในภายหลัง ไม่ว่าผลการต่อสู้นั้นจะชนะหรือแพ้ และแม้จะพ่ายแพ้เพราะเหตุปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คุณธรรมในข้อนี้จะชนะและครองใจศัตรูคู่ปรปักษ์ไปจนตาย
แม้ว่าแต่ละคนแต่ละชีวิตในตอนนี้จะอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์ใด ขอให้ทุกคนจงตั้งสติและดำรงสัมปชัญญะคือความระลึกรู้สึกตัวไว้เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดคือสติที่อยู่คู่ตัวในขณะนี้
สิ่งนี้จะเป็นที่พึ่งอันแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นขณะชีวิตกำลังเผชิญกับความล่มจมแตกดับ ไม่ว่าจะเป็นขณะที่ความตายมาถึงเฉพาะหน้า จงระลึกไว้เสมอว่าท้ายที่สุดแล้ว ที่พึ่งอันสูงสุดของเราคือพระรัตนตรัย ที่พึ่งอื่นใดที่เหนือกว่าแก้วสามประการอันประเสริฐนี้ย่อมไม่มี
ขอส่งความปรารถนาดีและความมีเมตตาจิต มายังทุกคนทุกชีวิต ขอให้ทุกคนจงดำรงสติตั้งมั่นอยู่ในความสงบ ขอให้ทุกคนจงมีสติคุ้มครองใจ
ขอให้ทุกคนทุกชีวิตจงมีความปลอดภัย สามารถนำพาตน ครอบครัว และชาติบ้านเมืองให้ถึงฝั่งโดยสวัสดิภาพ ปราศจากอุปัทวันตราย นำพาชีวิตไปถึงจุดหมายสมดังปรารถนาโดยทั่วหน้ากันเทอญ
คุรุอตีศะ
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗