หนุ่มไร้คู่กับหลวงปู่ไร้วัด
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
หนุ่มไร้คู่กับหลวงปู่ไร้วัด
รถยนต์ยี่ห้อทันสมัยได้ชะลอตัวเพราะคนขับได้แตะเบรกอย่างกะทันหัน ข้างหน้านั้นมีชายสองคนแต่งกายในชุดอปพร. กำลังทำหน้าที่จราจรกั้นรถที่กำลังวิ่งอยู่บนถนนทางหลวงชนบทที่อยู่ในถิ่นกันดารให้หยุด รถสี่ห้าคันได้จอดตามสัญญาณจราจรบนถนนสองเลนที่พาดผ่านกลางทุ่งอันเวิ้งว้างและมีพืชไร่เป็นทิวทัศน์
เพียงชั่วอึดใจก็มีรถขบวนแห่ที่ไร้ความครื้นเครงใดๆ โผล่ขึ้นจากทางแยกด้านขวามือของถนน ทุกสายตามองไปข้างหน้าว่านี่คือขบวนอะไร เหตุใดช่างดูไม่มีแววสดใสอะไรเช่นนี้
รถนำขบวนคือรถแห่ที่ติดลำโพงมีเสียงดนตรีช้าๆแปลกๆ คันที่สองบรรทุกกระถางธูป ดอกไม้ไม่กี่ช่อไร้พวงหรีด มีผู้คนหน้าตามอมแมมหมองคล้ำสี่ห้าคนกำลังประคองรูปถ่ายไว้ไปตามประสาอย่างไร้เกียรติใดๆ คันที่สามบรรทุกโลงศพอยู่กระบะท้าย มีคนช่วยกันคอยพยุงโลงศพไว้ไม่ให้เลื่อนไหลอยู่ห้าหกคน คันที่สี่มีพระภิกษุนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับและมีคนนั่งกระบะท้ายสามคน รถคันที่ห้าค่อนข้างเก่ามากเป็นรถรุ่นทันสมัยเมื่อยี่สิบปีที่แล้วบรรทุกอะไรเล็กน้อยวิ่งตามหลังมา ทุกสายตากำลังรอคอยว่า คงจะมีรถคันที่หก เจ็ด แปด ตามมาอีก
แต่อนิจจา..ขบวนแห่ศพทั้งขบวนมีรถอยู่แค่ห้าคันเท่านั้น ไม่มีคันที่หก และก็ไม่มีใครติดตามมาอีกแม้แต่คนเดียว
หนุ่มใหญ่สารถีวัยสี่สิบเศษหันมาสบตาหลวงปู่ผู้ที่นั่งอยู่ตอนหน้าคู่คนขับเช่นเดียวกัน แล้วก็คิดแบบเดียวกันกับหลวงปู่ พร้อมกับอุทานกึ่งตกใจว่า “อ้าว! ทำไมมีคนแค่นี้?!”
ตามปกติที่เขาเคยเห็นขบวนแบบนี้จะต้องมีรถคันงามๆและมีรถไม่ต่ำกว่าสิบคัน ที่สำคัญจะต้องเห็นผู้คนแต่งชุดดำอันแสดงการไว้ทุกข์เป็นภาพปกติของงานแบบนี้ แต่ขบวนที่กำลังเห็นอยู่ขณะนี้ไม่มีใครแต่งชุดดำแม้แต่คนเดียว คนในขบวนมีแต่ผ้าสีมอซอเก่าๆที่คงเป็นชุดแต่งกายที่ดีที่สุดแล้วในบ้านแต่ละบ้าน กับใบหน้าอันหมองคล้ำและหน้าดำๆอันไร้เกียรติยศใดๆเป็นความทุกข์ที่แท้จริงโดยไม่จำเป็นต้องมีชุดไว้ทุกข์ใดๆอีก
“ชีวิตของคนเราก็มีเท่านี้นะครับหลวงปู่” เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่ปกคลุมบรรยากาศในรถมานานเกือบสิบนาที อารมณ์และความรู้สึกของคนในรถแต่ละคันคงคล้ายกัน
“ถูกแล้ว เมื่อความตายมาถึง จะรักกันแค่ไหน จะโกรธแค้นกันเพียงใด สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกจากความทรงจำ อยู่ที่ว่าบุคคลนั้นจะให้ผู้คนมีความทรงจำต่อเขาในด้านดีหรือด้านร้ายเท่านั้น หากทำบุญกุศลและสร้างความดีไว้ ผู้คนก็อยากพูดถึงความดีด้วยความชื่นใจ แต่ถ้าตอนมีชีวิตทำแต่สิ่งเลวร้าย ผู้คนทั้งหลายก็อยากลืมไปพร้อมกับร่างที่มอดไหม้ ไม่มีใครอยากจำแม้แต่คนเดียว” หลวงปู่เอ่ยตอบพร้อมกับพูดสัจธรรมของชีวิตเป็นคติแก่หนุ่มใหญ่ที่ไร้คู่แบบไม่เคยคาดคิดและเตรียมใจมาก่อน
“หลวงปู่ครับ ทำไมชีวิตของผมนับแต่แต่งงานมาเกือบยี่สิบปี ชีวิตมีแต่ทุ่มเทให้ลูกเมียทุกอย่าง แต่ทำไมเขาจึงไปมีคนอื่นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ผู้ชายคนใหม่ก็ไม่ได้มีหลักฐานหรือมีความดีอะไรคนทั่วไปเขาก็รู้ แต่ทำไมเขาจึงนอกใจผมได้ครับ?”
“นี่แหละคือความไม่แน่นอนของชีวิต ที่ท่านสอนว่าไม่มีสิ่งใดยึดมั่นถือมั่นอย่างแท้จริงได้ สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตของผู้คนที่เป็นสามีภรรยากันนั้น เป็นเพราะบุญก็มี เป็นเพราะกรรมก็มี เป็นเพราะเวรก็มี ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับความดีหรือคุณธรรมเสมอไป เขานอกใจเราทั้งที่เราก็ทุ่มเทให้กับครอบครัวทุกอย่าง แสดงว่าเขาหมดบุญต่อเราแล้ว จงให้อภัยเขาไป แล้วรักษาจิตใจของเราไว้อย่าได้เคืองแค้นพยาบาท และจงตั้งหน้าทำความดีต่อไปเหมือนเกลือรักษาความเค็ม เมื่อความตายมาถึง เราจะจากโลกนี้ไปโดยไม่มีหนี้ค้างไว้กับใครๆ คนเรานั้นต้องจากกันอยู่แล้ว ไม่จากกันตอนนี้ ก็ต้องจากกันตอนตายเหมือนขบวนแห่ที่เรากำลังเห็นอยู่ข้างหน้านั่น..”
เขาเริ่มปลงตกและสบายใจขึ้น เมื่อรถวิ่งผ่านเหตุการณ์เมื่อสักครู่มาได้สักระยะ หนุ่มใหญ่ผู้ไร้คู่ก็ถามหลวงปู่ผู้ไร้วัดขึ้นว่า “หลวงปู่ครับ ทำไมหลวงปู่จึงไม่สร้างวัดแล้วเป็นเจ้าอาวาส จะได้มีผู้คนมาทำบุญมากๆ จะได้มียศเป็นพระครูมีญาติโยมมาหามากๆ เพราะถ้าหลวงปู่สร้างวัดแล้วเป็นเจ้าอาวาส วัดจะต้องเจริญมาก ต้อนรับแขกทุกวันไม่ขาดสาย...”
“พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตรัสบอกว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย! เธอบวชแล้วจงไปสร้างวัดจงไปเป็นเจ้าอาวาส แล้วต้อนรับแขกมากๆ รับสังฆทาน มีแต่ทรงตรัสเตือนว่า โน่นโคนไม้ โน่นเรือนว่าง เธอจงยินดีในความสงัดวิเวก จงทำที่สุดแห่งทุกข์ ไม่เคยบอกให้ไปหาเงินเยอะๆ ไปหาญาติโยมเยอะๆ เธอจะให้หลวงปู่เชื่อพระพุทธเจ้าหรือจะให้เชื่อใครมากกว่ากันล่ะ.?!.”
“อะ..เอ่อ..ค.คือ..คือว่า ผมก็เห็นเป็นอย่างนั้นทั้งนั้นนี่ครับ..” หนุ่มใหญ่รีบออกตัว นึกไม่ถึงว่าหลวงปู่ที่ดูเมตตาใจดี บัดนี้จะให้คำตอบแบบไม่เกรงใจที่เขาไม่เคยได้ยินแบบนี้มาก่อน
“เมื่อถึงเวลาก็เป็นไปเอง สิ่งเหล่านั้นเป็นขั้นตอนของการอนุเคราะห์เกื้อกูลหลังจากที่พระภิกษุที่ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์จนมีคุณธรรมมั่นคงแล้วขั้นใดขั้นหนึ่ง ที่ท่านมีวาสนาบารมีจะต้องอนุเคราะห์เกื้อกูลเหล่าบริวารที่สร้างบารมีตามมาพบกันในชาตินี้ เหมือนคนที่ตั้งตัวได้แล้วก็ดูแลลูกหลานช่วยเหลือไปตามฐานะและอัตภาพ ไม่ใช่เพราะอยากเป็นเจ้าอาวาสอยากได้ตำแหน่ง หรืออยากได้ทรัพย์สินเงินทองของใคร ถึงเวลานั้นอะไรก็จะเป็นไปเองตามวาสนาบารมี การไม่มีวัด ไม่มีตำแหน่งอะไร ก็สบายดีมีอิสระเหมือนหนุ่มโสด จริงไหมล่ะ?” หลวงปู่ผู้ไร้วัดวกกลับมาย้อนถามชายหนุ่มผู้ไร้คู่ ผู้ที่ได้รับความบอบช้ำทางจิตใจและกลายเป็นคนโสดแบบไม่เคยคิดอยากจะเป็นแม้แต่น้อย
“แต่ใจจริงแล้ว ก็ไม่อยากเป็นเท่าไหร่หรอกครับ การเป็นโสดแบบนี้..” ชายหนุ่มโอดครวญสารภาพความในใจ และหากเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากเป็นโสดแบบนี้ไปนานนัก เพราะทั้งอับอายผู้คนและหมดความมั่นใจในตนเอง ตัวเขายังแอบมีความหวังอยู่ในใจลึกๆที่ไม่กล้าพูดออกมา เพราะเกรงจะถูกตำหนิว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ความหวังนั้นก็คือว่า อยากจะมีสตรีผู้ใจประเสริฐสักคนช่วยปลอบใจที่บอบช้ำให้สดชื่นคืนดีเหมือนเดิมแบบสมัยรุ่นหนุ่มอีกครั้ง
“หลวงปู่ครับ..” เขาตัดสินใจถามคำถามสำคัญที่เก็บไว้และอัดอั้นมานานเต็มทน “..ผู้ชายที่เมียมีชู้ คนเขาย่อมดูถูกว่าเป็นคนหมดสมรรถภาพ เป็นคนหมดเกียรติหมดศักดิ์ศรี หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะครับหลวงปู่ ผมจะทำอย่างไรดีครับ?”
“อันดับแรก อย่าเพิ่งมีเมียใหม่จนกว่าจะพ้นหนึ่งปี จนกว่าใจของเราจะหายบอบช้ำกลับคืนสู่ภาวะปกติจนทำใจได้แล้ว จนกระทั่งใจไม่มองสตรีในแง่ร้ายและไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามสตรีทั่วไปว่าจะชั่วร้ายแบบนั้นกันทุกคน จงแยกแยะว่าทั้งหญิงและชายต่างมีดีมีชั่วปะปนกัน อย่าไปสรุปด้วยอคติว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกันหมด คนชั่วก็มี คนที่ใจประเสริฐก็มี ของเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องวัดสมรรถภาพความเป็นชาย แต่เป็นเรื่องของการหมดบุญ หมดเวรหมดกรรมต่อกัน
จงจำไว้ว่าบุรุษที่มีสมรรถภาพเต็มเปี่ยมเท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติอันสำคัญในการออกบวชประพฤติพรหมจรรย์แล้วบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์หรือพระอริยบุคคลได้ คนที่ท่านบรรลุธรรมท่านล้วนเปี่ยมแห่งความเป็นชาย แต่ท่านปฏิบัติจนจิตข้ามพ้นสิ่งนี้ไปได้ จึงกลายเป็นพลังสร้างสรรค์และพลังแห่งการเกื้อกูลอย่างใหญ่หลวงในเวลาต่อมา
ดังนั้น ในกรณีที่หญิงหรือชายเป็นคนดีมีศีลธรรมแล้วอีกฝ่ายนอกใจนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะอีกฝ่ายหมดบุญจากอีกฝ่าย จึงพาชีวิตตกต่ำและมีกรรมมาตัดรอนให้เขาต้องมีอันเป็นไปเช่นนั้นหรือพลัดพรากจากกันไป เมื่อบุญทั้งสองฝ่ายแตกต่างกัน ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่เคยพอใจยินดีต่อกัน จึงเกิดความเบื่อหน่ายกลับกลายไม่เหมือนเดิม หมดบุญต่อกันจนกระทั่งไม่อาจมีความสัมพันธ์ต่อกันเช่นนั้นได้ กลายเป็นใจที่ห่างเหินเหมือนเป็นคนอื่นไป ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้าใจกันได้และไร้ความยินดีแบบแต่ก่อน ไม่ใช่การไร้ความสามารถทางเพศอย่างที่คนสมัยนี้เข้าใจ แต่คือการหมดบุญหมดวาสนาต่อกัน จนกระทั่งไม่อาจยินดีพอใจต่อกันเหมือนก่อนได้ นี้คือเหตุผลใหญ่อันเร้นลับของชีวิต ดังนั้น จงเลิกมีปมด้อยเสียแต่วันนี้”
ชายหนุ่มได้ฟังคำอธิบายเหตุผลอันลึกซึ้งของหลวงปู่แล้ว เกิดความชุ่มเย็นในหัวใจ ใจที่เคยอาฆาตได้คลายตัวลงทันใดและให้อภัยอย่างสนิทใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากถึงจุดหมาย หนุ่มใหญ่ผู้ไร้คู่ก็กราบลาหลวงปู่ผู้ไร้วัด ซึ่งแปลกประหลาดกว่าพระรูปใด แม้ตนเองจะยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดหลวงปู่จึงเป็นพระผู้ไร้วัดเช่นนี้
คุรุอตีศะ
๒๓ มกราคม ๒๕๕๗