ขอเพียงใจเป็นกุศล
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ขอเพียงใจเป็นกุศล
ชีวิตในแต่ละวันไม่ต้องคาดหวังอะไรให้ยิ่งใหญ่เกินไปนักก็ได้ ไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องปรารถนายศศักดิ์ ตำแหน่ง ความร่ำรวย อำนาจ เกียรติยศ ความยิ่งใหญ่ จนความวิตกกังวลท่วมทับหัวใจ ขอเพียงให้หัวใจของเราดวงนี้เป็นกุศลก็พอ การดำริไว้ในใจอย่างนี้ ย่อมเป็นภูมิคุ้มกันอย่างดีของชีวิต
บางคนตกใจกับข่าวคราวของดาราบางคน ที่เคยประกาศถอนหมั้นเพื่อออกบวชตลอดชีวิต สุดท้ายชะตากรรมได้ลิขิตให้ลาสิกขากะทันหัน ทั้งที่บวชยังไม่ได้ถึงสองปี ความผิดหวังที่เคยยึดมั่นว่าท่านจะบวชไปจนตลอดชีวิต แต่กลับสึกออกมาอย่างโดยง่าย ก็เกิดความตรอมใจว่าเหตุใดหนอจึงเป็นเช่นนั้น
ก็นี่แหละคือการทำในสิ่งที่ทำได้ยากของ “ชีวิตประพฤติพรหมจรรย์” ที่ได้รับการพิสูจน์ตลอดมาทุกยุคทุกสมัยว่าเป็นของยากจริงๆ เพราะเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติให้พระเคารพกันที่พรรษา ใครบวชก่อนเพียงหนึ่งนาทีก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโสมากกว่า ไม่ได้เคารพกันที่การจบปริญญา หรือความเป็นเจ้าคุณหรือพระครู เพราะการจะผ่านในแต่ละพรรษาได้ ท่านต้องทวนกระแสกิเลสตลอด ใครผ่านได้หนึ่งพรรษาก็เหมือนคนที่ชนะศึกสงครามรอดตายมาได้ในแต่ละปี ในทางธรรมการเคารพกันย่อมเป็นแบบนี้
การสึกของพระจึงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ท่านยังอยู่กันได้นั่นสิ จึงเป็นเรื่องอัศจรรย์ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรน่าตกใจ เพราะฝนจะตก แดดจะออก คนจะคลอดลูก หรือพระจะสึกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครห้ามได้
“การบวชเป็นของยาก การยินดีในการบวชยิ่งเป็นของยาก” พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ จะเห็นได้ว่าทั้งประเทศไทยมีผู้ชายตั้งหลายสิบล้าน แต่ก็มีผู้ที่บวชอยู่ได้จริงๆที่ไม่ใช่บวชตามประเพณีแล้วก็สึกนั้นมีไม่เท่าไหร่ ถ้าหากการบวชเป็นของง่าย หรือเพียงแค่การประกาศว่าจะบวชตลอดชีวิตแล้วก็บวชได้ ป่านนี้ประเทศไทยคงจะมีพระเป็นล้านเหมือนคนที่เรียนจบปริญญา
แต่นี่ก็เพราะหาบุรุษอาชาไนยที่บวชจริง สละจริงในการอุทิศชีวิตให้ศาสนานั้นแสนยาก และที่ยังบวชกันอยู่ได้นั้นก็ยังต้องทนกันทุกพรรษา ยกเว้นท่านที่มีภูมิจิตเป็นอริยะนั้นขอยกไว้ เพราะสำหรับผู้เป็นเช่นนั้นท่านยินดีพอใจในการบวชโดยไม่รู้สึกว่าต้องทน แต่สำหรับผู้ที่ท่านยังเป็นปุถุชน ที่ท่านสามารถอดทนจนกว่าจะพ้นแต่ละพรรษา ก็นับว่าสุดยอดควรแก่การกราบไหว้ได้แล้ว
คนแต่ก่อนท่านจึงสอนว่า ถ้าเห็นพระสึกให้ทำใจและยอมรับว่า “ท่านหมดบุญในผ้าเหลือง” แต่ท่านไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ท่านมายินดีพอใจในชีวิตในระนาบที่ต่ำกว่าในฐานะฆราวาส ไม่ต้องเป็นที่กราบไหว้ของใคร พระที่ท่านสึกก็เป็นที่เข้าใจกันดีโดยมองตากันก็รู้ทันทีว่า อันเรื่องของ “กามารมณ์”เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ประจำชีวิตมนุษย์และสัตว์ แต่ไม่ใช่จะพากันโกรธแค้นพระอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนคนสมัยนี้
นั่นแสดงว่ายังเป็นผู้ที่ไม่เข้าใจ “ชีวิตความเป็นพระ” และก็ไม่เข้าใจว่าอำนาจความยิ่งใหญ่ของกามกิเลสที่ท่วมทับหัวใจสัตว์โลกว่ามีอานุภาพเพียงใด แม้แต่พระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีใหญ่ บางพระชาติพระองค์ก็ยังเคยพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วน ก่อนจะมาถึงพระชาติสุดท้ายที่ทรงตรัสรู้ คนเหล่านี้น่าจะจับมาบวชสัก ๓ พรรษา รับรองว่าจะไม่กล้าด่าพระและดูหมิ่นเหยียดหยามกันทั้งประเทศต่อพระที่ท่านพบกับชะตากรรมต่างๆเหล่านั้นเลย
คนทุกวันนี้ที่เหยียบย่ำเหยียดหยามพระกันโดยง่าย ก็เพราะส่วนใหญ่ได้แต่เรียนหนังสือแต่ไม่มีใครบวชทรงพระวินัยได้ครบหนึ่งพรรษา บวชก็บวชไปอย่างนั้น เช้าเอน เพลนอน บ่ายๆพักผ่อน กลางคืนจำวัด หากบวชแล้วไม่ได้ทรงพระวินัย ไม่ได้ปฏิบัติ เมื่อสึกออกไปแล้วจะไม่อยากไปวัด และจะกลายเป็นคนดูหมิ่นพระดูหมิ่นศาสนา เพราะเอาตัวเองเป็นมาตรฐานว่า คนอื่นที่บวชก็คงเหมือนตัวเอง
ส่วนผู้ที่ท่านมีศรัทธาบวชจริงในศาสนา เมื่อบวชแล้วหมั่นศึกษาพระธรรม ทรงธรรมทรงวินัย แม้จะสึกหาลาเพศออกไป บุคลนั้นจะยังคงเลื่อมใสต่อศาสนาและพระสงฆ์อยู่เสมอ เพราะยอมรับกับตัวเองว่า “การบวชเป็นของยาก การยินดีในการบวชไปนานๆ ยิ่งเป็นของยากมากกว่า” ดังนั้นจึงอบรมสั่งสอนลูกหลานและภรรยา ให้กราบไหว้วันทาพระสงฆ์องค์เณรสร้างสมบุญให้แก่ตัว
นี้คืออานิสงส์ของผู้ที่บวชจริง บวชแล้วก็ทรงธรรมทรงวินัย บวชเพื่อสืบทอดอายุพระศาสนา แม้จะสึกออกมาเพราะมีบุญบวชได้เพียงแค่นั้น แต่ท่านก็จะอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาได้จนตลอดชีวิต ไม่ต้องกล่าวไปถึงท่านที่เป็นอริยบุคคลหรือท่านที่บวชได้ไปตลอดแต่อย่างใด และบางท่านก็สึกเพราะเหตุผลอื่นก็มี
ชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะบรรพชิตหรือฆราวาส ล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือหัวใจ ความสุขความทุกข์ ความสมหวังผิดหวัง ความดีใจเสียใจ ย่อมต้องมีเสมอกันเสมอไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือฆราวาส ชีวิตของคนเรา มีขึ้นแล้วก็มีลง มีเฟื่องฟู มีอับเฉา เราทั้งหลายจึงไม่ควรมีความประมาทหวังจะเอาแต่ความสนุกสนานเฮฮาเพียงอย่างเดียว วิถีชีวิตของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น ในแต่ละวัน เราจึงควรประคองใจให้อยู่ในคลองของกุศลไว้เสมอ อย่าปล่อยใจให้ไหลไปกับกระแสกิเลส อะไรดูแล้วได้ฟังแล้วไม่สบายใจ ทำให้ใจขุ่นมัว ก็เลิกดูเลิกฟัง เพียงเท่านั้นใจของเราก็เกิดกุศลแล้ว ใจของเรานี้แหละคือเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดกว่าเรื่องใดในโลก หมั่นรักษาใจไว้เสมอ
คุรุอตีศะ
๑๙ มกราคม ๒๕๕๗