เมื่อรักจงทุ่มเท

เมื่อรักจงทุ่มเท

 

             มีแต่คนพูดสอนกันด้วยความหวังดีว่า “จงเผื่อใจไว้ให้ความผิดหวังบ้าง” หรือไม่ก็มักสอนกันว่า “จะรักใครก็ขอให้รักเพียงครึ่งเดียว”  นี้คือถ้อยคำของกูรูแห่งความรัก หรือเป็นคำตักเตือนของเหล่าผู้มีประสบการณ์  หรือเป็นความห่วงใยของผู้มีความเชี่ยวชาญในความรักทั้งหลายมักสอนกันต่อๆมา

 

             แต่ถ้ามีคำสอนของ “ผู้ไร้เดียงสา” ที่อยากขอมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นว่า “เมื่อรัก จงรักให้เต็มที่  จงทุ่มเทสุดชีวิตสุดหัวใจ  อย่าได้ให้หลงเหลือช่องว่างใดๆอยู่ในหัวใจอีก” คำสอนและคำแนะนำนี้  จะมีใครยินดีรับไว้พิจารณาหรือไม่หนอ?

 

              ทำไมต้องเผื่อใจให้กับความผิดหวัง?!  ในเมื่อความผิดหวังเป็นความทุกข์  จะเผื่อไว้ให้เขาทำไม    สู้เอาความรักบรรจุไว้ให้เต็มหัวใจจะมิดีกว่าหรือ  เพราะความรักคือความสุข คือความดี คือความหวังและความอบอุ่นของชีวิต  หัวใจของเรามีคุณค่าจะบรรจุสิ่งเหล่านี้  มิใช่ต้องเหลือไว้เผื่อซึ่งความหม่นหมองใดๆ

 

              เหตุใดเมื่อจะรักทั้งที  กลับมีเงื่อนไขอันทุกข์ยากลำบากนัก  ที่จะต้องคอยระวังหัวใจให้รักได้เพียงครึ่งเดียว  ชีวิตเช่นนั้นช่างน่าสงสารแท้  แม้จะมีความรักกับใครเขา  ก็รักได้เพียงครึ่งเดียว  เป็นชีวิตครึ่งๆกลางๆ สุกๆดิบๆ  จะเป็นปลาก็ไม่ใช่  จะเป็นมนุษย์ก็ไม่เชิง  เป็นได้แค่นางเงือกผู้อาภัพที่ได้ฟังแต่เสียงปี่พระอภัยมณีเท่านั้น  แต่ขึ้นจากน้ำมานั่งเคียงคู่พระอภัยมณีเพื่อชื่นชมทัศนียภาพของทะเลไม่ได้

 

             นี้คือชะตากรรมของ “ผู้ที่รักครึ่งเดียว”ทั้งหลาย ผู้มีชีวิตขาดๆวิ่นๆ  แล้วก็สอนคนอื่นให้มีหัวใจขาดๆแหว่งๆ ครึ่งๆกลางๆเช่นเดียวกับตน  คนทั้งหลายในโลกจึงเป็นผู้อาภัพดุจนางเงือก  เพราะไม่ยอมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ด้วยการมีความรักอันเต็มเปี่ยมหมดทั้งหัวใจ

 

             เมื่อรักต้องรักอย่างเต็มเปี่ยม  เพราะนั่นคือการให้เกียรติและให้ความเคารพต่อความรัก  แล้วความรักจะคุ้มครองรักษาให้ชีวิตให้รอดพ้นจากภัยอันตรายและความหม่นหมองทั้งปวง

 

               คนเราส่วนใหญ่ล้วนมีหัวใจที่มีความสามารถในการรักได้เพียงครึ่งๆกลางๆ  เราต่างสงวนอัตตาเพื่อคงความสำคัญของตัวเองไว้  เราไม่กล้ารักใครอื่น  เพราะกลัวว่าอัตตาของเราจะถูกบั่นทอนทำลาย  เราทั้งหลายจึงสอนกันต่อๆมาว่า “ขอให้เผื่อไจไว้” และสอนว่า “จงรักเพียงครึ่งเดียว” แก่ผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า

 

               แต่สำหรับผู้แสวงหาความรักและปรารถนาความเต็มเปี่ยมของชีวิต  จงอย่าให้คำสอนเช่นนั้นมาลิขิตให้เราเป็นคนครึ่งๆกลางๆอีกต่อไป  เมื่อจะรัก  จงกล้าหาญและต้องทุ่มเทหมดหัวใจ  แล้วเราจะค้นพบชีวิตใหม่  กลายเป็นคนที่ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคและปัญหา  แม้ว่าชีวิตจะเผชิญกับมรสุมสักกี่ครั้งก็ตาม

 

              คนที่หัวใจมีความรักได้เพียงครึ่งเดียว  จะดำรงชีวิตด้วยความขาดความมั่นใจในชีวิตอยู่เสมอ  ความไม่กล้ามอบหัวใจให้กับความรักอย่างเต็มที่  เราจึงมีโอกาสได้รับพรแห่งชีวิตนี้เพียงครึ่งเดียวเช่นกัน

 

              คนที่มีความรักพร้อมกับเผื่อใจไว้ให้ความผิดหวัง  ความผิดหวังจะมาเยือนมากกว่าความสมหวัง  แทนที่จะเผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวัง  สู้เอาพลังมาสร้างความสมหวังให้เกิดขึ้นจะดีกว่า  โลกใบนี้ไม่ค่อยอยากเห็นคราบน้ำตา  แต่ต้องการใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม  โลกใบนี้รอความรักเช่นนี้จากเราอยู่เสมอ

 

              ขอจงรักอย่างเต็มที่  อย่าได้มีความลังเลใดๆมาทำให้ความรักนี้มีรอยมลทิน  ความรักเป็นความดี  ความรักคือพลังที่ช่วยจรรโลง ดูแล รักษาโลกใบนี้   ความรักนี้เองมิใช่หรือที่คอยโอบอุ้มปกป้องเราตลอดมา

 

              หากไม่มีความรักอันสูงส่งและงดงามของบิดามารดา  ไฉนเลยเราจะมีโอกาสเกิดมาลืมตา และเติบใหญ่จนกระทั่งได้มีวันนี้  เพราะความรักความห่วงใยอย่างเต็มที่  และมีความรักที่ทุ่มเทไม่เหลือช่องว่างในหัวใจ  ลูกตัวน้อยๆจึงเติบใหญ่ กลายมาเป็นพวกเรากันทุกคน  พ่อและแม่ไม่เคยรักเราเพียงครึ่งเดียว  มีแต่ความเต็มเปี่ยมให้ลูกเสมอ  นั่นคือตัวอย่างของความรักที่ทุ่มเทสุดหัวใจ

 

               คนที่มีความรักที่แท้จริง  จะไม่มีคำว่า “รักเพียงครึ่งเดียว” หรือเผื่อไว้สำหรับความผิดหวังอะไรอีก   มีแต่คนที่ยังไม่เคยมีความรักที่แท้จริงในหัวใจเท่านั้น  จึงจะมานั่งคำนวณหรือคอยระวังหัวใจให้รักเพียงครึ่งเดียว  ความรักไม่ใช่แตงโมหรือถาดขนมเค้กที่จะถูกเฉือนแบ่งเป็นส่วนๆหรือแบ่งครึ่งได้  มีแต่ผู้ที่บ้าคณิตศาสตร์จนเกินไป  จึงมาเผลอใช้วิชาคำนวณกับสิ่งที่ไม่อาจคำนวณเช่นความรัก

 

              เมื่อรักก็จงรัก  เพียงแค่นั้นหัวใจก็เต็มเปี่ยมสมบูรณ์แล้ว  ไม่ต้องการตรรกวิทยา  ไม่ต้องการห้องแล็บห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์  ไม่ต้องการหลักปรัชญาสำนักใดๆไม่มีทฤษฎีตะวันออก ตะวันตก

 

              เพราะความรักคือทุกสิ่งที่กล่าวมานั้น  และเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าทุกมหาวิทยาลัยจะจัดการเรียนการสอนได้  เพียงใช้ความรู้สึกและความเป็นผู้มีหัวใจ  เพียงเท่านั้นก็จะสัมผัสกับความรักได้  แม้ว่าจะยืนอยู่บนขุนเขาตากลมหนาวอยู่คนเดียวก็ตาม

 

                   รหัสยนัยก็คือ เมื่อรักจงรักให้เต็มที่  แล้วจะพบกับความอัศจรรย์ของชีวิตที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้พบ  ความรักที่ทุ่มเทนั้นคือสมาธิที่เป็นความเด็ดเดี่ยวและทรงพลัง   แล้วชีวิตจักบังเกิดกำลังใจอันใหญ่หลวงตามมา

 

                     ใครที่ยังรักอย่างทุ่มไม่ได้  จิตใจจะยังห่างไกลจากความลี้ลับของชีวิต  เพราะชีวิตไม่เคยต้อนรับหัวใจที่ลังเลและโลเลให้เป็นสมาชิกของอาณาจักร   มีแต่ผู้ที่มอบหัวใจรักให้สรรพสิ่งอย่างไร้ความลังเลและเต็มเปี่ยมด้วยความไว้วางใจ  จึงจะเข้าถึงชีวิตใหม่  เป็นชีวิตที่มีหัวใจเต็มสมบูรณ์

 

                    คนส่วนใหญ่ในโลกล้วนเป็นผู้ที่ขาดแคลนความรัก  มักได้รู้จักแต่ความต้องการทางเพศอันเป็นเพียงระดับ “สัญชาตญาณ”เท่านั้น  หลังจากนั้นก็ใช้ “ปรีชาญาณ” ชิงไหวชิงพริบจากกันและกัน

 

                  สิ่งที่เราพากันเรียกว่าความรักส่วนใหญ่นั้น  แท้จริงแล้วเป็นแค่ “เกมการเมือง”  เรามิได้รัก  แต่เราลงทุนทำธุรกิจร่วมกันมากกว่า  ด้วยเหตุนี้จึงต้องพากันหลั่งน้ำตา แล้วก็สอนคนอื่นต่อไปว่า “ขอให้รักเพียงครึ่งเดียว” โดยไม่เคยเฉลียวใจว่า  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  อันที่จริงตนเองนั้นยังไม่ได้รักใครเลย

 

                เมื่อรักจงรักอย่างทุ่มเท  ที่เราไม่กล้าทุ่มเทเพราะเรามัวแต่ทำตัวเป็นนักคณิตศาสตร์ จึงคิดบังอาจผ่าครึ่งซึ่งความรักเหมือนการผ่าครึ่งวงกลมได้  แท้จริงแล้วที่เราไม่กล้าทุ่มเทความรักอย่างเต็มหัวใจ  เพราะเราเอาแต่ทำตัวเป็นนักธุรกิจนักเก็งกำไร  คอยแต่คำนวณผลที่ได้ เอาแต่คิดถึงกำไร ขาดทุน  แล้วก็โทษความรักว่าไร้สาระ โทษใครต่อใครว่าใจร้าย  แต่สุดท้ายคือเรายังรักใครไม่เป็นมาก่อนเลยต่างหาก

 

                 ความรักคือความยิ่งใหญ่  ความรักคือความงดงาม  ผู้ที่รักได้อย่างเต็มหัวใจและรักได้อย่างทุ่มเทเท่านั้น  จึงจะพบกับความอัศจรรย์ที่ความรักนั้นนำไปสู่การพัฒนา  สู่ความมีวุฒิภาวะ  สู่การภาวนา

 

                 ความรักย่อมนำเราก้าวข้ามความตื้นเขินของสัญชาตญาณ  ก้าวผ่านปรีชาญาณ พ้นจากเกมรักเกมการเมือง  หัวใจที่มีความรักคือหัวใจที่เต็มเปี่ยม ที่ไม่มีการแบ่งส่วนหรือแบ่งครึ่งใดๆอีกต่อไปแล้ว

 

                ผู้ที่เข้าถึงความรักอันงดงาม ดวงจิตจะก้าวขึ้นสู่ “ปัญญาญาณ” อันเป็นความรักแท้และงามสง่า   เป็นความรักอันสูงส่งด้วยเมตตา  อันเป็นความรักของพระอริยเจ้า

 

                ในที่สุดจะพบว่าความรักคือความเป็นหนึ่งเดียว  และโลกใบนี้ไร้ซึ่งการแบ่งแยกใดๆ

 

                แล้วเหตุใดเล่า เราจึงจะไม่ทุ่มเทหัวใจให้กับความรักอย่างเต็มเปี่ยม  ทั้งกลางวันและกลางคืน

 

 

                                                                              คุรุอตีศะ

                                                                     ๑๑  มกราคม  ๒๕๕๗