เมื่อรักจงทุ่มเท
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
เมื่อรักจงทุ่มเท
มีแต่คนพูดสอนกันด้วยความหวังดีว่า “จงเผื่อใจไว้ให้ความผิดหวังบ้าง” หรือไม่ก็มักสอนกันว่า “จะรักใครก็ขอให้รักเพียงครึ่งเดียว” นี้คือถ้อยคำของกูรูแห่งความรัก หรือเป็นคำตักเตือนของเหล่าผู้มีประสบการณ์ หรือเป็นความห่วงใยของผู้มีความเชี่ยวชาญในความรักทั้งหลายมักสอนกันต่อๆมา
แต่ถ้ามีคำสอนของ “ผู้ไร้เดียงสา” ที่อยากขอมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นว่า “เมื่อรัก จงรักให้เต็มที่ จงทุ่มเทสุดชีวิตสุดหัวใจ อย่าได้ให้หลงเหลือช่องว่างใดๆอยู่ในหัวใจอีก” คำสอนและคำแนะนำนี้ จะมีใครยินดีรับไว้พิจารณาหรือไม่หนอ?
ทำไมต้องเผื่อใจให้กับความผิดหวัง?! ในเมื่อความผิดหวังเป็นความทุกข์ จะเผื่อไว้ให้เขาทำไม สู้เอาความรักบรรจุไว้ให้เต็มหัวใจจะมิดีกว่าหรือ เพราะความรักคือความสุข คือความดี คือความหวังและความอบอุ่นของชีวิต หัวใจของเรามีคุณค่าจะบรรจุสิ่งเหล่านี้ มิใช่ต้องเหลือไว้เผื่อซึ่งความหม่นหมองใดๆ
เหตุใดเมื่อจะรักทั้งที กลับมีเงื่อนไขอันทุกข์ยากลำบากนัก ที่จะต้องคอยระวังหัวใจให้รักได้เพียงครึ่งเดียว ชีวิตเช่นนั้นช่างน่าสงสารแท้ แม้จะมีความรักกับใครเขา ก็รักได้เพียงครึ่งเดียว เป็นชีวิตครึ่งๆกลางๆ สุกๆดิบๆ จะเป็นปลาก็ไม่ใช่ จะเป็นมนุษย์ก็ไม่เชิง เป็นได้แค่นางเงือกผู้อาภัพที่ได้ฟังแต่เสียงปี่พระอภัยมณีเท่านั้น แต่ขึ้นจากน้ำมานั่งเคียงคู่พระอภัยมณีเพื่อชื่นชมทัศนียภาพของทะเลไม่ได้
นี้คือชะตากรรมของ “ผู้ที่รักครึ่งเดียว”ทั้งหลาย ผู้มีชีวิตขาดๆวิ่นๆ แล้วก็สอนคนอื่นให้มีหัวใจขาดๆแหว่งๆ ครึ่งๆกลางๆเช่นเดียวกับตน คนทั้งหลายในโลกจึงเป็นผู้อาภัพดุจนางเงือก เพราะไม่ยอมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ด้วยการมีความรักอันเต็มเปี่ยมหมดทั้งหัวใจ
เมื่อรักต้องรักอย่างเต็มเปี่ยม เพราะนั่นคือการให้เกียรติและให้ความเคารพต่อความรัก แล้วความรักจะคุ้มครองรักษาให้ชีวิตให้รอดพ้นจากภัยอันตรายและความหม่นหมองทั้งปวง
คนเราส่วนใหญ่ล้วนมีหัวใจที่มีความสามารถในการรักได้เพียงครึ่งๆกลางๆ เราต่างสงวนอัตตาเพื่อคงความสำคัญของตัวเองไว้ เราไม่กล้ารักใครอื่น เพราะกลัวว่าอัตตาของเราจะถูกบั่นทอนทำลาย เราทั้งหลายจึงสอนกันต่อๆมาว่า “ขอให้เผื่อไจไว้” และสอนว่า “จงรักเพียงครึ่งเดียว” แก่ผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า
แต่สำหรับผู้แสวงหาความรักและปรารถนาความเต็มเปี่ยมของชีวิต จงอย่าให้คำสอนเช่นนั้นมาลิขิตให้เราเป็นคนครึ่งๆกลางๆอีกต่อไป เมื่อจะรัก จงกล้าหาญและต้องทุ่มเทหมดหัวใจ แล้วเราจะค้นพบชีวิตใหม่ กลายเป็นคนที่ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคและปัญหา แม้ว่าชีวิตจะเผชิญกับมรสุมสักกี่ครั้งก็ตาม
คนที่หัวใจมีความรักได้เพียงครึ่งเดียว จะดำรงชีวิตด้วยความขาดความมั่นใจในชีวิตอยู่เสมอ ความไม่กล้ามอบหัวใจให้กับความรักอย่างเต็มที่ เราจึงมีโอกาสได้รับพรแห่งชีวิตนี้เพียงครึ่งเดียวเช่นกัน
คนที่มีความรักพร้อมกับเผื่อใจไว้ให้ความผิดหวัง ความผิดหวังจะมาเยือนมากกว่าความสมหวัง แทนที่จะเผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวัง สู้เอาพลังมาสร้างความสมหวังให้เกิดขึ้นจะดีกว่า โลกใบนี้ไม่ค่อยอยากเห็นคราบน้ำตา แต่ต้องการใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม โลกใบนี้รอความรักเช่นนี้จากเราอยู่เสมอ
ขอจงรักอย่างเต็มที่ อย่าได้มีความลังเลใดๆมาทำให้ความรักนี้มีรอยมลทิน ความรักเป็นความดี ความรักคือพลังที่ช่วยจรรโลง ดูแล รักษาโลกใบนี้ ความรักนี้เองมิใช่หรือที่คอยโอบอุ้มปกป้องเราตลอดมา
หากไม่มีความรักอันสูงส่งและงดงามของบิดามารดา ไฉนเลยเราจะมีโอกาสเกิดมาลืมตา และเติบใหญ่จนกระทั่งได้มีวันนี้ เพราะความรักความห่วงใยอย่างเต็มที่ และมีความรักที่ทุ่มเทไม่เหลือช่องว่างในหัวใจ ลูกตัวน้อยๆจึงเติบใหญ่ กลายมาเป็นพวกเรากันทุกคน พ่อและแม่ไม่เคยรักเราเพียงครึ่งเดียว มีแต่ความเต็มเปี่ยมให้ลูกเสมอ นั่นคือตัวอย่างของความรักที่ทุ่มเทสุดหัวใจ
คนที่มีความรักที่แท้จริง จะไม่มีคำว่า “รักเพียงครึ่งเดียว” หรือเผื่อไว้สำหรับความผิดหวังอะไรอีก มีแต่คนที่ยังไม่เคยมีความรักที่แท้จริงในหัวใจเท่านั้น จึงจะมานั่งคำนวณหรือคอยระวังหัวใจให้รักเพียงครึ่งเดียว ความรักไม่ใช่แตงโมหรือถาดขนมเค้กที่จะถูกเฉือนแบ่งเป็นส่วนๆหรือแบ่งครึ่งได้ มีแต่ผู้ที่บ้าคณิตศาสตร์จนเกินไป จึงมาเผลอใช้วิชาคำนวณกับสิ่งที่ไม่อาจคำนวณเช่นความรัก
เมื่อรักก็จงรัก เพียงแค่นั้นหัวใจก็เต็มเปี่ยมสมบูรณ์แล้ว ไม่ต้องการตรรกวิทยา ไม่ต้องการห้องแล็บห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องการหลักปรัชญาสำนักใดๆไม่มีทฤษฎีตะวันออก ตะวันตก
เพราะความรักคือทุกสิ่งที่กล่าวมานั้น และเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าทุกมหาวิทยาลัยจะจัดการเรียนการสอนได้ เพียงใช้ความรู้สึกและความเป็นผู้มีหัวใจ เพียงเท่านั้นก็จะสัมผัสกับความรักได้ แม้ว่าจะยืนอยู่บนขุนเขาตากลมหนาวอยู่คนเดียวก็ตาม
รหัสยนัยก็คือ เมื่อรักจงรักให้เต็มที่ แล้วจะพบกับความอัศจรรย์ของชีวิตที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้พบ ความรักที่ทุ่มเทนั้นคือสมาธิที่เป็นความเด็ดเดี่ยวและทรงพลัง แล้วชีวิตจักบังเกิดกำลังใจอันใหญ่หลวงตามมา
ใครที่ยังรักอย่างทุ่มไม่ได้ จิตใจจะยังห่างไกลจากความลี้ลับของชีวิต เพราะชีวิตไม่เคยต้อนรับหัวใจที่ลังเลและโลเลให้เป็นสมาชิกของอาณาจักร มีแต่ผู้ที่มอบหัวใจรักให้สรรพสิ่งอย่างไร้ความลังเลและเต็มเปี่ยมด้วยความไว้วางใจ จึงจะเข้าถึงชีวิตใหม่ เป็นชีวิตที่มีหัวใจเต็มสมบูรณ์
คนส่วนใหญ่ในโลกล้วนเป็นผู้ที่ขาดแคลนความรัก มักได้รู้จักแต่ความต้องการทางเพศอันเป็นเพียงระดับ “สัญชาตญาณ”เท่านั้น หลังจากนั้นก็ใช้ “ปรีชาญาณ” ชิงไหวชิงพริบจากกันและกัน
สิ่งที่เราพากันเรียกว่าความรักส่วนใหญ่นั้น แท้จริงแล้วเป็นแค่ “เกมการเมือง” เรามิได้รัก แต่เราลงทุนทำธุรกิจร่วมกันมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงต้องพากันหลั่งน้ำตา แล้วก็สอนคนอื่นต่อไปว่า “ขอให้รักเพียงครึ่งเดียว” โดยไม่เคยเฉลียวใจว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อันที่จริงตนเองนั้นยังไม่ได้รักใครเลย
เมื่อรักจงรักอย่างทุ่มเท ที่เราไม่กล้าทุ่มเทเพราะเรามัวแต่ทำตัวเป็นนักคณิตศาสตร์ จึงคิดบังอาจผ่าครึ่งซึ่งความรักเหมือนการผ่าครึ่งวงกลมได้ แท้จริงแล้วที่เราไม่กล้าทุ่มเทความรักอย่างเต็มหัวใจ เพราะเราเอาแต่ทำตัวเป็นนักธุรกิจนักเก็งกำไร คอยแต่คำนวณผลที่ได้ เอาแต่คิดถึงกำไร ขาดทุน แล้วก็โทษความรักว่าไร้สาระ โทษใครต่อใครว่าใจร้าย แต่สุดท้ายคือเรายังรักใครไม่เป็นมาก่อนเลยต่างหาก
ความรักคือความยิ่งใหญ่ ความรักคือความงดงาม ผู้ที่รักได้อย่างเต็มหัวใจและรักได้อย่างทุ่มเทเท่านั้น จึงจะพบกับความอัศจรรย์ที่ความรักนั้นนำไปสู่การพัฒนา สู่ความมีวุฒิภาวะ สู่การภาวนา
ความรักย่อมนำเราก้าวข้ามความตื้นเขินของสัญชาตญาณ ก้าวผ่านปรีชาญาณ พ้นจากเกมรักเกมการเมือง หัวใจที่มีความรักคือหัวใจที่เต็มเปี่ยม ที่ไม่มีการแบ่งส่วนหรือแบ่งครึ่งใดๆอีกต่อไปแล้ว
ผู้ที่เข้าถึงความรักอันงดงาม ดวงจิตจะก้าวขึ้นสู่ “ปัญญาญาณ” อันเป็นความรักแท้และงามสง่า เป็นความรักอันสูงส่งด้วยเมตตา อันเป็นความรักของพระอริยเจ้า
ในที่สุดจะพบว่าความรักคือความเป็นหนึ่งเดียว และโลกใบนี้ไร้ซึ่งการแบ่งแยกใดๆ
แล้วเหตุใดเล่า เราจึงจะไม่ทุ่มเทหัวใจให้กับความรักอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งกลางวันและกลางคืน
คุรุอตีศะ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๗