ฤดูใบไม้ร่วง
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ฤดูใบไม้ร่วง
ความสดเขียวงามสะพรั่งอยู่เต็มต้นตลอดฤดูฝนที่ผ่านมา สุดท้ายก็ถึงกาลเวลากลายเป็นใบไม้ที่แก่แล้วร่วงหล่นลงมาสู่ผืนดิน นี้คือความจริงของชีวิตและความเป็นไปของสรรพสิ่ง
เมื่อยามงามสะพรั่งชุ่มฉ่ำด้วยสีเขียว ก็ดื่มด่ำเริงร่าอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงคราวโรยราก็ยินดีที่จะร่วงหล่นลงมาสู่พื้นด้วยความเต็มใจ
ธรรมชาติสอนธรรมะให้เราอยู่เสมอ สอนให้เรายอมรับความจริงและไม่ยึดมั่นต่อสิ่งใด เมื่อสุขสดใสรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ ก็ควรเต็มใจยอมรับความตกต่ำและอับเฉาอย่างไม่อาลัยอาวรณ์เมื่อถึงกาลเวลา
ดุจใบไม้ที่โบยบินและร่วงหล่นเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้และกิ่งก้านไม่พยายามยึดใบแต่ละใบไว้แต่อย่างใด แต่ยินดีและเต็มใจในการลาจากกัน
ลำต้นและกิ่งก้านเคารพต่อการจากไปของใบ หลังจากที่ได้มอบสิ่งที่ดีๆให้แก่ใบไม้ทุกใบตลอดกาลแห่งฤดูฝนที่ผ่านมา
ส่วนใบไม้ก็เคารพต่อความอดทนและความมีน้ำใจ ของลำต้นและกิ่งก้านที่ได้พำนักอาศัยด้วยความสบายใจและเต็มเปี่ยมด้วยความสดใสตลอดมา
การจากกันของกิ่งก้านและใบไม้ทุกใบจึงไม่มีน้ำตา เพราะยอมรับต่อการจากลาด้วยความซาบซึ้งและสำนึกในบุญคุณของกันและกัน
เมื่อได้ดื่มด่ำและเสวยสุขอย่างเต็มที่แล้ว สรรพสิ่งทั้งมวลย่อมถึงกาลจากลา โดยการไร้ความอ้อยอิ่ง ไร้ข้อแม้และไร้การถ่วงรั้งใดๆ
นั่นคือความงดงามของสรรพสิ่ง นั่นคือความงดงามของใบไม้ที่ร่วงหล่น นั่นคือความงามที่แท้จริงของการจากลา ความงดงามมิใช่มีแต่การพบและการดำรงอยู่ แต่การลาจากก็มีความงดงามเช่นกัน
การลาจากของใบไม้แท้จริงแล้วมิใช่สิ่งใด แต่คือการให้โอกาสแก่ใบไม้รุ่นใหม่ จะได้เริ่มผลิใบและมอบความสดใสเขียวขจีเหมือนที่ตนได้ทำหน้าที่มาแล้ว นั่นคือความยิ่งใหญ่ของใบไม้ที่ลาจากไป และเป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ต้นไม้ทุกต้นยืนยงตลอดมา
ชีวิตของมนุษย์ทุกคน จงยอมให้ใบไม้ได้มีโอกาสร่วงหล่นเช่นนั้นบ้าง อย่าได้ยึดเหนี่ยวและดึงดันที่จะครองความสีเขียวอยู่แบบเดียว ชีวิตนั้นจึงจะเกิดการเติบโต
หากไม่มีใบไม้แก่ที่ร่วงหล่น บางทีความเป็นใบสีเขียวอาจมีค่าน้อยนักในสายตายิ่งกว่านี้ก็ได้ แต่เพราะมีใบแก่ ใบอ่อนสลับกันไป ความงดงามของต้นไม้จึงมีความงามสง่าไม่มีวันจืดจาง
หากมีแต่ใบสีเขียวและมีแต่ฤดูฝน ต้นไม้ทุกต้นจะไม่เกิดวงปีและไม่มีวิวัฒนาการ แต่เพราะสลับได้รับสัมผัสต่อความเหน็บหนาว และได้รับแสงแดดอันแผดกล้าจนถึงขั้นต้องสลัดใบลงมา จึงเกิดคุณค่าและความแข็งแกร่งสูงใหญ่เด่นสง่าอวดสายตาของใครต่อใคร
จงส่องประกายแห่งสีเขียวอันแวววับเมื่อพบกับฤดูฝน และจงยินดีร่วงหล่นอย่างไม่อ้อยอิ่งต่อสิ่งใดเมื่อฤดูแล้งเข้ามาเยือน เพราะนั่นคือความงามสง่าที่มีได้เฉพาะใบไม้ ซึ่งไม่มีสิ่งใดบนผืนโลกที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้
การร่วงหล่นของใบไม้ยามฤดูใบไม้ร่วงมิใช่ความเศร้าสร้อย แต่แสดงถึงความเติบโตจนเต็มที่ของใบไม้ทุกใบตลอดกาลแห่งฤดูฝนมาแล้วต่างหาก เพราะมีแต่ใบไม้ที่สมบูรณ์อย่างเต็มที่และเขียวขจีมาก่อนแล้วเท่านั้น จึงจะมีสิทธิอันสำคัญ ได้มีโอกาสมาร่วงหล่นในฤดูกาลนี้
ขอให้ต้อนรับกับการเปลี่ยนแปลงของความสุขและความทุกข์ ดุจการร่วงหล่นไปของใบไม้ที่แก่รอบอย่างเต็มที่ กิ่งก้านไม่เหนี่ยวรั้งใบไม้ไว้เพื่อให้เป็นดังใจ เพราะยอมรับและเข้าใจว่านั่นคือ “ตถตา”
“ตถตา ความเป็นเช่นนั้นเอง” นี้คือคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับใช้ป้องกันและคุ้มครองให้ปลอดภัยจากความทุกข์ความโศกและอุปสรรคปัญหาทั้งปวง เหมือนดังต้นไม้และใบไม้ได้สอนเราอยู่เสมอ
เมื่อเขียวขจี จงเขียวขจีอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงคราวร่วงหล่น ก็หลุดร่วงไปอย่างเต็มใจและด้วยความยินดี ที่ไม่มีสิ่งใดต้องอาลัยอาวรณ์
นี้คือความงดงามของต้นไม้และกิ่งใบ นี้คือความงดงามของชีวิต
คุรุอตีศะ
๑๐ มกราคม ๒๕๕๗