อยู่มาได้ถึงวันนี้ก็ดีมากแล้ว
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
อยู่มาได้ถึงวันนี้ก็ดีมากแล้ว
จงขอบคุณต่อชีวิตและทุกสิ่งที่เราอยู่ด้วยความสวัสดีเรื่อยมาจนถึงวันนี้ เหตุใดจะต้องเสียใจในอดีต ในเมื่ออดีตเหล่านั้นได้มีส่วนผลักดันและหล่อหลอมให้เราเข้มแข็งจนยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้ หากเราไม่ได้ผ่านความดีใจ เสียใจ ไฉนเราจะมีวันนี้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้
จงขอบคุณต่ออดีตที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นอดีตแห่งน้ำตาหรือเป็นเสียงหัวเราะก็ดี เพราะนั่นคือชีวิตของเราที่ได้ใช้มันแล้วอย่างเต็มที่ เราจึงยินดีรับมันไว้ด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นความสมหวังหรือผิดหวังก็ตาม
ทำไมเราจะต้องเรียกร้องเอาแต่ความสมหวังอย่างเดียว ความผิดหวังก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตที่อยู่คู่กับเรามาเสมอมิใช่หรือ เขามักมาเยี่ยมเยียนเราบ่อยๆอย่างสัตย์ซื่อ แม้เราไม่อยากพบหน้าเขาก็ตาม ดังนั้น เขาจึงคือเพื่อนชีวิตคนหนึ่งที่เขามีอยู่จริงในชีวิตของเรา เราจึงยอมรับโดยดุษฎี
เราไม่อาจเลือกเอาแต่กลางวัน แล้วไม่เอากลางคืน เราไม่อาจเลือกเอาแต่คนดี แล้วปฏิเสธคนชั่ว เพราะแม้ปฏิเสธและอยากหนีห่างเพียงใด ถึงอย่างไรก็ต้องเจออยู่นั่นเอง นั่นแหละคือความจริงแห่งสัจธรรมที่มีคู่ชีวิตและคู่โลกตลอดมา
สัจธรรมสอนเราว่า เราต้องยอมรับเอาทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องยอมรับว่าชีวิตนี้ต้องได้ประสบทั้งคนดีและคนชั่ว เพียงดำรงสติอยู่ท่ามกลางปรากฏการณ์ทั้งปวง เพียงเท่านั้นก็ได้ชื่อว่า ได้ปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติต่อชีวิตได้อย่างถูกต้องและดีงามแล้ว
อย่าเอาหัวใจของเราให้หมกจมอยู่กับอดีต แม้ว่าอดีตที่ผ่านมานั้นจะขมขื่นสักเพียงใด แต่ก็มีส่วนทำให้หัวใจของเรามีความทานทนและเข้มแข็งกว่าแต่ก่อนมิใช่หรือ นั่นแหละคือไฟที่มาช่วยหลอมทองให้สุกปลั่งและเหลืองอร่ามยิ่งขึ้น ความขมขื่น ความทุกข์ยากลำบากได้ช่วยพิสูจน์ตัวเราว่าคือทองคำแท้ ซึ่งเป็นทองเนื้อเก้า
เราได้ผ่านค่ำคืนอันมืดมิดมาแล้ว ดังนั้น นับจากนี้คือ “รุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่” ที่ประดุจนักรบผู้ผ่านสมรภูมิแห่งสงคราม ที่มีดวงใจกล้าแกร่งไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคอันใดต่อไปอีกแล้ว
ทิ้งอดีตอันขมขื่นและความเหนื่อยยากอันมากมายไว้ข้างหลัง ต่อจากนี้คือหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง เพราะเป็นหัวใจที่ผ่านการเคี่ยวกรำ และเป็นหัวใจที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี นับแต่นี้จะขอสร้างสรรค์คุณความดีให้สมกับที่ทุกข์ทนต่อความเหนื่อยยากที่ผ่านมา
ผู้ล้มลง ขอจงแข็งใจพยุงกายลุกขึ้นสู้ ผู้หดหู่ จงเหลียวมองรุ่งอรุณที่สาดแสงสีทองสู่ท้องฟ้า พระอาทิตย์เจ้าแห่งนภา ไม่เคยเหนื่อยหน่ายต่อการมาเยี่ยมเยือนคอยให้ความอบอุ่นแก่โลกทุกวัน ตัวเรานั้นก็จะไม่ท้อแท้ต่อการสร้างสรรค์คุณงามความดีประดับไว้ในโลกเช่นเดียวกัน
อย่าเสียใจต่ออดีตที่ผ่านมา การสะดุดล้มลงบ้าง บางครั้งก็เป็นสิ่งดี ที่ทำให้เรารู้ว่าเส้นทางตรงนั้นมีหลุมบ่อและมีสิ่งกีดขวาง เป็นเส้นทางที่ไม่ควรเดิน และจะสามารถบอกคนที่เดินตามมาข้างหลัง ไม่ให้เดินหนทางตรงนั้นจนต้องสะดุดล้มเหมือนเราอีก
เราจะได้เอาความผิดพลาดของเราช่วยแนะนำตักเตือนคนอื่น ไม่ให้ชีวิตต้องเกิดความผิดพลาดเหมือนกับเรา ชีวิตของเขาจะได้ไม่ล้มลุกคลุกคลานเหมือนอดีตของเรา เพียงเท่านี้เราก็มีสุขใจแล้ว
ชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีกเล่า เพียงได้มีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ ก็เป็นความโชคดีที่หลายคนไม่มีอีกแล้วมิใช่หรือ
หลายชีวิตที่เราได้รู้จักและพบเจอ ก็ได้พากันล่วงลับหนีหน้าจากเราไปในหนึ่งปีก็มีตั้งหลายคน แต่เรานั้นยังอยู่ ยังอยู่ได้เรื่อยมา แม้บางครั้งอาจจะมีน้ำตา แต่เราก็พูดกับตัวเองและยืนยันได้ว่า ถึงอย่างไรก็ยังพอใจที่จะมีชีวิตอยู่มากกว่า ส่วนว่าน้ำตาซึ่งมักมีมากกว่าเสียงหัวเราะนั้น นั่นคือเพื่อนในยามยากของเรา ซึ่งเราจะไม่ขอรังเกียจและปฏิเสธเขาอีกต่อไป
จะไม่พะวงห่วงหา อาลัยอาวรณ์ต่ออดีตอีกแล้ว และไม่พะวงเพ้อฝันต่ออนาคตซึ่งยังมาไม่ถึง เราจะขออยู่กับปัจจุบันคือวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะซาบซึ้งแล้วว่า เพียงอยู่มาได้ถึงวันนี้ก็ดีมากแล้ว
คุรุอตีศะ
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๖