อยู่มาได้ถึงวันนี้ก็ดีมากแล้ว

อยู่มาได้ถึงวันนี้ก็ดีมากแล้ว


               จงขอบคุณต่อชีวิตและทุกสิ่งที่เราอยู่ด้วยความสวัสดีเรื่อยมาจนถึงวันนี้  เหตุใดจะต้องเสียใจในอดีต  ในเมื่ออดีตเหล่านั้นได้มีส่วนผลักดันและหล่อหลอมให้เราเข้มแข็งจนยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้  หากเราไม่ได้ผ่านความดีใจ เสียใจ   ไฉนเราจะมีวันนี้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้


               จงขอบคุณต่ออดีตที่ผ่านมา  แม้ว่าจะเป็นอดีตแห่งน้ำตาหรือเป็นเสียงหัวเราะก็ดี  เพราะนั่นคือชีวิตของเราที่ได้ใช้มันแล้วอย่างเต็มที่  เราจึงยินดีรับมันไว้ด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นความสมหวังหรือผิดหวังก็ตาม


               ทำไมเราจะต้องเรียกร้องเอาแต่ความสมหวังอย่างเดียว  ความผิดหวังก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตที่อยู่คู่กับเรามาเสมอมิใช่หรือ  เขามักมาเยี่ยมเยียนเราบ่อยๆอย่างสัตย์ซื่อ  แม้เราไม่อยากพบหน้าเขาก็ตาม  ดังนั้น  เขาจึงคือเพื่อนชีวิตคนหนึ่งที่เขามีอยู่จริงในชีวิตของเรา  เราจึงยอมรับโดยดุษฎี


              เราไม่อาจเลือกเอาแต่กลางวัน  แล้วไม่เอากลางคืน  เราไม่อาจเลือกเอาแต่คนดี แล้วปฏิเสธคนชั่ว  เพราะแม้ปฏิเสธและอยากหนีห่างเพียงใด  ถึงอย่างไรก็ต้องเจออยู่นั่นเอง  นั่นแหละคือความจริงแห่งสัจธรรมที่มีคู่ชีวิตและคู่โลกตลอดมา


              สัจธรรมสอนเราว่า  เราต้องยอมรับเอาทั้งกลางวันและกลางคืน  ต้องยอมรับว่าชีวิตนี้ต้องได้ประสบทั้งคนดีและคนชั่ว  เพียงดำรงสติอยู่ท่ามกลางปรากฏการณ์ทั้งปวง  เพียงเท่านั้นก็ได้ชื่อว่า ได้ปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติต่อชีวิตได้อย่างถูกต้องและดีงามแล้ว


              อย่าเอาหัวใจของเราให้หมกจมอยู่กับอดีต  แม้ว่าอดีตที่ผ่านมานั้นจะขมขื่นสักเพียงใด  แต่ก็มีส่วนทำให้หัวใจของเรามีความทานทนและเข้มแข็งกว่าแต่ก่อนมิใช่หรือ  นั่นแหละคือไฟที่มาช่วยหลอมทองให้สุกปลั่งและเหลืองอร่ามยิ่งขึ้น  ความขมขื่น ความทุกข์ยากลำบากได้ช่วยพิสูจน์ตัวเราว่าคือทองคำแท้ ซึ่งเป็นทองเนื้อเก้า


            เราได้ผ่านค่ำคืนอันมืดมิดมาแล้ว ดังนั้น นับจากนี้คือ “รุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่” ที่ประดุจนักรบผู้ผ่านสมรภูมิแห่งสงคราม  ที่มีดวงใจกล้าแกร่งไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคอันใดต่อไปอีกแล้ว


           ทิ้งอดีตอันขมขื่นและความเหนื่อยยากอันมากมายไว้ข้างหลัง  ต่อจากนี้คือหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง เพราะเป็นหัวใจที่ผ่านการเคี่ยวกรำ และเป็นหัวใจที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี  นับแต่นี้จะขอสร้างสรรค์คุณความดีให้สมกับที่ทุกข์ทนต่อความเหนื่อยยากที่ผ่านมา


           ผู้ล้มลง  ขอจงแข็งใจพยุงกายลุกขึ้นสู้  ผู้หดหู่  จงเหลียวมองรุ่งอรุณที่สาดแสงสีทองสู่ท้องฟ้า  พระอาทิตย์เจ้าแห่งนภา  ไม่เคยเหนื่อยหน่ายต่อการมาเยี่ยมเยือนคอยให้ความอบอุ่นแก่โลกทุกวัน  ตัวเรานั้นก็จะไม่ท้อแท้ต่อการสร้างสรรค์คุณงามความดีประดับไว้ในโลกเช่นเดียวกัน


           อย่าเสียใจต่ออดีตที่ผ่านมา  การสะดุดล้มลงบ้าง  บางครั้งก็เป็นสิ่งดี ที่ทำให้เรารู้ว่าเส้นทางตรงนั้นมีหลุมบ่อและมีสิ่งกีดขวาง เป็นเส้นทางที่ไม่ควรเดิน  และจะสามารถบอกคนที่เดินตามมาข้างหลัง  ไม่ให้เดินหนทางตรงนั้นจนต้องสะดุดล้มเหมือนเราอีก


          เราจะได้เอาความผิดพลาดของเราช่วยแนะนำตักเตือนคนอื่น ไม่ให้ชีวิตต้องเกิดความผิดพลาดเหมือนกับเรา  ชีวิตของเขาจะได้ไม่ล้มลุกคลุกคลานเหมือนอดีตของเรา เพียงเท่านี้เราก็มีสุขใจแล้ว


         ชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีกเล่า  เพียงได้มีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้  ก็เป็นความโชคดีที่หลายคนไม่มีอีกแล้วมิใช่หรือ


         หลายชีวิตที่เราได้รู้จักและพบเจอ  ก็ได้พากันล่วงลับหนีหน้าจากเราไปในหนึ่งปีก็มีตั้งหลายคน  แต่เรานั้นยังอยู่  ยังอยู่ได้เรื่อยมา  แม้บางครั้งอาจจะมีน้ำตา  แต่เราก็พูดกับตัวเองและยืนยันได้ว่า ถึงอย่างไรก็ยังพอใจที่จะมีชีวิตอยู่มากกว่า  ส่วนว่าน้ำตาซึ่งมักมีมากกว่าเสียงหัวเราะนั้น  นั่นคือเพื่อนในยามยากของเรา  ซึ่งเราจะไม่ขอรังเกียจและปฏิเสธเขาอีกต่อไป


         จะไม่พะวงห่วงหา อาลัยอาวรณ์ต่ออดีตอีกแล้ว  และไม่พะวงเพ้อฝันต่ออนาคตซึ่งยังมาไม่ถึง  เราจะขออยู่กับปัจจุบันคือวันนี้ให้ดีที่สุด   เพราะซาบซึ้งแล้วว่า  เพียงอยู่มาได้ถึงวันนี้ก็ดีมากแล้ว

 

                                                                                 คุรุอตีศะ
                                                                         ๒๘  ธันวาคม  ๒๕๕๖