ความลำบากช่วยสร้างคน

ความลำบากช่วยสร้างคน


                   ไม่ต้องการความลำบาก  ก็อย่าอยากมีความก้าวหน้า   ไม่อยากพบกับปัญหา  ก็อย่าคิดอ่านสร้างสรรค์อะไร   หากต้องการชีวิตที่ก้าวหน้าและสดใส  ต้องฝึกใจให้แข็งแกร่ง  ด้วยการกล้าเผชิญกับปัญหาเสียแต่วันนี้   นี้คือกฎเกณฑ์พื้นฐานของการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และการมีชีวิตที่คุ้มค่าตลอดมาทุกยุคสมัย


                  หากเราพอใจจะรับเอาแต่ความสบาย  ก็จงอย่าได้คิดอ่านทำการงานอะไร  และเมื่อเห็นใครเขาก้าวหน้าและประสบความสำเร็จก็อย่าได้คิดอิจฉาริษยา หรือทอดถอนใจว่า “ชีวิตของเรานี้ช่างอาภัพ”เป็นอันขาด  เพราะนั่นคือความยุติธรรมที่ชีวิตมอบให้อย่างเท่าเทียมกับผู้อื่นแล้ว


                 ชีวิตที่ผ่านความทุกข์ยากลำบาก คือปริญญาบัตรอันแท้จริงในการวัดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์   ไม่เคยมีใครรู้สึกเคารพนับถือบุคคลที่รักแต่ความสบายหรือกินแรงของคนอื่น  ชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบไม่เคยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่หัวใจของใคร  ชีวิตที่มีแต่ความสบายไม่เคยเป็นตัวอย่างให้แก่ใครได้  ทั้งไม่ได้เป็นชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อใครและไม่มีคุณค่าอะไรประดับไว้ให้แก่โลก


                 จงน้อมรับเอาความยากลำบากที่กำลังเกิดขึ้น   มาเป็นพลังสร้างสรรค์ความดีงามและเพิ่มพูนคุณธรรมในหัวใจของเรา  ในขณะที่ทุกคนทอดทิ้งหมดอาลัยไม่ยอมเปลืองตัวและละทิ้งให้เราเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง  นั่นคือโอกาสที่มาถึงแล้วที่เราจะได้บำเพ็ญบารมีและสร้างความดีอย่างยิ่งยวด


                 โอกาสในการสร้างคุณความดีอย่างยิ่งยวดมิได้เกิดขึ้นได้ง่ายนัก  บางคนกลับไม่เคยมีโอกาสนั้นตลอดชีวิตก็มี   ส่วนเราคือผู้โชคดี ที่โอกาสอันยิ่งใหญ่มาถึงแล้วอย่างไม่ต้องแสวงหาให้เหนื่อยยากอีก


                 เพียงเรากล้าหาญ  กล้ารับผิดชอบ  กล้าเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ด้วยความมีสติ  พร้อมกับมีหัวใจที่ไม่ไหวหวั่น   เพียงเท่านั้นชัยชนะและความสำเร็จก็รอเราอยู่ค่อนทางแล้ว


                 เอาความยากลำบากนี้แหละเปลี่ยนให้เป็นตัวบารมี  เอาโอกาสที่ทุกคนทิ้งให้เราเผชิญกับปัญหาโดยลำพังนี้ เป็น “หนทางแห่งความดี” ที่เราจะทำได้อย่างยิ่งยวดและเต็มที่

 
                 เราจะไม่มีวันต้องคุกเข่าให้กับอุปสรรคปัญหาใดๆ  เพราะความมั่นใจและความมีศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมว่า “แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้คือปูนที่โบกไว้ให้ดูขรุขระในภายนอก  แต่เนื้อแท้ที่อยู่ข้างในนั้นคือทองคำอันอร่าม รอให้เรากะเทาะเข้าไปเท่านั้น”


                เกิดเป็นคน  อย่าได้กลัวความลำบาก  เพราะนั่นคือมหาวิทยาลัยที่ทุกคนต้องสอบผ่าน จึงจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้


               อย่าเข้าใกล้ผู้ที่มีหัวใจรักแต่ความสบาย  และอย่าคลุกคลีกับคนที่มีหัวใจที่อ่อนแอ  เพราะเขาจะทำลายและดึงดูดพลังที่เข้มแข็งของเราไป


              จงศรัทธาและเชื่อมั่นว่า “ชีวิตย่อมทรงความยุติธรรมเสมอ”  แม้ว่าจะมีผู้รู้และนักปราชญ์ประกาศต่อเรา ไม่ให้เรายอมแพ้และกล้าเผชิญกับความลำบาก  แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงต้นของละครชีวิตเท่านั้น  ที่บุคคลจะต้องมีชีวิตที่ทุกข์ยากลำบากเช่นนั้น

  
              เมื่อเขาได้ยอมรับเอาความลำบากมาไว้อย่างเต็มเปี่ยม และกล้ารับผิดชอบ กล้าเผชิญด้วยความไม่ย่อท้อ  หลังจากนั้นความลำบากจะแปรสภาพจากแร่ธาตุธรรมดากลายเป็นทองคำ  ละครชีวิตของเขาตอนต่อไปจากนั้น  เขาจะพบกับความสบายยิ่งกว่าคนรักสบายสิบเท่า  นี้คือความยุติธรรมของชีวิต


             ไม่เคยมีบุรุษหรือสตรีใดไม่ว่าจะอยู่ ณ มุมใดของโลก  ที่ประสบความก้าวหน้าและความสำเร็จได้โดยไม่ผ่านความลำบาก  ทุกคนทุกท่านล้วนอาศัยความยากลำบากและอุปสรรคปัญหาอันมากมายนั่นเอง ในการเป็นสะพานเพื่อก้าวขึ้นสู่ที่สูงจนปรากฏให้คนทั้งหลายยอมรับได้  ทุกชีวิตที่ประสบความสำเร็จล้วนสำนึกและขอบคุณต่อความทุกข์ยากลำบากทั้งปวงในการช่วยหล่อหลอมให้พบความสมหวังในวันนี้ทั้งสิ้น


             หากจะต้องคุกเข่าต่อความทุกข์ยากลำบาก  เราจะไม่คุกเข่าเพราะความจนมุมหรือท้อแท้สิ้นหวังต่อปัญหาหรือความลำบากนั้น  แต่เราจะคุกเข่าเพราะสำนึกและขอบคุณความลำบากที่เราผ่านมาในแต่ละวัน  ได้มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างเราให้มีวันนี้ต่างหาก


            เพราะหัวใจดวงนี้ซาบซึ้งและทราบชัดแล้วว่า  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  แท้จริงแล้วเราได้อาศัยความลำบากที่เราเคยนึกเกลียดชังหนักหนานั่นเอง  ช่วยสร้างชีวิตและหัวใจที่เข้มแข็ง จนสามารถยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ได้ อย่างไม่เคยนึกกลัวความลำบากใดในชีวิตอีกแล้ว

 

                                                                                  คุรุอตีศะ
                                                                           ๒๓  ธันวาคม  ๒๕๕๖