ร้ายแค่ไหนก็มีดี
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ร้ายแค่ไหนก็มีดี
ในท่ามกลางความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิต หากพินิจด้วยสติและปัญญาอันแยบคาย เราจะมองเห็นความหมายและความดีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในสถานการณ์อันดูน่าเลวร้ายนั้นได้เสมอ
ในท่ามกลางชีวิตอันแร้นแค้นยากจน เราก็ได้ความอดทนบากบั่นและความพากเพียรมาประดับไว้ในชีวิต ในการสร้างตัวและไขว่คว้าจนกระทั่งสำเร็จในสิ่งที่ใจปรารถนา หากเราไม่เกิดมาท่ามกลางความยากจน ความอดทนและความบากบั่นของเราคงไม่มีมากขนาดนี้ นี้คือสิ่งดีที่มีอยู่ในท่ามกลางสิ่งเลวร้าย ที่เราทั้งหลายมักมองข้ามไป
เพราะเหตุที่มีพ่อขี้เมา จึงไม่มีทางเลือกอื่นในชีวิต นอกจากจะต้องพากเพียรยืนบนลำแข้งของตัวเองให้ได้ และได้มีโอกาสฝึกใจในการอดทนต่อการดูถูกเหยียดหยามจากบรรดาผู้คนทั้งหลาย จนกระทั่งสร้างอนาคตได้รุ่งเรืองยิ่งใหญ่ ก็เพราะเกิดแรงบันดาลใจในการมีมานะเพื่อเอาชนะการดูถูกดูแคลนของผู้คนนั่นเอง ท่ามกลางการดูถูกดูแคลนนั้น กลับเป็นแรงแห่งการสร้างฝันให้แก่บุรุษและสตรีในการมีชีวิตที่ก้าวหน้า และเป็นพลังแห่งการฟันฝ่าจนพบความสำเร็จอย่างมากมายหลากหลายชีวิตมาแล้ว
เพราะได้สามีเจ้าชู้ จึงสำนึกรู้ว่าการจะสร้างอนาคตให้แก่ครอบครัวและแก่ลูกได้ จะต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งแรงกายและแรงใจ จึงจะยืนเป็นหลักให้แก่ครอบครัว จึงบากบั่นสร้างตัวและอนาคตของครอบครัวโดยไม่ย่อท้อต่อชีวิต เราจึงกลายเป็นหญิงเหล็กและเป็นยอดหญิงตัวอย่างที่ผู้คนยอมรับในความมีคุณธรรม บางคนก็ยกย่องว่าเป็นหญิงใจประเสริฐ เป็นแม่พระ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งหลาย เพราะความเจ้าชู้ของสามีนั่นเองจึงเป็นสาเหตุให้เรากลายเป็นหญิงแม่พระของผู้คนในวันนี้
เพราะได้มาใช้ชีวิตกับคนขี้หงุดหงิด เจ้าอารมณ์ และใจร้อน เราจึงมีโอกาสฝึกตัวเองให้รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา และรู้จักประคองสติไม่วู่วามและใช้อารมณ์เหมือนกับเขา สุดท้ายก็เป็นผลดีแก่ตัวเรา ทำให้ได้รับความรักความจริงใจและความทุ่มเทอย่างเต็มที่จากคนที่เราเองก็รักเขา และในวงสังคมภายนอกต่างก็ยกย่องนับถือตัวเราว่าเป็นคนใจเย็น หนักแน่น มีความอบอุ่นและเป็นที่พึ่งในยามใครทุกข์ร้อนได้จนทุกวันนี้
นี้คือผลแห่งความดีที่ชายผู้เป็นสามีช่วยเป็นครูฝึกสอนผู้สามารถ สอนวิชาหนักแน่นอดทนนับแต่วันแต่งงานโดยแท้ เราจึงได้รับความรักความชื่นชมทั้งในบ้านและนอกบ้าน ความใจร้อนของเขา ทำให้เราต้องกลายเป็นคนใจดีใจเย็นเป็นคนละคนกับตอนยังไม่ได้ใช้ชีวิตที่ต้องอดทนและเสียสละในครอบครัวแบบทุกวันนี้ จากเคยเป็นคนเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง กลับเป้นคนใจดีใจบุญไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะไม่มีโอกาสเรียนต่อในชั้นสูงๆเหมือนคนอื่นเขา ต้องมารับภาระของพ่อแม่โดยถือความกตัญญูเป็นที่ตั้ง โดยไม่อาจตั้งความหวังในอนาคตหรือไม่อาจมองเห็นความก้าวหน้าแม้แต่น้อย แต่ก็หมั่นทำหน้าที่และสร้างความดีไปทีละน้อยโดยมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่เคยคิดฝันถึงความรุ่งเรืองเช่นคนอื่น ขอเพียงหลายชีวิตได้มีความสุขเพราะมือน้อยๆของเราไปแต่ละวันก็พอแล้ว
เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยอันสมควร ก็มีบุรุษผู้มียศตำแหน่งอันมีเกียรติมารักและขอไปเป็นคู่ชีวิต ชนิดที่คนทั้งหลายไม่อยากจะเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้ แม้แต่ตนเองก็เพิ่งเข้าใจและหายสงสัยเมื่อมีลูกได้หนึ่งคน เมื่อสามีได้ให้เหตุผลในการเลือกเรามาเป็นคู่ครองว่า ไม่ได้เลือกที่ปริญญาเป็นใบๆ แต่เลือกเธอที่ปริญญาใจคือความเป็นคนกตัญญูรู้คุณเป็นหลักและเธอก็น่ารักให้ความอบอุ่นสดใส ทำให้หายเหนื่อยล้าจากการงานและภาระอันหนักหน่วงประจำวัน นับแต่วันนั้นปมด้อยว่าไม่ได้เรียนสูงเหมือนคนอื่นที่เกาะกินใจมายี่สิบปี ก็หมดสิ้นทันทีจากหัวใจ
เพราะความเสียใจจากสตรีที่เขาเลือกคบผู้ชายที่ร่ำรวยกว่า แค่เป็นนายสิบไม่อยู่ในสายตาของเธอที่ต้องการเป็นคุณนาย จากที่เคยเรียนหนังสือไม่ขยันสักเท่าไหร่ ก็ตัดสินใจมุมานะจนสอบเข้าเรียนเตรียมทหารได้ จนกระทั่งเรียนนายเรืออากาศปีสุดท้าย ได้พบกับสตรีคนใหม่ที่เป็นดาวจุฬาฯ และต่อมาได้แต่งงานอย่างเต็มภาคภูมิโดยมีแขกเหรื่อผู้มีเกียรติมากมาย แม้รัฐมนตรีก็ยังมาในงาน อดคิดถึงเธอผู้นั้นที่เคยดูหมิ่นน้ำใจว่า หากไม่มีคำดูหมิ่นทำให้เสียใจในตอนนั้น เราก็คงไม่พบชีวิตที่สำเร็จอย่างเกินความคาดหมายอย่างวันนี้ ในท่ามกลางสิ่งเลวร้าย ก็มีสิ่งดีอยู่ในนั้นเสมอ ชีวิตของเรานี้ได้พิสูจน์อย่างประจักษ์ชัดที่สุดในชีวิตของคนๆหนึ่ง
หากไม่มีการโยนหนังสือบาลีใส่หน้าจากพระผู้ถือตนว่าเป็นพระมหา พระผู้ถูกโยนหนังสือใส่หน้าคงไม่มีแรงแห่งความอุตสาหะพยายามด้วยเรี่ยวแรงแห่งลูกผู้ชาย จนกระทั่งสำเร็จเปรียญธรรม ๙ ประโยคเป็นแน่ ความถูกดูหมิ่นและปรามาสว่าไม่มีทางเรียนได้ ทำให้พระรูปที่ถูกปรามาสเรียนจนจบประโยคเก้า ส่วนผู้ที่โยนหนังสือใส่กลับสอบได้สูงสุดเพียงแค่ประโยค ๕ เท่านั้น นี้คือสิ่งเลวร้าย ย่อมมีสิ่งดีปนอยู่ในนั้นเสมอ เพียงแต่เราทั้หลายอย่ามัวท้อแท้ต่อคำดูหมิ่นดูแคลนเท่านั้น
หากเราไม่เจ็บป่วย เราคงไม่เกิดสลดสังเวชสำนึกในคำพระที่ว่า "ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง" เราคงลุ่มหลงไปในทางโลกอีกนานหรืออาจหลงอยู่เช่นนั้นจนตลอดชีวิตเหมือนหลายคนก็ได้ เพราะเราเป็นคนมีนิสัยเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ยากนักที่ใครจะกล้าสอนและกล้าตักเตือน แต่เมื่อเทวทูตคือความเจ็บป่วยเข้ามาเยือน เราจึงมีโอกาสได้เดินบนเส้นทางที่ประเสริฐและปราศจากเวรภัย เป็นเส้นทางที่มีโอกาสสร้างความดีที่หาได้ยากนักที่ไม่อาจบอกใครให้เข้าใจได้ แล้วเราก็พบกับความสุขและความเย็นใจ ได้พบกับความสุขที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญตลอดมา ขอบคุณโรคภัยที่ทำให้เราได้พบสิ่งที่ทรงคุณค่าสำหรับชีวิตในวันนี้
ไม่ว่าชีวิตของเราแต่ละคนจะประสบความเลวร้ายในชีวิตในรูปแบบใดก็ตาม ขอให้เราเชื่อมั่นไว้ประการหนึ่งเถิดว่า ในท่ามกลางสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย ย่อมมีสิ่งดีแฝงอยู่ในนั้นเสมอ
ขอเพียงเราตั้งสติแล้วพิจารณา ไม่นานนักเราจะมองเห็นได้เองว่า แท้จริงแล้วสิ่งดีๆก็สามารถมีอยู่ได้ท่ามกลางสิ่งเลวร้ายหรือน่ากลัวนั่นเอง ขอจงมีกำลังใจไว้เสมอ
คุรุอตีศะ
๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๖