ยอมลำบากเสียแต่วันนี้
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ยอมลำบากเสียแต่วันนี้
ไม่จำเป็นอะไรต้องผัดผ่อนความลำบากไปไว้วันอื่น จงยิ้มรับแม้จะต้องฝืนหัวใจไม่น้อยที่จะต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่ไม่เคยนึกอยากให้เกิดขึ้นเลยในวันนี้
กล้าที่จะเผชิญกับเรื่องราวทั้งปวงที่กำลังถาโถมเข้ามา โดยไม่มีการตัดพ้อต่อว่า แม้ว่าขณะนี้จะมีความทุกข์ท่วมทับหัวใจดวงนี้สักเพียงใด
ขอจงมีความมั่นใจ ว่าเราจะสามารถอดทนได้เสมอ หากเรากล้าหาญและปลงใจที่จะยอมอดทน จะไม่ผัดผ่อนหรือกีดกันความทุกข์เหล่านี้ไปไว้ในวันอื่น
จงกล้าหาญที่จะเผชิญกับชีวิตที่เป็นจริงในวันนี้ เหมือนต้นไม้ยอมรับและพร้อมที่จะเผชิญกับฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง มันยังคงยืนต้นอย่างองอาจ แม้ว่าจะต้องขาดแคลนน้ำและหมดสิ้นความชุ่มชื้นก็ตาม เราเองก็จะอาจหาญในการยอมทนต่องความทุกข์ยากลำบากเช่นเดียวกัน
ความอบอุ่นชุ่มชื้นเขียวขจีในฤดูฝน เราก็ได้สัมผัสและมีความผาสุกมาอย่างเต็มที่แล้ว ฤดูกาลชีวิตนับต่อนี้ไป เราก็พร้อมเผชิญกับชีวิตอีกด้านสลับกัน เพื่อให้ชีวิตนี้ได้รับการเติมเต็ม
มีแต่ฤดูฝน โลกใบนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ หากมีแต่ฝนตกอย่างเดียวตลอดเวลา โลกใบนี้น้ำก็ท่วมหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมทั้งตัวเรา คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ ฤดูแล้งต้องเกิดขึ้นมาชดเชยเพื่อให้โลกเกิดสภาพที่สมดุล สิ่งมีชีวิตทั้งปวงและตัวเราจึงดำรงอยู่ได้ตลอดมา
ชีวิตของเราก็เช่นกัน หากมีแต่ความสุขเพียงอย่างเดียวจะทำให้ชีวิตไร้ความหมาย ต้องมีอุปสรรคปัญหาเกิดขึ้นมาเพื่อท้าทาย ว่าหัวใจดวงนี้จะอาจหาญและแข็งแกร่งเพียงใด จะสมกับที่ได้มีชีวิตอยู่และสมกับที่ได้รับความสุขตลอดมานั้นหรือไม่ ซึ่งก็ต้องพิสูจน์และวัดใจกันด้วยการเผชิญความจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้นี่เอง
ชีวิตที่ไม่เคยผ่านอุปสรรค ไม่เคยผ่านความลำบาก จะเป็นชีวิตที่เข้มแข็งและสมบูรณ์ไม่ได้ การวัดความก้าวหน้าในชีวิต ไม่ใช่วัดจากว่าสุขสบายเพียงใด แต่วัดจากชีวิตของบุคคลนั้นได้เคยผ่านความทุกข์ยากมาแล้วมากมายเพียงใดต่างหาก
ความสุขสบายไม่เคยสร้างความก้าวหน้าให้แก่ใคร มีแต่ชีวิตที่เคยผ่านความลำบากมามากมายที่ประสบความสำเร็จและก้าวหน้า
ชีวิตของผู้นำทุกคนและชีวิตของอัจฉริยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในโลก ล้วนไม่ใช่ชีวิตที่สบายหรือเดินบนกลีบกุหลาบ ทุกท่านล้วนเดินบนขวากหนามอันเจ็บปวดหรือเคยตกลงในหลุมอันมืดมิดมาก่อนทั้งสิ้น แต่ท่านไม่จำนนหรือย่อท้อ พยายามเดินจนก้าวข้ามขวากหนามและปีนป่ายขึ้นจากหลุมด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นทระนง จนกลายเป็นมนุษย์ผู้มีหัวใจที่เข้มแข็ง เป็นที่พึ่งให้คนอื่นอย่างมากมาย
คนที่เอาแต่รักตัวเองและรักสบาย ไม่เคยเป็นที่พึ่งแก่ใครได้ ส่วนใหญ่กลับต้องคอยอาศัยแอบแฝงกินแรงและความเสียสละของคนอื่นเพื่อให้ตนสุขสบายเป็นหลัก ชีวิตเช่นนั้นย่อมไร้ความหมายและไร้ประโยชน์รวมทั้งเป็นภาระแก่โลกโดยคาดไม่ถึง
คนที่รักแต่ความสุขและรับเอาแต่ความสบาย จะรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างไร้ความหมายและไม่เห็นคุณค่าของการสร้างคุณความดี ชีวิตที่รักแต่ความสบายจึงเป็นชีวิตที่อ่อนแอ เป็นชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ของความเป็นมนุษย์
หากปรารถนาให้ชีวิตนี้เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ ต้องกล้าเผชิญกับความลำบาก ยินดีรับเอาความลำบากแบกไว้บนบ่าของเราเอง โดยไม่ผลักไสให้ใครอื่นมาแบกแทน เพียงเท่านั้นชีวิตของเราก็เริ่มผลิบานและเริ่มเติบโตแล้ว และนั่นจะเป็นสัญญาณของความก้าวหน้าในชีวิตที่เราจะภาคภูมิใจในวันหน้า
อย่าได้กลัวความลำบากเลย ความทุกข์ยากลำบากนี้เองจะช่วยสร้างชีวิตของเราให้เข้มแข็งและพบกับความสุขอันแท้จริงในภายหน้า ขอให้เราตั้งหน้าฝึกฝนชีวิตของเราเสียแต่วันนี้ แล้วเราจะไม่มีความเสียใจในวันหน้าแม้แต่น้อย
ความสุขและความสบายได้ทำลายผู้คนที่ประมาทในชีวิตมานักต่อนักแล้ว แต่ความลำบากกลับสร้างชีวิตของมนุษย์ผู้ต่ำต้อยให้กลายมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน
ชีวิตของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ไม่เคยสร้างขึ้นมาจากความสุขสบายแม้แต่คนเดียว แต่สร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากและมีเพื่อนแท้คือน้ำตามาแล้วทั้งสิ้น ชีวิตของพระโพธิสัตว์และชีวิตผู้นำทั้งหลายล้วยอาศัยความทุกข์ยากลำบากนั่นเอง เป็นบันไดสำหรับไต่ขึ้นสู่ความสำเร็จ
ยอมเผชิญกับความทุกข์ยากเสียแต่ในวันนี้ อย่าผัดผ่อนความทุกข์ไปไว้พรุ่งนี้อีกเลย ยอมลำบากในวันนี้ แล้วความลำบากจะเปลี่ยนเป็นความสำเร็จและความสุขในวันข้างหน้า
จงมั่นคงและเปี่ยมด้วยศรัทธา ขอจงมั่นใจเถิดว่า ความลำบากในวันนี้คือความสำเร็จในชีวิตในวันหน้า น้ำตาในวันนี้จะคือรอยยิ้มที่เบิกบานในวันหน้า
คุรุอตีศะ
๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๖