ยอมลำบากเสียแต่วันนี้

ยอมลำบากเสียแต่วันนี้


                                                     
             ไม่จำเป็นอะไรต้องผัดผ่อนความลำบากไปไว้วันอื่น  จงยิ้มรับแม้จะต้องฝืนหัวใจไม่น้อยที่จะต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่ไม่เคยนึกอยากให้เกิดขึ้นเลยในวันนี้


             กล้าที่จะเผชิญกับเรื่องราวทั้งปวงที่กำลังถาโถมเข้ามา  โดยไม่มีการตัดพ้อต่อว่า  แม้ว่าขณะนี้จะมีความทุกข์ท่วมทับหัวใจดวงนี้สักเพียงใด


             ขอจงมีความมั่นใจ  ว่าเราจะสามารถอดทนได้เสมอ หากเรากล้าหาญและปลงใจที่จะยอมอดทน จะไม่ผัดผ่อนหรือกีดกันความทุกข์เหล่านี้ไปไว้ในวันอื่น


               จงกล้าหาญที่จะเผชิญกับชีวิตที่เป็นจริงในวันนี้  เหมือนต้นไม้ยอมรับและพร้อมที่จะเผชิญกับฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง   มันยังคงยืนต้นอย่างองอาจ  แม้ว่าจะต้องขาดแคลนน้ำและหมดสิ้นความชุ่มชื้นก็ตาม   เราเองก็จะอาจหาญในการยอมทนต่องความทุกข์ยากลำบากเช่นเดียวกัน


               ความอบอุ่นชุ่มชื้นเขียวขจีในฤดูฝน  เราก็ได้สัมผัสและมีความผาสุกมาอย่างเต็มที่แล้ว  ฤดูกาลชีวิตนับต่อนี้ไป เราก็พร้อมเผชิญกับชีวิตอีกด้านสลับกัน  เพื่อให้ชีวิตนี้ได้รับการเติมเต็ม


               มีแต่ฤดูฝน  โลกใบนี้ย่อมไม่สมบูรณ์  หากมีแต่ฝนตกอย่างเดียวตลอดเวลา โลกใบนี้น้ำก็ท่วมหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมทั้งตัวเรา คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้  ฤดูแล้งต้องเกิดขึ้นมาชดเชยเพื่อให้โลกเกิดสภาพที่สมดุล  สิ่งมีชีวิตทั้งปวงและตัวเราจึงดำรงอยู่ได้ตลอดมา


              ชีวิตของเราก็เช่นกัน  หากมีแต่ความสุขเพียงอย่างเดียวจะทำให้ชีวิตไร้ความหมาย ต้องมีอุปสรรคปัญหาเกิดขึ้นมาเพื่อท้าทาย  ว่าหัวใจดวงนี้จะอาจหาญและแข็งแกร่งเพียงใด จะสมกับที่ได้มีชีวิตอยู่และสมกับที่ได้รับความสุขตลอดมานั้นหรือไม่  ซึ่งก็ต้องพิสูจน์และวัดใจกันด้วยการเผชิญความจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้นี่เอง


              ชีวิตที่ไม่เคยผ่านอุปสรรค ไม่เคยผ่านความลำบาก จะเป็นชีวิตที่เข้มแข็งและสมบูรณ์ไม่ได้ การวัดความก้าวหน้าในชีวิต ไม่ใช่วัดจากว่าสุขสบายเพียงใด  แต่วัดจากชีวิตของบุคคลนั้นได้เคยผ่านความทุกข์ยากมาแล้วมากมายเพียงใดต่างหาก


              ความสุขสบายไม่เคยสร้างความก้าวหน้าให้แก่ใคร มีแต่ชีวิตที่เคยผ่านความลำบากมามากมายที่ประสบความสำเร็จและก้าวหน้า

 
              ชีวิตของผู้นำทุกคนและชีวิตของอัจฉริยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในโลก  ล้วนไม่ใช่ชีวิตที่สบายหรือเดินบนกลีบกุหลาบ  ทุกท่านล้วนเดินบนขวากหนามอันเจ็บปวดหรือเคยตกลงในหลุมอันมืดมิดมาก่อนทั้งสิ้น   แต่ท่านไม่จำนนหรือย่อท้อ  พยายามเดินจนก้าวข้ามขวากหนามและปีนป่ายขึ้นจากหลุมด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นทระนง  จนกลายเป็นมนุษย์ผู้มีหัวใจที่เข้มแข็ง เป็นที่พึ่งให้คนอื่นอย่างมากมาย


             คนที่เอาแต่รักตัวเองและรักสบาย  ไม่เคยเป็นที่พึ่งแก่ใครได้  ส่วนใหญ่กลับต้องคอยอาศัยแอบแฝงกินแรงและความเสียสละของคนอื่นเพื่อให้ตนสุขสบายเป็นหลัก  ชีวิตเช่นนั้นย่อมไร้ความหมายและไร้ประโยชน์รวมทั้งเป็นภาระแก่โลกโดยคาดไม่ถึง


             คนที่รักแต่ความสุขและรับเอาแต่ความสบาย จะรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างไร้ความหมายและไม่เห็นคุณค่าของการสร้างคุณความดี ชีวิตที่รักแต่ความสบายจึงเป็นชีวิตที่อ่อนแอ  เป็นชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ของความเป็นมนุษย์


               หากปรารถนาให้ชีวิตนี้เป็นชีวิตที่สมบูรณ์  ต้องกล้าเผชิญกับความลำบาก  ยินดีรับเอาความลำบากแบกไว้บนบ่าของเราเอง  โดยไม่ผลักไสให้ใครอื่นมาแบกแทน  เพียงเท่านั้นชีวิตของเราก็เริ่มผลิบานและเริ่มเติบโตแล้ว และนั่นจะเป็นสัญญาณของความก้าวหน้าในชีวิตที่เราจะภาคภูมิใจในวันหน้า


               อย่าได้กลัวความลำบากเลย  ความทุกข์ยากลำบากนี้เองจะช่วยสร้างชีวิตของเราให้เข้มแข็งและพบกับความสุขอันแท้จริงในภายหน้า  ขอให้เราตั้งหน้าฝึกฝนชีวิตของเราเสียแต่วันนี้  แล้วเราจะไม่มีความเสียใจในวันหน้าแม้แต่น้อย


               ความสุขและความสบายได้ทำลายผู้คนที่ประมาทในชีวิตมานักต่อนักแล้ว  แต่ความลำบากกลับสร้างชีวิตของมนุษย์ผู้ต่ำต้อยให้กลายมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน


              ชีวิตของผู้นำที่ยิ่งใหญ่  ไม่เคยสร้างขึ้นมาจากความสุขสบายแม้แต่คนเดียว แต่สร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากและมีเพื่อนแท้คือน้ำตามาแล้วทั้งสิ้น  ชีวิตของพระโพธิสัตว์และชีวิตผู้นำทั้งหลายล้วยอาศัยความทุกข์ยากลำบากนั่นเอง เป็นบันไดสำหรับไต่ขึ้นสู่ความสำเร็จ


               ยอมเผชิญกับความทุกข์ยากเสียแต่ในวันนี้  อย่าผัดผ่อนความทุกข์ไปไว้พรุ่งนี้อีกเลย  ยอมลำบากในวันนี้  แล้วความลำบากจะเปลี่ยนเป็นความสำเร็จและความสุขในวันข้างหน้า


              จงมั่นคงและเปี่ยมด้วยศรัทธา  ขอจงมั่นใจเถิดว่า  ความลำบากในวันนี้คือความสำเร็จในชีวิตในวันหน้า   น้ำตาในวันนี้จะคือรอยยิ้มที่เบิกบานในวันหน้า

 

                                                                                                      คุรุอตีศะ
                                                                                             ๑๔  ธันวาคม  ๒๕๕๖