เสียน้ำตาดีกว่าก่อเวร

เสียน้ำตาดีกว่าก่อเวร

                                                            
                                                                 
             ในช่วงที่ยังมีชีวิตกันอยู่นี้  หลายครั้งหลายหนที่เราแต่ละคนต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ  สิ่งที่บีบคั้นและยากเย็นที่สุด ก็คือบางเรื่องบางเหตุการณ์ได้ท้าทายหัวใจของเราอย่างมาก  ว่าเราจะทำตามความต้องการของคนอื่นที่ฝืนมโนธรรมตัวเอง หรือเราจะยอมเสียน้ำตากล้ำกลืนไม่ยอมจำนนต่อสิ่งบีบคั้นโดยรักษาคุณธรรมไว้  นี้คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่จะต้องเลือกตัดสินใจว่าจะทำตามสิ่งที่บีบคั้น หรือจะรักษาคุณธรรมประจำใจของเรา


            บางคนมีความรักแต่พบกับอุปสรรคเพราะต้องแย่งชิงกับคนอื่น  เป็นเรื่องทรมานใจยิ่งนักว่าจะทำตามใจของตนเองทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นวิธีใดไม่สนใจว่าจะผิดหรือถูก  หรือจะยอมตัดใจหลีกทางให้คนอื่นสมหวัง แต่ตัวเองนั้นต้องยอมเสียน้ำตา เพื่อพบความรักที่สดใสกว่าในวันข้างหน้า


            เรื่องของชีวิตไม่มีกฏเกณฑ์แน่นอนตายตัวแบบคณิตศาสตร์  จึงขึ้นอยู่กับว่าในสถานการณ์บางอย่างนั้น  เราเลือกหนทางใดในเส้นทางชีวิตของเรา  หากเราเลือกที่จะแย่งชิงสิ่งต่างๆจากคนอื่น เราก็ต้องใช้ทุกสิ่งทุ่มเทลงไปเพื่อให้ชนะอีกฝ่ายเป็นสำคัญ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งถูกต้องหรือเป็นเล่ห์กลใดๆก็ตาม  และเราอาจจะสมหวังได้ดั่งใจเราเหมือนกัน  แต่สิ่งนั้นย่อมก่อเวรติดตัวเราไปจนตลอด


             หากเราเลือกที่จะเสียน้ำตาเสียในวันนี้  โดยเลือกที่จะรักษาคุณความดีประจำใจของเราไว้  วันนี้เราอาจต้องร่ำไห้ด้วยความเสียใจ แต่เราจะเป็นผู้ปราศจากเวรภัยและได้พบกับชีวิตใหม่ที่ดีเกินกว่าเราจะคาดคิดในวันหน้า


             แต่ใครเล่าจะเชื่อว่าการยอมเสียน้ำตาในวันนี้  จะทำให้พบกับชีวิตที่ดีกว่าวันนี้หลายเท่า ส่วนใหญ่จึงเลือกวิธีที่จะฉกฉวยหรือแย่งชิงเอาในความสุขหรือความสำเร็จเฉพาะหน้า เลือกเส้นทางแห่งการก่อเวรมากกว่าจะยอมเสียน้ำตาหรือยอมพ่ายแพ้ต่อบุคคลใด


              บางคนเรียนหนังสือเก่งสอบได้ที่ ๑  แต่พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนต่อ  ต้องร่ำไห้ด้วยความเสียใจที่เพื่อนรุ่นเดียวกันแต่งเครื่องแบบไปเรียนหนังสือ  แต่ตัวเองต้องมาทำงานจุนเจือรายได้ของครอบครัว ต้องยอมสูญเสียโอกาสที่จะได้เรียนต่อเพื่อรักษาไว้ซึ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู


               ในเวลานั้นแม้จะรู้สึกว่าชีวิตช่างตีบตันและช่างไร้จุดหมาย  ต้องแอบนอนร้องไห้อยู่เป็นเดือนด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองไม่ได้เรียนต่อทั้งที่เป็นเด็กเรียนหนังสือได้ที่ ๑  วันเวลาผ่านไปด้วยความมืดมนในตอนต้นของชีวิต  เพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบปริญญาตรีทำงานกันหมดแล้ว ส่วนตัวเองเพิ่งได้เรียนสอบเทียบความรู้ระดับมัธยมศึกษา  ต้องไปเป็นเด็กรับจ้างเพื่อจุนเจือครอบครัวและเก็บไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเรียนหนังสือ  จนกระทั่งสำเร็จกฏหมายจากมหาวิทยาลัยามคำแหงด้วยความพากเพียร


               วันเวลาผ่านไป ๑๕ ปี นับจากวันที่ตนเองร่ำไห้ ขณะที่เพื่อนๆในรุ่นนั้นทั้งหลายได้เป็นข้าราชการระดับ ๕ ที่ว่าก้าวหน้าที่สุดในรุ่นเดียวกัน  ส่วนตนเองนั้นได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ทำหน้าที่พิพากษาอรรถคดีทั้งหลาย มีเงินเดือนสูงกว่าเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันทั้งหลายสามเท่าเป็นอย่างน้อย ที่สำคัญกลับได้ศรีภรรยาที่คอยให้กำลังใจและมีความเข้าอกเข้าใจเสมอ เป็นหลังบ้านที่วางตนได้อย่างดี ไม่นำความหนักใจมาให้และไม่ให้อิทธิพลสิ่งใดมาบีบคั้นต่อหน้าที่ผดุงความยุติธรรม เหมือนสวรรค์ส่งเธอมารอไว้เพื่อตอบแทนหัวใจของมนุษย์ผู้เคยร่ำไห้และเป็นคนกตัญญู


               คนส่วนน้อยเท่านั้น ที่จะมีความศรัทธาเชื่อมั่นได้ถึงขั้นว่า การยอมเสียน้ำตาในวันนี้ จะกลายเป็นความโชคดีในวันหน้า  ขอเพียงแต่ดำรงรักษาคุณความดีของตนไว้  ชีวิตจะพิสูจน์ตัวเองว่า การเสียสละหรือการยอมเสียน้ำตานั้น  จะกลายเป็นความสดชื่นและความภาคภูมิใจในภายหลัง


               หลายคนอาจรู้สึกว่าทำใจยอมรับไม่ได้ที่จะให้ยอมสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปในวันนี้ จึงยอมที่เลือกเอาเส้นทางที่ประกอบด้วยเวรภัย  เลือกที่จะทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะหรือสมหวังเสียแต่วันนี้ ไม่ต้องการรอไปถึงอนาคต


              หากบุคคลใดเลือกปฏิบัติต่อชีวิตด้วยวิธีนี้  ก็อาจสำเร็จและสมดังต้องการ  แต่วิธีนี้ย่อมก่อเวรกรรมติดตัวไป และจะทำให้ต้องได้เดินบนทะเลแห่งน้ำตาในวันหน้าตามกฏแห่งความยุติธรรมของชีวิต


                 ชีวิตนี้ศักดิ์สิทธิ์และทรงความยุติธรรมเสมอ  หากเราเลือกชิงกินผลไม้เพิ่งห่ามด้วยความย่ามใจและใจร้อนเสียแต่วันนี้  เราก็ต้องยอมรับว่าเราจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสหวานของผลไม้สุกในวันหน้า  หากเราเลือกที่จะไร้ซึ่งความเมตตาและมุ่งมั่นจะเอาให้ได้แต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ  เราก็ต้องยินยอมรับเอาความทุกข์ทรมานจากการเสวยเวรกรรม ให้สมกับความไร้เมตตาและไร้คุณธรรมของตัวเองที่รออยู่ในวันข้างหน้า


                 หากบุคคลใดมองเห็นว่า เราควรปฏิบัติต่อชีวิตด้วยความเคารพและไม่ประมาทในเวรกรรม ในเมื่อวันนี้ยังไม่ใช่วันของเรา ยังเป็นวันของคนอื่น  เราก็ยอมที่จะเสียน้ำตารอจนกว่าวันอันแท้จริงของเราจะมาถึง  น้ำตาและความทุกข์ของเราในวันนี้  จะกลายเป็นชีวิตที่ได้พบดินแดนสุขาวดีโดยไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อน  น้ำตาในวันนี้  จะกลายเป็นน้ำทิพยวารีสำหรับชีวิตของเราในวันข้างหน้า


                 จงมั่นคงในศรัทธาและรักษาคุณธรรมประจำใจ แม้ว่าจะกำลังร่ำไห้ในขณะนี้ก็ตาม  นั่นคือเส้นทางที่ปราศจากเวรภัย  การร้องไห้เสียใจในวันนี้  จะได้ร้องไห้แต่เพียงวันนี้เท่านั้น  แต่ในวันข้างหน้าเราจะไม่มีการเสียน้ำตาอีกแล้ว


                ในเส้นทางอันเต็มไปด้วยการก่อเวรกรรมแบบชาวโลก  ความสำเร็จในวันนี้  จะต้องพบกับความทุกข์ระทมจากการเสวยวิบากกรรมในวันหน้า ซึ่งเป็นกฏแห่งกรรมและความยุติธรรมของชีวิตซึ่งเราไม่อาจปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงได้เป็นธรรมดา


                แต่ถ้าหากเราเลือกเดินบนเส้นทางที่ประกอบด้วยเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ยอมกล้ำกลืนและอดทนอดกลั้นต่อสิ่งบีบคั้นนานาประการ โดยไม่พลาดพลั้งไปสร้างเวรกรรมไว้กับคนอื่น แต่ยอมเจ็บช้ำ ยอมเสียน้ำตาแทน  ชีวิตของเราแม้จะตีบตันในวันนี้  แต่จะสว่างและเปิดโล่งในวันข้างหน้า  เป็นเส้นทางแห่งพระอริยะ  ที่เลือกเอาธรรมะเป็นแสงสว่างนำทาง เป็นชีวิตที่ไม่มีเวรภัยติดตามตัว เราจงเลือกทางสายนี้  อันเป็นเส้นทางที่ปราศจากน้ำตา เป็นเส้นทางที่ไม่มีสิ่งใดมาบีบคั้นบีฑาได้อีกแล้ว


                จงยอมเสียน้ำตาในวันนี้  ดีกว่าจะก่อเวรไว้ในวันหน้า  แล้วน้ำตาจะกลายเป็นเกล็ดเพชรที่สดใสเป็นทิพยวารีที่ชะโลมจิตใจจนกลายเป็นหัวใจที่ยิ่งใหญ่  ให้ได้พบกับชีวิตใหม่ที่ไม่มีน้ำตาอีกแล้ว

 

                                                                                                 คุรุอตีศะ
                                                                                        ๑๑  ธันวาคม  ๒๕๕๖