พาใจกลับบ้าน

พาใจกลับบ้าน


               สังคมในตอนนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จะปล่อยใจให้อยู่กับเรื่องราวในภายนอก  จนตัวเองไม่มีความสงบสุขภายในจิตใจ  หัวใจหวั่นไหวไปกับความโกรธแค้น อาฆาตพยาบาท ความเกลียดชัง  บางคนก็อยู่กับความผิดหวังและซึมเศร้ากับเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามา  จนกระทั่งแทบไม่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองมีสภาพอย่างไร  บางคนก็มีความทุกข์เหมือนว่าหัวใจจะแตกสลาย  ไม่มีที่จะยืนหรือที่พักผ่อนแม้แต่น้อย


               เราปล่อยใจให้ไหลไปกับกระแสคลื่นที่คนอื่นโน้มน้าวและชักจูงให้เราคล้อยตามมากเกินไป  จนลืมไปว่าเมื่อเรามีความทุกข์บีบคั้นจิตใจอยู่ตอนนี้  คนที่พูดให้เราต้องหัวปั่นและเสียศูนย์จนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่นี้  บางทีเขาก็ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเขาโดยเอาเราเป็นเครื่องมือ  หรือเป็นเพราะเวรกรรมของเขาที่เคยทำไว้  ซึ่งบางเรื่องนั้นก็ไม่มีใครรู้กับเขาว่าเขาได้ก่อกรรมอะไรไว้  และเขาก็ไม่ยอมบอกเรา แต่กลับจะเอากรรมมาให้เรา หรือให้เราแบกทุกข์แทนเขา  จนเราเกิดความทุกข์แทบนั่งไม่เป็นสุขอยู่ตอนนี้


               จงพาใจกลับบ้านเสียในขณะนี้  พาใจของเรากลับสู่กายที่เป็นอยู่ในขณะนี้  จะนั่งก็รู้ตัวว่ากำลังนั่ง  เดิน  ก็รู้ตัวว่ากำลังเดิน   คิดมาก ก็รู้ว่ากำลังคิดมาก  เสียใจ ก็รู้ว่ากำลังเสียใจ  เหงา  ก็รู้ว่ากำลังเหงา  เบิกบาน  ก็รู้ว่ากำลังเบิกบาน  เศร้า  ก็รู้ว่ากำลังเศร้า  โกรธ  ก็รู้ว่ากำลังโกรธ  หงุดหงิด  ก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิด  อย่างนี้เป็นต้น


              ใจของเราได้ถูกสิ่งต่างๆฉุดกระชากลากถู  ถูกผู้คนทำให้ใจของเราซึ่งไม่ได้โกรธเกลียดหรือชิงชังใครมาก่อน  ก็ต้องเกลียดและโกรธแค้นตามเขาไปด้วย  ซึ่งบางกรณีก็เป็นเรื่องเวรกรรมของเขาสองคนที่โกรธแค้นกันเท่านั้น  แต่เขาก็ดึงเราไปเป็นพวก  ให้เราโกรธเกลียดชิงชังตามเขาไปด้วย


             ใจของเราได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่  เราได้ตกเป็นทาสการโน้มน้าวชักจูงให้เราโกรธเกลียดชิงชังคนอื่นตามเขาไปด้วยในตอนไหน  แต่ก่อนเรานั้นเราก็อยู่ของเราดีๆ  แต่ตอนนี้ทำไมเป็นเช่นนี้ไปได้  หากใครมาถามเรา  เราก็ตอบเขาไม่ได้เหมือนกัน


             นี้เพราะว่าใจของเราได้เตลิดออกจากบ้านไปนานมากเกินไป  ใจไม่ได้กลับบ้านนานมากแล้ว  บ้านของใจคือ กายนี้และใจนี้  เราไม่ได้ตระหนักรู้และมักลืมเขาไปอยู่เสมอ  นี้คือการที่ใจไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลานาน


            จงกลับคืนสู่บ้าน คือกายนี้และใจนี้  ให้ใจอยู่กับกุศล  อย่าปล่อยใจไปกับอกุศล  อย่าให้ใจไหลไปอยู่กับความโกรธเกลียด  ความอาฆาตพยาบาท  อย่าให้ใจอยู่กับความเคียดแค้นชิงชัง  เพราะนั่นคือปากทางไปสู่ความตกต่ำและความเสื่อมสูญจากความสุขในชีวิต  และในที่สุดก็ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ นอกจากตัวเราที่กำลังทุกข์ร้อนอยู่ขณะนี้


             กลับบ้านของเรา  คือการมีสติระลึกรู้ที่กายที่ใจขณะนี้  เราจะทำอะไรอยู่ก็ตาม  จะยืน เดิน นั่ง นอน  จะทานข้าว  จะอาบน้ำ  จะหวีผม  จะแต่งตัว  จะอ่านหนังสือ  หรือกำลังหุงข้าว  ก็ให้มีความรู้สึกตัวในขณะนี้ไปด้วย  อย่าปล่อยใจให้ไหลไปกับสิ่งอื่นภายนอกตัว  รู้ตัวไว้ในขณะนี้  อะไรจะเกิดขึ้นก็ปล่อยให้เกิด เราไม่จำเป็นต้องจัดการหรือแก้ไขในทุกเรื่องเสมอไป


            อยู่กับตัวเองให้มากขึ้น  หัวใจของเราทุกข์ตรมและบอบช้ำมากพอแล้ว  เราแบกภาระความหนักหน่วงทั้งปวงมาเนิ่นนาน  หลายคนที่เราพยายามเข้าไปจัดการและพยายามช่วยเหลือเหล่านั้น  บางครั้งก็เป็นเวรกรรมและผลกรรมจากความเห็นแก่ตัวของเขาก็มี  บางคนก็แสนดีและเสียสละอดทน  ซึ่งเราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่และเต็มเปี่ยมอย่างดีที่สุดแล้ว


            มองโลกนี้ด้วยความเข้าใจเสมอ  อย่าให้พฤติกรรมหรือคำพูดของใครมาทำลายหรือบั่นทอนความสดใสและความดีงามในใจของเราได้  ไม่ว่าเหตุการณ์และเรื่องราวจะมีมากเพียงใด  ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องผ่านไปไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่แม้แต่เรื่องเดียว


            พาใจของเรากลับบ้าน  ใจของเราจะได้มีที่พึ่งพิง  ใจดวงนี้จะได้มีความสุข  มีความร่มเย็น  เราได้ปล่อยใจให้วิ่งหนีออกจากบ้านมานานเกินพอแล้ว  นานจนกระทั่งโลกนี้แทบไม่มีที่อยู่

 
            ต่อแต่นี้เราจะไม่ยอมให้ใครมาลากเราออกจากบ้านที่อบอุ่นและมั่นคงของเราได้  ขอดำรงสติตั้งมั่นอยู่เสมอไมว่าจะประสบหรือพบกับเหตุการณ์ใด


            เราขอพาใจที่ระหกระเหินมาเนิ่นนาน  กลับคืนสู่บ้านคือกายนี้และใจนี้ทุกลมหายใจ   ชีวิตที่แท้จริงของเราคือขณะนี้  สิ่งอื่นเป็นเรื่องภายนอกทั้งสิ้น  เราจะกลับบ้านของเราตั้งแต่วันนี้และขณะนี้

 

                                                                                                         คุรุอตีศะ
                                                                                                ๙  ธันวาคม  ๒๕๕๖