ชีวิตไม่ต้องการคำตอบ
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ชีวิตไม่ต้องการคำตอบ
หลายคนเฝ้าพร่ำถามตัวเองว่า เหตุใดหนอชีวิตของเราจึงเป็นเช่นนี้ จากแต่ก่อนทุกอย่างช่างดูดี แต่ตอนนี้ทำไมจึงมีแต่ความยุ่งเหยิงพิกล
บางคนสงสัยว่า เหตุใดหนอเราจึงได้มาใช้ชีวิตหรือแต่งงานกับคนนี้ มีคนอีกตั้งมากมายแต่ทำไมจึงไม่ได้เจอคนอื่น คนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกวันนี้ ไม่น่าจะได้เจอกันได้ แต่ก็ได้พบเจอจนกระทั่งมีความผูกพันรักใคร่ จนกระทั่งได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเรามีชีวิตของเราต่างหาก
บางทีและบางคนก็สงสัยว่า ถ้าในเวลานั้นเราตัดสินใจไม่เข้ากรุงเทพฯ แล้วใช้ชีวิตอยู่ในต่างจังหวัดไปอย่างเดียว ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร จะเหมือนอย่างวันนี้ไหม จะพบกับความล้มเหลวหรือพบความสำเร็จมากกว่ากัน
ไม่ว่าแต่ละคนจะมีคำถามกับตัวเองอย่างไร แต่ชีวิตก็ให้คำตอบเรียบร้อยแล้วว่า หากเราไม่ตัดสินใจทำอะไรแบบในตอนนั้น ชีวิตของเราจะไม่มีวันนี้เป็นอันขาด
ความสงสัยหรือคำถามในใจของแต่ละคนอาจมีได้อย่างมากมาย แต่สุดท้ายเราก็ได้มีชีวิตเช่นทุกวันนี้ที่ควรภาคภูมิใจแล้วมิใช่หรือ
ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าเราจะตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของเราประการใด แต่เราทุกคนก็ได้พบกับความยิ่งใหญ่ของชีวิตแล้วเสมอเหมือนกัน
ความยิ่งใหญ่ของชีวิตนั้น ที่เรามีสิทธิเท่าเทียมกัน ก็คือความยิ่งใหญ่ในข้อที่ว่า ชีวิตช่างมีความมหัศจรรย์และศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าใครจะบงการให้ชีวิตเป็นไปดังใจของเราได้ เราจะได้พบความสุขและความทุกข์มากน้อยเพียงใด ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะเป็นสำคัญ จนบางครั้งเราจำต้องจำนนที่จะสามารถควบคุมหรือสั่งการให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ตามใจของเรา
ในตัวชีวิต ไม่ต้องการคำถามหรือคำตอบจากใครหรือสิ่งใดทั้งสิ้น เพราะชีวิตเป็นทั้งคำถามและคำตอบเบ็ดเสร็จอยู่แล้วในตัว ทุกขณะที่กำลังเป็นไป ล้วนคือคำตอบอยู่เสมอ
บางคนอาจตั้งคำถามในใจคนเดียวว่า หากเราไม่ตกลงปลงใจอยู่กินใช้ชีวิตหรือแต่งงานกับคนนี้ ชีวิตทุกวันนี้คงไม่เป็นแบบนี้ แต่สำหรับความจริงของชีวิตแล้ว นั่นคือของขวัญที่ชีวิตได้มอบให้เรา ที่เราแต่ละคนควรแก่การภาคภูมิใจมากกว่า สิ่งที่เราได้รับมา ไม่ว่าสมหวังหรือผิดหวังประการใด แต่ชีวิตก็ได้มอบให้สิ่งนี้แก่เราแล้ว
เราจงยืดอกและรับมอบของขวัญที่ชีวิตมอบให้เรามา ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ ไม่ปฏิเสธของขวัญอันล้ำค่า แม้ว่าบางคราวอาจจะรับของขวัญนั้นทั้งน้ำตา เราก็จะอาจหาญและภูมิใจว่า นี้คือของขวัญอันแท้จริงที่ชีวิตได้เลือกสรรตัวเรา ให้เป็นผู้ควรแก่การได้รับของขวัญชิ้นนี้
ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับชีวิตอีกแล้ว ไม่ว่าชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร เราจะผิดหวัง เราจะเงียบเหงาหรือว้าเหว่ หรือรู้สึกว่าชีวิตนี้เหมือนอยู่คนเดียวในโลก ทั้งรอยยิ้มหรือความเศร้าโศก ล้วนเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่ชีวิตได้มอบให้แก่เราแล้ว จงโอบกอดและรับไว้ด้วยความเต็มใจ แม้ว่าสิ่งที่เรารับไว้ จะต้องสูญเสียน้ำตาไปบ้างก็ยอม เพราะนี้มิใช่ของขวัญธรรมดา แต่เป็นของขวัญที่ทรงคุณค่า เพราะเป็นของขวัญที่ชีวิตมอบให้เฉพาะมนุษย์ผู้เข้มแข็งและไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคทั้งปวงเท่านั้น
ไม่ต้องถามคำถามใดในชีวิตอีกแล้ว ชีวิตที่กำลังเป็นไปอยู่นี้เป็นคำตอบทุกอย่างแล้วในตัว อย่าได้หวาดกลัวชีวิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในเมื่ออดีตอันแสนสาหัสเราแต่ละคนยังผ่านมาได้ ดังนั้น แม้ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป เราก็มั่นใจว่าเราจะสามารถรับเอาของขวัญจากชีวิตได้เสมอ โดยไม่เลือกว่าจะต้องเป็นของขวัญประเภทใด
ชีวิตนี้ไม่ต้องการคำตอบ เช่นเดียวกับการไม่ต้องการคำถาม แต่ชีวิตคือการเลื่อนไหลไปของสรรพสิ่งโดยไม่ขึ้นกับความหมายมั่นและความปรารถนาของใคร นี้คือความยิ่งใหญ่ของชีวิตที่เราทั้งหลายควรน้อมศีรษะกราบไหว้ดุจเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแท่นบูชา
เพราะเหตุที่วันเวลาที่ผ่านมา เราทั้งหลายได้กระทำต่อชีวิตด้วยความหยาบกระด้าง และดูหมิ่นชีวิตจนเกินไป คนเราส่วนใหญ่จึงมีคราบน้ำตามากกว่ามนต์เสน่ห์ของรอยยิ้ม ขอให้เราหันมาปรับจิตตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของชีวิต แล้วปฏิบัติต่อชีวิตด้วยความเคารพและมองเห็นคุณค่าให้ยิ่งขึ้น ทำกับชีวิตนี้ประดุจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วชีวิตจะมอบของขวัญที่ดีๆและสร้างรอยยิ้มมากกว่าที่เป็นมา
สร้างบุญกุศลบ่อยๆ ดำรงจิตไว้ด้วยความรักและเมตตา เพียงเท่านี้เราก็จะรู้สึกถึงคุณค่าและความยิ่งใหญ่ของชีวิตแล้ว หลังจากนั้นของขวัญชีวิตในด้านดี ก็จะค่อยๆหลั่งไหลเข้าสู่ชีวิตของเรา ความแห้งแล้งในชีวิตที่มีมาเนิ่นนานจะเริ่มหายไป กลายเป็นชีวิตใหม่ที่มีแต่ความชุ่มเย็นและเต็มเปี่ยมไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน
หลังจากนั้น ชีวิตจะไม่มีคำถาม และไม่ต้องการคำตอบใดๆอีก
คุรุอตีศะ
๗ ธันวาคม ๒๕๕๖