กล้าเดินคนเดียว

กล้าเดินคนเดียว

 


                                                           
         ในทางโลกหรือโดยทั่วไป การที่ทำอะไรได้สำเร็จ ต้องอาศัยพวกพ้องเพื่อนฝูง ต้องมีคนอื่นเห็นด้วย สนับสนุน  หรือต้องการความมีส่วนร่วมของบุคคลอื่น


         ในทางธรรมหรือการพัฒนาทางจิตวิญญาณให้สูงส่ง  ต้องกล้าที่จะเดินคนเดียว จึงจะพบกับความสำเร็จ  การรอให้คนอื่นมีส่วนร่วมกลับคือมารอันใหญ่หลวง ที่คอยถ่วงรั้งผู้ต้องการเดินสู่ทางธรรมหรือต้องการพัฒนาจิตวิญญาณของบุคคลโดยตรง นี้คือความต่างกันระหว่างทางโลกกับทางธรรม  วิถีแห่งการก้าวเดินในทางธรรมย่อมสวนทางกับวิถีของชาวโลกเช่นนี้

 

          จนถึงวันหนึ่ง เมื่อบุคคลนั้นพัฒนาจิตวิญญาณของตนได้สำเร็จแล้ว  นั่นแหละคือวันเวลาที่เหมาะสมในการจะอยู่ในสังคมเพื่อคอยเป็นเทียนส่องแสงสว่างนำทางให้แก่ผูู้คน

 

          ผู้ที่มุ่งพัฒนาจิตใจหรือจิตวิญญาณของตน  จึงต้องไม่สับสนในเรื่องนี้  มิฉะนั้น จะกลายเป็นคนที่เหมือนคนจับจดโลเล  และเหมือนล้มเหลวหรือไม่มีความก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม

 

           หลวงปู่มั่น  ในวันที่ท่านตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งออกจากวัด แล้วสมาทานธุดงค์เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านก็ไม่ได้ไปเที่ยวสอบถามความคิดเห็นของเพื่อนฝูงหรือใครๆว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ท่านได้ตัดสินใจบนความเชื่อมั่นว่าหากปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และมีใจมุ่งตรงต่อพระนิพพานแล้ว  การสิ้นกิเลสในชาตินี้ย่อมเป็นจริงได้ แล้วก็ออกเดินธุดงค์ไปองค์เดียวดุจพญาช้างที่หลีกออกจากโขลง จนกระทั่งจิตของท่านพ้นจากอาสวะโดยสิ้นเชิงแล้ว ท่านจึงมาอยู่ท่ามกลางพระเณรและเกื้อกูลผู้คน


           ทางโลกต้องอาศัยเพื่อนฝูงหรืออาศัยความร่วมมือจากผู้คน แต่ในทางธรรมต้องกล้าเดินตามลำพังคนเดียวจึงจะบรรลุความสำเร็จ


           พระพุทธองค์ตรัสเตือนพระสาวกอยู่เสมอว่า ทางเส้นนี้เป็นเส้นทางของบุรุษอาชาไนย ผู้มีใจเด็ดเดี่ยว ที่ไม่กลัวและหวาดหวั่นต่อความตายและความทุกข์ยาก จึงจะคว้าเอาแก้วสารพัดนึกมาไว้ในครอบครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ


             ตราบใดที่ใจยังไม่มีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นที่จะเดินไปบนเส้นทางอันตรายคนเดียวได้ ตราบนั้น ธรรมอันสูงส่งหรือสมาธิที่สมบูรณ์จักไม่มีวันเข้าสู่หัวใจของบุคคลนั้น นี้คือกฎแห่งธรรมดา


             ทางธรรมต่างจากทางโลก  ก็ตรงที่ผู้ที่บรรลุธรรมทั้งหลาย แต่ละท่านล้วนผ่านความเป็นความตาย เอาชีวิตเป็นเดิมพันมาแล้วทั้งสิ้น  ทุกท่านล้วนผ่านความว้าเหว่โดดเดี่ยวและต้องผ่านความทุกข์ตรมในการต้องมีชีวิตอยู่เพียงลำพังในช่วงชีวิตหนึ่งมาแล้วทั้งสิ้น  ก่อนที่จะบรรลุธรรม

 
              การที่กล้าและเด็ดเดี่ยวในการอยู่เพียงลำพัง  จิตจึงเกิดสมาธิตามมาโดยไม่ยาก ด้วยเหตุนี้จึงมีแต่พระที่ผ่านการถือธุดงค์หรือบำเพ็ญสมาธิอย่างยิ่งยวด ล้วนเคยตัดขาดจากโลกภายนอกมาแล้วทั้งสิ้น ที่ท่านบรรลุสมาธิหรือบรรลุธรรม  จิตของท่านจึงเด็ดเดี่ยวกล้าหาญผิดจากคนธรรมดา  ส่วนพระที่อยู่แต่ท่ามกลางญาติโยม อยู่สุขสบายกับชาวบ้าน จิตของท่านจะไม่อาจหาญและมักอ่อนแอ มักโอนอ่อนผ่อนตามเอาใจสังคม  เพราะไม่เคยผ่านความทุกข์ยากหรือผ่านชีวิตที่เฉียดตายมาก่อน เหมือนใจของคนที่เป็นทหารเคยผ่านสนามรบเสี่ยงชีวิต  ย่อมมีใจเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวกว่าพลเรือนโดยทั่วไป


               การทำมาหาเลี้ยงชีพหรือหาความเจริญในทางโลกต้องอาศัยคนอื่น  แต่การเดินออกจากวัฏฏสงสารหรือเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ เราต้องกล้าเดินคนเดียว  คนอื่นจะเดินกับเราไม่ได้  หากใครรอแต่ให้คนอื่นมาเดินด้วย  บุคคลนั้นจะละล้าละลังหรือไม่มีโอกาสที่จะก้าวเดินตลอดชีวิต


               เหตุใดท่านจึงสอนให้จาริกธุดงค์ ให้ไปอยู่ท่ามกลางอันตราย  อยู่ในป่า อยู่ในถ้ำ อยู่บนเขาคนเดียว  ทำไมท่านจึงให้ไปอยู่ป่าช้า  ก็เพราะว่าจะได้เผชิญกับความหวาดกลัวและสิ้นความอาลัยในชีวิตและร่างกายตัวเอง  ซึ่งการอยู่แต่ในวัดหรืออยู่สุขสบาย น้อยนักที่ใจจะเกิดความเด็ดเดี่ยวเช่นนั้นได้


               คนเราเมื่อได้เผชิญความอดอยาก เผชิญความตายที่อาจจะเกิดจากสัตว์ร้ายหรือภูตผีปีศาจตามลำพัง  จิตจะไม่ส่งออกนอกตัว  สติจะคมชัดกว่าเวลาปกติ  สมาธิจึงเกิดขึ้นอัตโนมัติ อภิญญาความรู้เห็นสิ่งต่างๆอันล่วงพ้นสายตาของมนุษย์ จึงเกิดขึ้นตามมาแก่ท่านเหล่านั้น โดยที่ท่านก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความรู้พิเศษเหล่านั้นจะเกิดได้จริงตามที่พรรณนาไว้ในพระคัมภีร์


                ด้วยเหตุนี้พระธุดงค์ทั้งหลายท่านจึงกำชับและเข้มงวดในการรักษาศีล หรือรักษาพระวินัยอย่างเคร่งครัด  เพราะเมื่อศีลบริสุทธิ์  จิตจะมีพลังและมั่นใจในตนเอง เพราะศีลย่อมเป็นบาทฐานแห่งสมาธิ ตามหลักไตรสิกขา  การเป็นพระป่าหรือเมื่อออกปฏิบัติจึงต้องรักษาศีลเหมือนจามรีรักษาขนหาง


               พระธุดงค์ที่ท่านรักษาศีลได้บริสุทธิ์ท่านจะมีแต่ความอิ่มเอิบใจและนั่งสมาธิไม่ว่าเวลาใด จิตของท่านจะะรวมลงได้ง่าย  วิสัยพระธุดงค์ทั้งหลายจึงเคร่งครัดในพระวินัย  เพราะเมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว  ไม่นานสมาธิจะเกิดตามมา หลังจากอยู่กับครูบาอาจารย์คอยตักเตือนให้มีสติอยู่เสมอ เพียงห้าพรรษาท่านก็จะสิ้นความสงสัยว่ามรรคผลมีจริงหรือไม่  แต่ต้องไม่ใช่เอาแต่นั่งสมาธิหลับหูหลับตาเพียงอย่างเดียว  ถ้าอย่างนั้นปัญญาย่อมไม่เกิด  แม้ทำความเพียรถึงยี่สิบปีก็จะได้แค่สมาธิเท่านั้น


                 การจะไปเดินธุดงค์องค์เดียวจนจิตเกิดความเด็ดเดี่ยวและพึ่งตนเองได้  ก่อนอื่นอาจารย์ก็จะสอนวิชาพื้นฐานในการครองตนอยู่ในป่าในถ้ำคนดียว ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดวิปลาสหรือหลงนิมิตต่างๆ  ด้วยเหตุนั้นท่านจึงมั่นใจที่จะฝึกตนตามลำพัง  เหมือนดั่งนักมวยที่โค้ชหรือผู้ฝึกสอนได้ฝึกวิชามวยให้เรียบร้อยแล้ว ก็ปล่อยขึ้นเวทีชกคู่ต่อสู้อันเป็นของจริง การธุดงค์ของท่านจึงไม่ไร้ผล และท่านก็ได้กลับมาช่วยเหลือผู้คนได้อย่างมากมายดังที่เราทราบประวัติกันโดยทั่วไป


                  ท่านผู้ฝึกใจจนบรรลุถึงฝั่งแห่งความสำเร็จ  แล้วได้อาศัยพลังแห่งความเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกผู้มีแต่เรื่องคับแค้นใจ  ได้ออกจากป่า จากถ้ำ จากขุนเขา เพื่อแสดงธรรมและแผ่พลังเมตตาเกื้อกูลผู้คนเช่นนี้ที่ท่านเรียกว่า "สูงสุดฟ้า คืนสู่สามัญ"


                   ดังนั้น หากท่านใดมีวาสนาบารมีมาแต่เก่าก่อน เมื่อได้ทราบความจริงเช่นนี้  จงหมั่นบำเพ็ญบารมีให้สูงยิ่งขึ้นไปเถิด  อย่าให้ความพะรุงะรังในเรื่องใดมาถ่วงรั้งบารมีเดิมหรือมาทำลายโอกาสของเราได้  ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะเป็นคนแล้งน้ำใจไม่ช่วยเหลือพวกเขา เพราะหากเรามีธรรมเป็นพึ่งตนเองได้แล้ววันใด  เราจะช่วยเหลือผู้คนได้อย่างยิ่งใหญ่กว่าการช่วยพี่น้องหรือเพื่อนฝูงเพียงไม่กี่คน  เพราะที่พึ่งอื่นใดในโลก ย่อมไม่มีแก่นสารอย่างแท้จริง นอกจากพระธรรมเท่านั้นคือที่พึ่งอันเที่ยงแท้และแท้จริงสำหรับเรา


                   การสอนวิชาที่ให้มีความกล้าที่จะเดินคนเดียวนี้  คือวิชาสำหรับทหารผู้มีใจเด็ดเดี่ยว  ส่วนสำหรับผู้ยังไม่สามารถจะกล้าเดินคนเดียว ก็เรียนวิชาของพลเรือนทั่วไปดังที่สอนมาหกเดือนแล้วนั้น คือหมั่นเจริญสติปัฏฐานไปกับชีวิตจริงที่กำลังดำเนินไปในชีวิตประจำวัน วิชาพลเรือนที่สอนมานั้นก็นับว่าเพียงพอที่จะอยู่กับโลกกับสังคมได้ โดยที่ใจมีภูมิต้านทานและเข้มแข็งตามสมควร


                   สำหรับผู้ที่สร้างบารมีมายิ่งยวดที่จะไม่ใช่มาจมอยู่แค่ในโลกในวัฏฏสงสาร จงเลือกเรียนวิชาทหารอันเป็นวิชาสำหรับผู้มีใจเด็ดเดี่ยวโดยเฉพาะ  วิชานี้ย่อมเหมาะสำหรับผู้ไม่ต้องการความรักความอบอุ่นมาเป็นสรณะ  แต่เป็นเส้นทางของพระอริยะที่จะช่วยค้ำชูพระศาสนาโดยตรง เส้นทางสายนี้คือเส้นทางที่หลวงปู่มั่น  หลวงพ่อจรัญ  หลวงพ่อพุทธทาส  ท่านเจ้าคุณนรฯ  และครูบาอาจารย์ผู้ทรงบารมีท่านอื่นท่านก้าวเดินมาแล้ว


                   ความสำเร็จในทางโลกต้องอาศัยคนอื่นพี่น้องเพื่อนฝูงเป็นเรื่องสามัญธรรมดา แต่สำหรับผู้ที่มีบารมีแก่กล้าที่เกิดมาชาตินี้เพื่อบรรลุธรรม และเกิดมาเพื่อสร้างบารมีจรรโลงรักษาพระศาสนา เราจะต้องรู้ตัวของเราว่า เส้นทางของเราคือเส้นทางอภิญญาคือการเป็นทหารผู้กล้าออกรบในสงคราม


                  การฝึกจิตวิญญาณของเราต้องก้าวเดินด้วยวิถีของผู้มีใจเด็ดเดี่ยว ไม่ใช่เป็นผู้หยิบโหย่งหรือพะรุงพะรัง แต่คือความเอาจริงและมีความมุ่งมั่น นั่นจึงจะคือหนทางของเราโดยตรง  ทางสายนี้เดินยากและเดินลำบาก แต่เมื่อเดินถึงแล้วย่อมได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของพระพุทธองค์ และชีวิตจะจบลงอย่างสง่างามดังที่ท่านทั้งหลายทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง


                   สำหรับผู้มีบุญบารมีที่เกิดมาเพื่อจะช่วยกันค้ำจุนพระศาสนาทั้งหลาย  พึงตระหนักไว้เสมอเถิดว่า  ทางสายนี้.... เราต้องกล้าเดินคนเดียวโดยลำพัง  การเดินทางนั้นจึงจะถึงฝั่งแห่งความสำเร็จในชาตินี้

 

                                                                                                          คุรุอตีศะ
                                                                                               ๓๐  พฤศจิกายน  ๒๕๕๖