ความสงบย่อมสยบทุกสิ่ง

ความสงบย่อมสยบทุสิ่ง

 


              เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวไปทั่วโลก กรณีที่นายแพทย์สหรัฐเมื่อครั้งสงครามเวียดนาม ได้ทำการมอบกระดูกแขนข้างหนึ่งกลับคืนสู่เจ้าของ ซึ่งเป็นอดีตทหารเวียดกงที่บาดเจ็บสาหัสจากการสู้รบแล้วแพทย์ได้ตัดสินใจตัดแขนของเขา เพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ในท่ามกลางเสียงระเบิดและควันปืนในครั้งนั้น

 

             แพทย์ทหารอเมริกันผู้ทำการตัดแขนทหารเวียดกง ซึ่งโดยสถานะแล้วย่อมเป็นศัตรูกันในสนามรบโดยตรง แต่ด้วยความมีจรรยาบรรณในความเป็นแพทย์ ที่ย่อมมุ่งรักษาชีวิตมนุษย์โดยไม่มีคำว่ามิตรหรือศัตรู เมื่อมีคนหามผู้บาดเจ็บมาขอให้รักษา คุณหมอก็พยายามรักษาสุดความสามารถ
     

            เขาได้เก็บกระดูกท่อนแขนส่วนนั้นไว้ แม้กระทั่งเสร็จสิ้นสงครามแล้วก็ยังได้นำกลับไปอเมริกา รอคอยจนเวลาผ่านไปเกือบสี่สิบปีในการติดตามหาเจ้าของว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่  พอมาถึงปีนี้เขาได้มอบชิ้นส่วนกระดูกแขนคืนเจ้าของอดีตทหารเวียดกงผู้ยังมีชีวิตยืนยาวอยู่มาถึงปัจจุบันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความตื้นตันใจทั้งเจ้าของแขนและตัวคุณหมอ  และท่ามกลางความซาบซึ้งใจของผู้คนทั้งโลก
 

             นี้คือตัวอย่างของคุณธรรมของมนุษย์ที่เป็นมนุษย์แท้ ที่แม้จะอยู่ท่ามกลางสงครามและเผชิญหน้ากับบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นปรปักษ์แห่งคู่สงคราม แต่ความมีมนุษยธรรมและคุณธรรมแห่งความเมตตาในความเป็นหมอ เขาก็ยังแยกแยะได้ออกว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร อย่างไร้ซึ่งอคติในท่ามกลางสงครามเช่นนั้น ซึ่งยากนักที่ใครจะทำอย่างคุณหมอท่านนี้ได้  นี้คือผู้มีหัวใจและจิตวิญญาณแห่งความเป็นหมออย่างไม่ต้องอาศัยคำพูดใดมาอธิบาย

 

               วิกฤติความวุ่นวายหรือสงคราม ย่อมเกิดได้ในเมื่อมีเหตุปัจจัยและกรรมของผู้คนจักต้องถึงกาลได้รับผลแห่งความทุกข์ยากเช่นนั้น  แต่สิ่งสำคัญในเมื่อประสบชะตากรรมหรืออยู่ท่ามกลางเหตุการณ์เช่นนั้น จะมีใครสักกี่คนเล่าที่ยังดำรงคุณธรรมไว้ได้
 

               หากในภาวะวิกฤติมีบุคคลใด ดำรงสติตั้งมั่นและรักษาคุณธรรมไว้ได้ บุคคลนั้นย่อมอาศัยความสงบสยบความวุ่นวาย แล้วนำพาผู้คนฝ่าวิกฤติไปได้ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจมาสู่ตนเองจนตลอดชีวิต  บุคคลนั้นย่อมเป็นบัณฑิต ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำ แม้ว่าจะมีชื่อเสียงปรากฏอยู่ในแบบเรียนประวัติศาสตร์หรือไม่  แต่เขาย่อมคือผู้กำชัยชนะที่แท้จริงตลอดกาล

 

                ไม่ว่ายุคใดสมัยใด ขึ้นชื่อว่าความรุนแรง  ย่อมเป็นสัญญาณแห่งพ่ายแพ้และนำมาซึ่งความเสียใจในภายหลังเสมอ  ไม่เคยมีบุคคลใดได้รับความภูมิใจ จากการตัดสินใจใช้ความรุนแรงหรือใช้อำนาจกับผู้อื่นไม่ว่าระดับใด  มีแต่ความมีสติ สงบเยือกเย็น ความหนักแน่นมั่นคงเท่านั้น ที่ทำให้เราย้อนนึกถึงครั้งใด ย่อมนำมาซึ่งความภาคภูมิใจและความปิติซาบซึ้งใจมาสู่หัวใจเราทุกครั้ง
 

               ในระดับครอบครัว  หากครั้งใดที่ผู้เป็นสามีใช้อารมณ์อย่างขาดสติ ใช้ความรุนแรงในครอบครัว เขาย่อมต้องพบกับความเสียใจในทุกครั้ง  หากภรรยาใช้ความรุนแรงก้าวร้าวกับสามี เธอก็จะรู้ได้ในทันที ว่าโลกนี้เสมือนไม่มีที่อยู่สำหรับเธอ  ความรุ่มร้อนย่อมเผาลนจิตใจทั้งกลางวันและกลางคืน
 

                แต่หากฝ่ายหนึ่งเป็นไฟ  เพราะความกดดันจากปัญหาภายนอกต่างๆรุมเร้า แต่เขาไม่มีใครที่จริงใจพอที่จะระเบิดอารมณ์ได้อย่างสนิทใจเท่ากับภรรยาหรือสามีผู้ยืนอยู่เคียงข้าง หากอีกฝ่ายคอยเป็นน้ำ ดำรงสติและเข้าใจอย่างมีเมตตา แล้วค่อยๆรับฟังปัญหาค่อยๆช่วยคิดช่วยแก้ไข ทุกอย่างจะกลายเป็นความภาคภูมิใจ และตราตรึงใจเป็นสวรรค์ในครอบครัว และรักเคารพกันไปจนวันตาย

 

                 ความรุนแรงไม่ว่าในระดับใด  ย่อมไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ในตอนแรกอาจรู้สึกสะใจเป็นธรรมดา  แต่ในเวลาต่อมา เมื่อเหตุการณ์ต่างๆคลี่คลายแล้ว ผู้กระทำย่อมจะต้องนึกเสียใจและทรมานใจในสิ่งที่ตนเองกระทำไปจนตลอด  การกระทำสิ่งใดแล้วต้องมานึกเสียใจภายหลัง ย่อมไม่คุ้มกันแน่นอน

 

                 ความสงบเท่านั้นที่สยบทุกสิ่ง ทั้งความวุ่นวายทั้งหลายทั้งเหตุการณ์ที่วิกฤติทั้งปวง ขอให้เราทุกคนจงตั้งต้น ตั้งสตินับลมหายใจกันใหม่  เริ่มต้นกันใหม่  ไม่มีสิ่งใดที่สายเกินไป สำหรับดวงใจที่แก้ปัญหาด้วยความมีสติและใช้ปัญญา
 

               ขึ้นชื่อว่าสงครามหรือความขัดแย้ง  ย่อมเกิดขึ้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลงโดยตรงของผู้มีอำนาจ แม้จะรบกันมากเพียงใด คนที่ล้มตายหรือบาดเจ็บสูญเสีย ล้วนคือประชาชนและทหารที่ตกเป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจนั้น ตลอดทั้งความยับเยินของประเทศชาติ ส่วนผู้มีอำนาจที่ขัดแย้งกัน ไม่มีใครพบกับความสูญเสียหรือความทุกข์ยากดังกล่าวเท่ากับประชาชนผู้ถูกใช้เป็นเครื่องมือแม้แต่น้อย

 

               ดูอย่างกรณีของคุณหมอชาวอเมริกันที่ถูกส่งมาร่วมรบในสงครามเวียดนาม แต่ต้องมาทำการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตทหารเวียดกงที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรู โดยที่ชาวโลกไม่มีใครได้รับรู้กับความสะเทือนใจและความซึ้งใจระหว่างคนทั้งสองในขณะนั้น  คนหนึ่งเป็นหมอมีหน้าที่รักษาช่วยชีวิตคน ก็ทำหน้าที่ของตนอย่างไร้อคติ ไม่มีคำว่ามิตรหรือศัตรู อันเป็นคุณธรรมที่หาได้ยากยิ่งในสถานการณ์เช่นนั้น

 

              ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งแม้เมื่อถูกตัดแขนแล้ว ก็ยังยืนหยัดในอุดมการณ์ที่ต้องการปลดแอกมาตุภูมิของตนให้พ้นจากการเป็นทาสอเมริกา แล้วมุ่งหน้าออกสู่สงครามกับเพื่อนร่วมชาติอีกครั้งตามความมุ่งมั่นและจุดยืนของตัวเอง
  

          นี้จึงเป็นความประทับใจและความผูกพันระหว่างบุคคลทั้งสอง  และด้วยอานิสงส์แห่งคุณธรรมและอุดมการณ์ดังกล่าว ทำให้ทั้งสองยังมีชีวิตยืนยาวต่อมาจนได้พบกับความซึ้งใจระหว่างกันอีกครั้งและเป็นที่ประทับใจของผู้คนทั้งโลกในเวลาต่อมา
   

         อุทาหรณ์นี้เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ว่า คุณธรรม มโนธรรม หรือน้ำใจที่มนุษย์ผู้มีใจสูงมอบให้แก่กันนั้น  ย่อมอยู่เหนือคำว่าสงครามหรือความขัดแย้งใดๆ
  

           ไม่มีความก้าวร้าวรุนแรงใด ที่จะชนะใจหรือชนะบุคคลอื่น  มีแต่ความนุ่มนวล สงบเยือกเย็นอย่างมีสติเท่านั้นที่จะชนะใจทุกฝ่ายและทุกสิ่งได้ อย่างชนิดที่ไม่ต้องนึกเสียใจในภายหลัง  ความนุ่มนวลอ่อนโยน ย่อมชนะความแข็งกร้าวได้เสมอ ไม่ว่ายุคสมัยและกาลเวลาของโลกจะเปลี่ยนไปเพียงใด
 

            สงครามหรือความขัดแย้งไม่เคยมอบสิ่งใดให้มนุษย์ นอกจากความสูญเสียและความเสียใจของทั้งสองฝ่าย  มีแต่สันติภาพคือความสงบในดวงใจเท่านั้น ที่จะชนะสิ่งทั้งปวงและชนะอย่างเด็ดขาดตลอดไป

 

                                                                                                       

                                                                                                        คุรุอตีศะ


                                                                                              ๒๘  พฤศจิกายน  ๒๕๕๖